เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 61 นักพรตชื่อหยาง
ทานอาหารเย็นเสร็จ ซ่งเชียนหย่าก็เอารังนกไปปลอบใจฉู่หร่าน
อีกด้าน เมื่อฉู่ลั่วกลับมาที่ห้องนอน ซ่งเมี่ยวเมี่ยวก็มาวนรอบตัวเธอด้วยความโกรธ “ฉู่หร่านคนนั้นเป็นคนไม่ดี!”
ฉู่ลั่วหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินออกไปนั่งสมาธิที่ระเบียง
เมื่อวานหลังไลฟ์สตรีมจบ เธอพบว่าพลังวิญญาณของเธอเพิ่มขึ้น
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?”
“ก็เป็นคนไม่ดีนี่” ซ่งเมี่ยวเมี่ยวลอยไปหยุดตรงหน้าฉู่ลั่ว แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าสงบนิ่งก็สงสัย “พี่สาวไม่โกรธเหรอคะ?”
ฉู่ลั่วตอบเสียงนิ่ง “ไม่โกรธ”
เธอลืมตาขึ้น มองซ่งเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่ตรงหน้า “เธอเป็นวิญญาณ จะรับผลกระทบจากความรู้สึกเชิงลบพวกนี้ไม่ได้”
ว่าแล้วเด็กสาวก็มองไปยังชายหนุ่มที่กำลังคอสเพลย์เป็นรูปปั้นอยู่ริมหน้าต่าง “คุณก็เหมือนกัน วิญญาณของคุณไม่มั่นคงยิ่งกว่าเมี่ยวเมี่ยวอีกนะ ทางที่ดีออกห่างจากสภาพแวดล้อมแย่ ๆ ให้ไกลหน่อย”
ฮั่วเซียวหมิงหันมามอง ลูกตาประหลาดสบเข้ากับแววตาสีดำเปล่งประกาย
เขาออกแรงกำมือทั้งสองที่อยู่ข้างลำตัวแน่น ก่อนจะมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง
เด็กสาวไม่เอ่ยอะไร “…”
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวกระซิบบอก “เมื่อวานพี่ชายแอบออกไปข้างนอกค่ะ เขาถูกนักพรตคนหนึ่งไล่ทุบตี แต่สุดท้ายพี่ชายก็หนีกลับมาได้”
ฉู่ลั่วลืมตาขึ้น เธอขมวดคิ้ว “วิญญาณของคุณไม่มั่นคง ถูกกลิ่นอายชั่วร้ายทำให้แปดเปื้อนได้ง่าย ถ้าถูกผู้บำเพ็ญจับตัวไป คุณต้องถูกทำลายวิญญาณแน่”
อย่างเบาคือถูกกำราบให้ยอมจำนน อย่างหนักคือถูกทำลายเป็นเถ้าถ่าน
สายตาของฮั่วเซียวหมิงยังคงจับจ้องไปที่กายเนื้อของตัวเอง “บนตัวผมมีกลิ่นอายชั่วร้ายหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วมอง แล้วส่ายหน้า
ฮั่วเซียวหมิงกับซ่งเมี่ยวเมี่ยวมายืนข้างเธอ เด็กสาวมักจะชำระล้างจิตใจและวิญญาณให้พวกเขาเสมอ ดวงวิญญาณทั้งสองจึงสะอาดมาก
เธอเข้าใจความหมายของฮั่วเซียวหมิงในทันที จึงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “คุณจะบอกว่านักพรตคนนั้นรู้ว่าวิญญาณของคุณใสสะอาด แต่ยังคิดจะกำจัดคุณใช่ไหม?”
