เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 47 กำไลข้อมือที่ดื้อรั้น
บทที่ 47 กำไลข้อมือที่ดื้อรั้น
อู๋เฉียงเองก็สังเกตเห็นสาวสวยแปลกหน้าที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วย แม้อายุจะต่างกัน แต่เป็นสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น
หลังพูดปลอบใจพ่อแม่สองสามประโยคแบบขอไปที เขาก็เงี่ยหูฟังพวกเธอพูดคุยกันไปด้วย
“พ่อ แม่ พวกเธอเป็นใครเหรอ?”
อู๋จงซ่านเล่าเรื่องที่ฉู่ลั่วช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าฉู่ลั่วพร้อมสีหน้าเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านปรมาจารย์หญิง ขอบคุณจริง ๆ ผมจะโอนเงินให้คุณนะครับ”
สามแสน สำหรับครอบครัวของพวกเขาเป็นเงินจำนวนเยอะมาก
แต่ขอแค่ช่วยลูกชายกลับมาได้ ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้เขาก็ยอม
ฉู่ลั่วได้รับเงินแล้วก็ถามว่า “กำไลข้อมืออันนี้…”
“ปรมาจารย์หญิง ถ้าท่านต้องการมัน ก็โปรดเอากลับไปด้วยเถอะครับ”
อู๋เฉียงได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อ เขาก็กลัวจนไม่กล้ามองกำไลข้อมือเส้นนั้นอีก ได้แต่พูดว่า “เอาไปเลยครับ! เอาไปเลย! อันนี้ผมเก็บได้ตรงนอกบ้านผีสิง คิดตื้น ๆ ว่ามีใครทำตกไว้ พอเห็นว่ามันสวยดีก็เลยเก็บมา”
ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นของคนตายกันเล่า! แถมมีคุณค่าทางใจกับเจ้าของเก่ามากด้วย!
หากมีโอกาส เขาจะต้องย้อนเวลากลับไปทุบตัวเองที่กล้าหยิบของมั่ว ๆ ให้ตาย
เมื่อเห็นฉู่ลั่วนำกำไลข้อมือกลับมาด้วย ฉิงจื่อฉิงอดถามอย่างเป็นกังวลไม่ได้ว่า “ลั่วลั่ว กำไลข้อมือนี้มีผลอะไรกับหนูหรือเปล่า? ถ้ามีผลกระทบอะไร พวกเราอย่ายุ่งกับมันเลยนะ หรือไม่ก็หาวัดหรือสำนักเต๋าสักที่ แล้วส่งมันไปไว้ที่นั่น”
ได้ยินเช่นนี้ ฉู่ลั่วก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
เธอยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “ถึงกำไลข้อมือจะเป็นของที่มีพลังหยิน แต่ไม่มีผลอะไรกับหนูค่ะ มันแค่มีความรู้สึกรักโลภโกรธหลงของเจ้าของเดิม กับมีพลังวิญญาณเล็กน้อยเท่านั้น”
ฉิงจื่อฉิงไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่หากไม่มีผลกระทบอะไรต่อฉู่ลั่ว เธอก็รู้สึกวางใจแล้ว
เมื่อส่งเด็กสาวกลับถึงห้องพักผู้ป่วย ฉิงจื่อฉิงก็กลับบ้านไปพักผ่อน
เธอนอนหลับตาพักสมองบนเตียงผู้ป่วย ทันใดนั้นเอง… ห้องที่เคยเงียบก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น มันนำพาความรู้สึกโศกเศร้าและคร่ำครวญอย่างไม่สิ้นสุดมาด้วย
เสียงนั้นล่องลอยอยู่ในห้องพักผู้ป่วย เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ฟังดูไร้เรี่ยวแรง แต่ยามถอนหายใจในแต่ละครั้ง ก็ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดกดดันในห้องพักผู้ป่วยได้
“เฮ้อ…”
“เฮ้อ…”
“เฮ้อ…”
เสียงนั้นเข้ามาใกล้เตียงผู้ป่วยขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับดังอยู่ข้างหูของฉู่ลั่ว เหมือนจะแทรกเข้าไปในหูและทะลุเข้าไปในสมอง ลึกเข้าไปข้างในจิตวิญญาณของเธอ
จนกระทั่งเสียงที่เย็นเยียบไปถึงกระดูกดังใกล้กับติ่งหู ฉู่ลั่วถึงลืมตาขึ้น แล้วหันไปมองทันที
สิ่งที่แนบชิดอยู่กับหูของเธอคือกำไลข้อมืออันนั้น มันลอยมาอยู่ข้างหูเธอ ลูกปัดหยกหมุนเบา ๆ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังกลิ้งมันเล่น
ช่างเป็นกำไลข้อมือที่รู้งานมาก เมื่อเห็นฉู่ลั่วตื่น มันก็ตกใจจนชะงักและสั่นอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหล่นลงมาบนหมอน
ฉู่ลั่วไม่พูดอะไร “…”
เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วหยิบกำไลข้อมือขึ้นมา
กำไลข้อมือที่เล่นละครชวนหลอนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลับนิ่งเงียบไม่ไหวติง ไม่ว่าเด็กสาวจะทำอย่างไร มันก็ไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
ฉู่ลั่วใช้นิ้วชี้เคาะที่ลูกปัดหยกเบา ๆ “ถ้าขี้ขลาดก็อย่าทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า แกเป็นแค่กำไลข้อมือเส้นหนึ่ง อดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกเลย”
กำไลข้อมือขยับเองทั้งที่ไม่มีลม มันส่ายไปมาอยู่บนนิ้วของเธอ
แสดงออกชัดเจนว่าทุบตีให้ตายอย่างไรก็ไม่ฟัง
ฉู่ลั่วข่มขู่ว่า “แกมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ถ้ายอมปล่อยวางเรื่องในชาติก่อนของเจ้าของเดิม ฉันจะส่งแกไปที่วัดหรือสำนักเต๋า หากแกได้บำเพ็ญในป่าลึกสักพัก โชคชะตาแกต้องดีมากแน่นอน”
“แต่ถ้ายังยืนกรานจะอยู่บนโลกต่อไป แกจะถูกโลกโสมมนี้กลืนกินได้ง่าย พลาดครั้งดียวก็กลายเป็นสิ่งชั่วร้าย ถึงตอนนั้นฉันคงไม่เบามือกับแกเหมือนวันนี้แน่”
กำไลข้อมือยังคงขยับทั้งที่ไม่มีลม
ฉู่ลั่วหรี่ตา “…”
เธอเพิ่งเคยพบสิ่งของที่ดื้อด้านขนาดนี้เป็นครั้งแรก ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลสินะ?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉู่ลั่ววางกำไลข้อมือไว้ข้างตัว “เข้ามาได้ค่ะ”
ฉู่เหิงถือของกินเข้ามา “เมื่อกี้พี่ไปถามหมอมาแล้ว เธอต้องนอนพักที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้”
“แพทย์แผนตะวันตกอาจจะรักษาต้นเหตุของโรคกระเพาะที่เธอเป็นไม่ได้ พี่หาแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งมาได้ หลังออกจากโรงพยาบาลพี่จะพาเธอไปหานะ”
เขาเลื่อนโต๊ะมาไว้ข้างเตียงผู้ป่วย วางของกินลงบนโต๊ะ อาหารทุกอย่างเป็นอาหารตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งสิ้น
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”