เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 5 ตระกูลซ่งปกป้องฉู่ลั่ว
คนอื่น ๆ ในตระกูลฉู่ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ฉู่จ้านอายุไล่เลี่ยกัน และค่อนข้างสนิทกับซ่งจือหนาน จึงดึงอีกฝ่ายเข้ามากระซิบถามเสียงเบา “พ่อนายโกรธฉู่ลั่วจนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง?”
“นายจะไปรู้อะไร!” อีกฝ่ายกรอกตา
ฉู่จ้านได้แต่งุนงง “…”
ซ่งอวิ๋นชิงเดินผ่านฉู่เหว่ยฮ่าวไปหาเด็กสาวท่าทางตื่นเต้น “ลั่วลั่ว ลุงซ่งขอพาหนูไปเยี่ยมป้าฉิงของหนูที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วขมวดคิ้ว
ซ่งอวิ๋นชิงรีบพูดว่า “ขอแค่หนูยอมไปด้วยก็พอ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง? หนูก็เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลซ่ง”
“ใช่ ๆๆ ฉู่ลั่ว ขอแค่คุณยอมไปด้วย ต่อไปใครในเมืองเจียงกล้ารังแกคุณ ก็จะมีเรื่องกับผมซ่งจือหนาน และมีปัญหากับตระกูลซ่งด้วย” ซ่งจือหนานตบหน้าอกเป็นการรับประกัน
คนในตระกูลฉู่มองอย่างไม่เข้าใจ
ฉู่ลั่วยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ฉันเป็นแค่สตรีมเมอร์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ซ่งอวิ๋นชิงไม่เข้าใจ “…”
แต่ซ่งจือหนานตีความได้เก่งมาก และเข้าใจในทันที
เขาควักเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง “ผมกับพ่อจะกดติดตามคุณ ถ้าคุณต้องการ ผมซื้อผู้ติดตามให้ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันต้องการแค่ผู้ชมที่ชอบไลฟ์สตรีมของฉันจริง ๆ เท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว”
ซ่งจือหนานกดติดตาม และยื่นไปตรงหน้าฉู่ลั่ว ทั้งยังพูดประจบประแจง “คุณวางใจได้ ต่อไปเวลาที่คุณไลฟ์ ผมจะดูแน่นอน”
ฉู่ลั่วถึงยอมลุกขึ้นมา “ไปกันเถอะ!”
คนตระกูลฉู่ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉู่ลั่วก็ขึ้นรถไปกับซ่งอวิ๋นชิงและลูกชายแล้ว
ฉู่จ้านมึนงงไปสักพัก ก่อนจะถามว่า “คุณพ่อ! คุณลุงซ่งหมายความว่ายังเหรอครับ?”
ฉู่เหว่ยฮ่าวก็แปลกใจเช่นกัน
มีเพียงฉู่หร่านที่กำลังครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของซ่งจือหนาน
คำพูดนั้นชัดเจนมาก… ที่ว่าตระกูลซ่งจะปกป้องฉู่ลั่ว
…
โรงพยาบาล
ซ่งอวิ๋นชิงกับลูกชายอธิบายสถานการณ์ของฉิงจื่อฉิงให้ฟังอย่างละเอียดตั้งแต่บนรถ
หลังจากป้าฉิงคลอดซ่งจือหนานออกมา สุขภาพก็ย่ำแย่มาตลอด
โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้ ทุกปีเธอต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่งเสมอ
แต่ครั้งนี้อาการร้ายแรงกว่าครั้งก่อน ๆ มาก ฉิงจื่อฉิงอาการเข้าขั้นวิกฤตมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
ทางโรงพยาบาลบอกว่าร่างกายของเธอไม่ต่างจากเมื่อก่อน ส่วนสาเหตุของอาการโคม่าคืออะไร พวกเขาก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน
เมื่อวิทยาศาสตร์ให้คำตอบไม่ได้ พวกซ่งอวิ๋นชิงจึงตามหาหมอผีที่มีชื่อเสียงมาดูอาการ
แต่หลายท่านแม้ลองเรียกวิญญาณด้วยสารพัดวิธี ทำทุกทางไม่ซ้ำกันแล้ว ผู้ป่วยก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“ห้องนั้นใช่ไหม?” ฉู่ลั่วเพิ่งออกจากลิฟต์ ก่อนชี้ไปทางห้องพักทางซ้ายมือข้างหน้าพร้อมเอ่ยถาม
ฉิงจื่อฉิงพักอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน ทั้งชั้นจึงมีห้องผู้ป่วยเพียงสิบห้อง ซึ่งทั้งหมดล้วนมีไว้สำหรับคนไข้วีไอพีเท่านั้น
ลักษณะภายนอกของแต่ละห้องเหมือนกันหมด
ซ่งจือหนานรีบพยักหน้า “ห้องนั้นแหละ ห้องนั้นเลย ฉู่ลั่ว คุณมีความสามารถจริงด้วย!”
