เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 45 สะกดวิญญาณ
บทที่ 45 สะกดวิญญาณ
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันเสียงดัง แต่ปรมาจารย์ก็ยังได้ยิน
เขาหันมามองด้วยความโกรธ “อวดดีนัก เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
อู๋จงซ่านกับภรรยาเดินมาไล่พวกเขา “มองอะไร! นี่คือปรมาจารย์ที่ฉันเชิญมา ถ้าเธอไปล่วงเกินเขาเข้า เธอจะมาช่วยลูกชายฉันแทนหรือไง?”
ฉู่ลั่วตอบอย่างไร้อารมณ์ “ฉันช่วยได้ค่ะ”
ปรมาจารย์เยาะเย้ย “ไม่รู้จักประมาณตัวเลยนะ!”
เขาสะบัดฝุ่น แล้วพูดจาฟังดูสูงส่งว่า “เอาละ ไม่ต้องไล่พวกเธอออกไปหรอก ให้พวกเธอได้เห็นความเก่งกาจของไม้แก่อย่างฉัน จะได้เปิดหูเปิดตาเสียหน่อย”
อู๋จงซ่านถึงเลิกขวางทั้งสอง ทั้งยังให้เข้ามาในห้องพักผู้ป่วยอีกด้วย
ปรมาจารย์พึมพำกับเตียงผู้ป่วยหลายประโยค ก่อนจะเดินวนรอบเตียงผู้ป่วย
หมอกดำที่เกาะอยู่รอบเตียงฟุ้งกระจายไปมา
ทันใดนั้นเอง เขาก็หยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แปะลงบนหน้าผากของอู๋เฉียง “วิญญาณจงกลับมา!”
สิ้นเสียงตะโกนอันน่าเกรงขาม
อู๋เฉียงที่แต่เดิมไม่ได้สติกลับฟื้นลืมตาขึ้นมาทันที
ฉิงจื่อฉิงประหลาดใจ “ฟื้นแล้วละ!”
อู๋จงซ่านกับภรรยาดีใจมาก ต่างโผเข้าไปกอดลูกชาย ทั้งร้องไห้ทั้งดุเขา
ปรมาจารย์อวดอ้างอย่างภูมิใจ “ไม้แก่อย่างฉันบำเพ็ญมาหลายปี เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ปล่อยให้คนรุ่นหลังมาหัวเราะเยาะหรอก!”
“ใช่ ๆๆ ท่านปรมาจารย์เก่งกาจมาก”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ ท่านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตครอบครัวเรา!”
ปรมาจารย์มองฉู่ลั่ว รอให้เด็กสาวขอโทษหรือไม่ก็เลื่อมใสในตัวเขา
แต่ฉู่ลั่วกับเชิดคางขึ้น พลางกล่าวเสียงเรียบนิ่ง “…นี่ถือว่าเก่งแล้วเหรอ?”
อู๋เฉียงที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดวงตาทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างเฉื่อยชา ไม่พูดจา และปราศจากการเคลื่อนไหว
ปรมาจารย์กระแอม “ถูกทำให้ตกใจน่ะสิ ผ่านไปสองวันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
“นี่ไม่ใช่สามดวงจิตไม่สมบูรณ์ เจ็ดวิญญาณกระจัดกระจาย*[1] หรอกเหรอ?” ฉู่ลั่วเดินไปข้างเตียงผู้ป่วย “ถึงเขาจะฟื้นแล้ว แต่กลับมาเพียงหนึ่งดวงจิตหนึ่งวิญญาณเท่านั้น”
“ขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ และไม่มีสตินึกคิด”
อู๋จงซ่านถามอย่างเคลือบแคลงใจ “ท่านปรมาจารย์ จริงไหมครับ?”
ปรมาจารย์ทำตัวไม่ถูก แต่ก็รับปากอย่างหนักแน่นว่า “จริงเท็จอะไรกัน! แค่เรียกฉันมาทำให้ลูกชายฟื้นไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ลูกชายคุณก็ตื่นแล้ว จ่ายเงินมา รีบจ่ายเงินมา”
ท่าทางเร่งรีบเช่นนี้ ช่างต่างจากที่วางท่าสูงส่ง เหมือนตนอยู่เหนือกว่าสวรรค์เมื่อครู่เป็นไหน ๆ
อู๋จงซ่านสวนกลับมาอย่างเดือดดาล “เงินอะไร! ฉันอยากให้ลูกชายฉันฟื้นมาเป็นปกติ ไม่ได้อยากให้เขาดูเหมือนตายไปครึ่งตัวแบบนี้!”