ซ่งอวิ๋นชิงจ้องลูกชายของตน ในใจชื่นชมฉู่ลั่วมากกว่าเดิม
ในสายตาของเด็กสาว ท่ามกลางห้องพักผู้ป่วยที่สว่างและสะอาดสะอ้านนั้น มีเพียงห้องเดียวเท่านั้นที่มีกลื่นอายสีดำปกคลุมอยู่
เปิดประตูเข้าไป สีหน้าของฉู่ลั่วก็เปลี่ยนไปทันที
ในห้องพักผู้ป่วยไม่ได้มีแค่กลิ่นอายของความตาย แต่ยังมีแสงสีทองจาง ๆ อยู่ด้วย
เพียงแต่แสงนั้นเลือนรางมากเหลือเกิน มันล้อมรอบอยู่บนตัวของฉิงจื่อฉิงเพียงเบาบาง
“ลั่วลั่ว เป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ลั่วยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย “วิญญาณหายไปแล้ว”
ซ่งอวิ๋นชิงตกใจ แต่ยังได้ยินเด็กสาวพูดอย่างใจเย็นว่า “นี่มันยุ่งยากนิดหน่อย”
ยุ่งยาก?
เพราะอะไร?
เพราะพาดวงวิญญาณกลับมาได้ยากหรือ?
เขากำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินฉู่ลั่วที่กำลังขมวดคิ้วพูดเหมือนเกลียดตัวเองว่า “ตอนนี้พลังวิญญาณของฉันไม่พอ ต้องวาดยันต์เรียกวิญญาณ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีกระดาษเขียนยันต์กับชาดสีแดง”
ซ่งอวิ๋นชิงถอนหายใจ คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเสียอีก
“ผมจะไปซื้อมาเดี๋ยวนี้” ซ่งจือหนานรีบบอก “ต้องการกระดาษเขียนยันต์แบบไหน ชาดสีแดงแบบไหน แล้วต้องการอะไรอีก?”
“กระดาษเขียนยันต์กับชาดธรรมดาก็ใช้ได้แล้ว ซื้อธูปมาอีกหนึ่งกำนะ”
“ได้”
ซ่งจือหนานวิ่งออกไปซื้อของ
ซ่งอวิ๋นชิงถามฉู่ลั่วอย่างระมัดระวังว่า “ลั่วลั่ว หนูมั่นใจหรือเปล่า?”
“ค่ะ”
ซ่งอวิ๋นชิงเห็นท่าทางของเธอ ก็วางใจไปครึ่งหนึ่ง “เมื่อวานโชคดีที่หนูเตือนฉัน ตอนที่ฉันกับจือหนานมาถึง มีพยาบาลฝึกหัดคนหนึ่งหยิบขวดยามาผิด เกือบจะฉีดยาผิด”
“หมอบอกว่าถ้าฉีดยาผิดไป ป้าของหนูก็ไม่รอดแล้ว”
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขากับลูกชายกลัวมากขนาดไหนหลังจากเข้าใจทุกอย่าง
เกรงว่าหากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เรื่องนี้คงไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้อีกแล้ว
เพราะสิ่งนี้เอง ฉู่ลั่วถึงได้กลายเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลซ่ง
ไม่นานซ่งจือหนานก็ซื้อของกลับมา
กระดาษวาดยันต์หนึ่งลัง ชาดหนึ่งลัง และธูปอีกหนึ่งลัง
ฉู่ลั่วตรวจดูก็พบว่าทั้งหมดเป็นของคุณภาพดี
“เริ่มได้แล้วใช่ไหม?” ซ่งจือหนานค่อนข้างตื่นเต้น
เมื่อก่อนเด็กหนุ่มเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง แต่เพิ่งเคยเห็นกับตาครั้งแรก
ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงที่เชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ปักใจสักเท่าไหร่
ฉู่ลั่วพูดอืมคำเดียว ก่อนจะหยิบกระดาษวาดยันต์มาหนึ่งแผ่น ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางติดกัน จุ่มลงในชาด แล้ววาดยันต์บนกระดาษสีเหลือง
นิ้วของเธอเคลื่อนไหวรวดเร็ว ราวกับเมฆคล้อยแม่น้ำรินไหล เมื่อวาดขีดสุดท้ายเสร็จ ยันต์ก็เปล่งแสงสีทองออกมา
ซ่งจือหนานคว้าแขนของชายวัยกลางคนด้วยความตื่นเต้น “พ่อ พ่อเห็นไหม? ผมตาฝาดไปหรือเปล่า?”
“เงียบ!” ในใจของซ่งชิงอวิ๋นตื่นเต้นยิ่งกว่าลูกชายเสียอีก แม้ว่าใบหน้าจะยังคงเรียบเฉย
ฉู่ลั่วนำยันต์ที่วาดเสร็จเดินไปที่เตียงผู้ป่วย แล้วนำยันต์แปะลงบนหน้าอกของเธอ
ก่อนจะหยิบธูปมาสามดอก หลังสะบัดปลายนิ้วเบา ๆ ธูปก็ลุกไหม้ในทันที
ดวงตาของซ่งจือหนานเบิกกว้างเหมือนกับระฆังทองแดง ปากอ้ากว้างจนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟอง
ให้ตายเถอะ นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!
เหมือนกำลังดูหนังที่มีสเปเชียลเอฟเฟกต์เลย
ควันบางเบาลอยออกไปนอกหน้าต่างราวกับมีความรู้สึกนึกคิด
ฉู่ลั่วร้องเรียกเบา ๆ สองสามครั้ง แต่ควันไม่ตอบสนองใด ๆ
เป็นเพราะพลังวิญญาณน้อยเกินไป
“ฉันเรียกแล้ว แต่เธอไม่ตอบรับ พวกคุณเป็นญาติของเธอ ถ้าพวกคุณเรียกเธออาจจะตอบรับก็ได้”
ซ่งอวิ๋นชิงหยิบธูปขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร “ต้องเรียกยังไง?”
“เรียกชื่อเธอให้กลับมา”
“จื่อฉิง ฉิงจื่อฉิง รีบกลับมาเถอะนะ” ซ่งอวิ๋นชิงเรียกอยู่หลายครั้ง ซ่งจือหนานที่อยู่ข้าง ๆ ก็เรียกด้วย “แม่ครับ แม่ รีบกลับมาเถอะ”
ทันใดนั้นเอง เสียงของซ่งจือหนานก็เงียบลง
เขาเบิกตามองไปนอกหน้าต่าง และเห็นว่าควันธูปที่เหมือนมีความรู้สึกนึกคิดนั้น กำลังลอยกลับเข้ามา
ควันเหล่านั้นลอยตรงไปที่เตียงผู้ป่วย
เมื่อลอยตรงไปถึงข้างเตียงก็สลายไปทันที
“เรียบร้อยแล้ว” ฉู่ลั่วเอ่ย
ซ่งอวิ๋นชิงเดินไปข้างผู้ป่วย เมื่อก้มหน้ามองก็เห็นนิ้วของฉิงจื่อฉิงขยับเล็กน้อย จึงคว้ามากุมไว้ทันที
ซ่งจือหนานขอบตาแดงก่ำ รีบพุ่งตัวเข้าไป ร้องเรียกเสียงดัง “แม่ครับ!”
ฉิงจื่อฉิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เด็กหนุ่มกำลังจะยื่นมือออกไปกอดแม่ แต่ถูกพ่อผลักออกมาเสียก่อน
ซ่งจือหนานหมดคำพูด “…”
เขาเห็นพ่อแม่กอดจูบกันอยู่ทางนั้น ก็ทำเป็นปัดเศษขี้เถ้าที่ไม่ได้อยู่บนตัว ก่อนจะเดินไปหยุดข้างฉู่ลั่วด้วยท่าทีเก้อเขิน
“คือว่า… แม่ของผมไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม!”
เมื่อก่อนเขาเอาแต่สร้างเรื่องลำบากให้ฉู่ลั่ว ตอนนี้เธอกลายมาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตแม่ของเขาไว้ เขาจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ยังหรอก”
ซ่งจือหนาน “…”
เขาเพียงแค่เอ่ยถามไปตามมารยาทเท่านั้นเอง!
ทำไมถึงได้รับคำตอบน่าเหลือเชื่อขนาดนี้