“แกมันไอ้คนหลอกลวง!”
ปรมาจารย์ตะโกนเสียงดัง “หลอกลวงอะไร? พวกคุณพูดไร้สาระให้น้อยหน่อย พวกคุณบอกให้มาปลุกลูกชายให้ฟื้น ถ้าอยากให้สามดวงจิตเจ็ดวิญญาณของลูกชายกลับมาครบ ก็ต้องจ่ายอีกราคา”
อู๋จงซ่านมีความหวังขึ้นมา “เท่าไหร่ครับ?”
อีกฝ่ายตอบ “ห้าล้าน”
“ห้าล้าน! ต่อให้ขายสมบัติทั้งหมดของตระกูลก็ยังไม่พอจ่ายเลย!” คุณนายอู๋ร้องไห้โฮ
อู๋จงซ่านกัดฟันต่อรองราคา
ปรมาจารย์ยืนกรานว่าต้องเป็นห้าล้าน “จ่ายมาสามแสนก่อน เอาไว้หาเงินห้าล้านได้แล้วค่อยมาหาฉัน!”
เขาสะบัดฝุ่นออก “ถ้าไม่ให้ ฉันก็จะเก็บหนึ่งดวงจิตหนึ่งวิญญาณนี้กลับไป”
อู๋จงซ่านจะไม่ให้ได้อย่างไร!
อย่างน้อยตอนนี้ลูกชายก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมโอนเงินด้วยความคับข้องใจ
แต่ฉู่ลั่วขัดจังหวะการโอนเงินนั้นไว้ “เขาตั้งราคาไว้ที่ห้าล้าน เพราะรู้ว่าพวกคุณจ่ายไม่ไหว ราคาถึงได้สูงเสียดฟ้าขนาดนี้ พลังของเขามีพอแค่เรียกหนึ่งดวงจิตหนึ่งวิญญาณของลูกคุณกลับมาได้เท่านั้นค่ะ”
“ยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พูดพล่ามอะไร!” ปรมาจารย์หน้าตาบึ้งตึง และวางท่าใหญ่โต
ฉู่ลั่วสีหน้าเรียบนิ่ง “เอาสามแสนนี้มาให้ฉัน ฉันจะพาลูกชายของคุณกลับมาครบทั้งสามดวงจิตเจ็ดวิญญาณ”
ปรมาจารย์หัวเราะเยาะ “อวดดี!”
อู๋จงซ่านมองฉู่ลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า และเห็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยในชุดคนไข้ มองดูพึ่งพาไม่ได้
เขาจึงหันกลับไปเตรียมจะโอนเงิน
ฉู่ลั่วยืนยัน “ฉันสามารถพาวิญญาณของเขากลับมาได้ตอนนี้เลยค่ะ”
เธอจงใจเน้นย้ำ “ตอนนี้… เดี๋ยวนี้เลย!”
อู๋จงซ่านหยุดการโอนเงินไว้ก่อน แล้วหันมามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอ?”
คุณนายอู๋ทั้งมีความหวังทั้งลังเลใจ “เธอทำได้จริงหรือเปล่า?”
ปรมาจารย์หัวเราะอย่างเย็นชา “พวกคุณเชื่อคำพูดไร้สาระแบบนี้ด้วยเหรอ!”
ฉิงจื่อฉิงเดินมาข้าง ๆ “ลั่วลั่วเก่งมากเลยนะคะ!”
[1] สามดวงจิต เจ็ดวิญญาณ หมายถึงองค์ประกอบที่ช่วยดำรงความเป็นมนุษย์ และมีสติสัมปชัญญะครบสมบูรณ์ แบ่งออกเป็น สามดวงจิต ได้แก่ จิตวิญญาณฟ้า จิตวิญญาณดิน และจิตวิญญาณชีวิต ส่วนเจ็ดวิญญาณ ได้แก่ ดีใจ โกรธ เศร้า กลัว รัก ร้าย และโลภ เชื่อว่าจะเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ต้องมีอย่างน้อยสามจิต หากมีจิตเดียว จะตายภายในเจ็ดวัน