ฮั่วเซียวหมิง “อืม”
เขาลอยมาตรงหน้าฉู่ลั่ว “ถึงผมจะรีบหนีมาได้ แต่นักพรตคนนั้นต้องตามหาผมเจอแน่”
“เพราะฉะนั้นที่คุณเอาแต่ทำหน้านิ่ง คือกำลังคิดหาวิธีอยู่เหรอ?” ฉู่ลั่วยืนขึ้น ดูท่าว่าวันนี้คงบำเพ็ญไม่ไหวแล้ว
ฮั่วเซียวหมิงพยักหน้า “ผมไม่อยากทำให้คุณวุ่นวาย แค่คุณต้องอยู่ในบ้านตระกูลฉู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”
ฉู่ลั่วพูดด้วยหน้าตาผ่อนคลาย “มาก็ดี ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าผู้บำเพ็ญในโลกนี้ พลังวิญญาณเป็นยังไงบ้าง?”
…
สามวันต่อมา
ซ่งเชียนหย่ากำลังดึงฉู่ลั่วมาดูโทรทัศน์ด้วยกัน แต่ฉู่หร่านก็กลับมาเสียก่อน
ด้านข้างของเธอเป็นชายชราสวมชุดนักพรตเต๋าสีเหลือง นักพรตเฒ่าสะบัดมือเล็กน้อย พร้อมสีหน้าจริงจัง
ฉู่หร่านถามอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านนักพรตชื่อหยาง เป็นยังไงบ้างคะ?”
ชื่อหยางมองไปรอบคฤหาสน์ตระกูลฉู่ด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะพยักหน้าให้ฉู่หร่าน
ฉู่หร่านตกใจจนหน้าถอดสี รีบวิ่งไปหาซ่งเชียนหย่า แล้วผลักฉู่ลั่วออก ทำท่าทางเหมือนว่ากำลังปกป้องซ่งเชียนหย่า “ลั่วลั่ว ถึงเธอจะเกลียดคุณพ่อคุณแม่ แต่เธอจะทำร้ายพวกท่านไม่ได้นะ!”
ฉู่ลั่วมองนักพรต
ชื่อหยางก็ประสานตากับเธอเช่นกัน ตอนที่เห็นว่าเธอเป็นเด็กวัยรุ่นหน้าตาสะสวย ก็แอบส่ายหน้า
“คนหนุ่มสาวที่เป็นผู้บำเพ็ญสมัยนี้นี่ การเลี้ยงภูตผีเป็นข้อห้ามไม่รู้หรือ? อาจารย์ของเธอเป็นคนจากนิกายไหน หรือว่าอาจารย์ไม่สอนข้อห้ามในการบำเพ็ญหรือ?”
ฉู่ลั่วก็กำลังประเมินชื่อหยาง ตอนนี้พลังวิญญาณของเธอเบาบางมาก ไม่สามารถมองเห็นพลังที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ของอีกฝ่ายได้ “ไม่มีนิกาย และฉันไม่ได้เลี้ยงผี”
ซ่งเชียนหย่ามึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า เธอดึงมือฉู่หร่านออกแล้วถามว่า “หร่านหร่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ฉู่หร่านพูดด้วยน้ำเสียงทั้งกลัวทั้งโกรธ “แม่คะ หนูบังเอิญเจอนักพรตท่านนี้ที่หน้าบ้าน ท่านนักพรตบอกว่าบ้านของเราไม่บริสุทธิ์ค่ะ”
นับตั้งแต่ได้ดูไลฟ์สตรีมของฉู่ลั่ว ซ่งเชียนหย่าก็มีปฏิกิริยาตึงเครียดกับคำว่า ‘ไม่บริสุทธิ์’ สามคำนี้
เธอคิดถึงสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และใบหน้าก็ขาวซีดลง
“จริงเหรอ? บ้านของพวกเรามี… สิ่งนั้นเหรอ?”
ฉู่หร่านพยักหน้า
ชื่อหยางสะบัดมือหนึ่งที และพูดอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ และมีมากกว่าหนึ่งด้วยครับ”
เขาชี้ไปยังฉู่ลั่ว “เป็นสิ่งที่สหายน้อยผู้นี้เลี้ยงเอาไว้!”
ซ่งเชียนหย่ามองลูกสาวแท้ ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พวกต้มตุ๋นที่ไหนกัน ถึงได้กล้ามาหลอกลวงในบ้านตระกูลฉู่!” ฉู่เหิงก้าวยาว ๆ เข้ามา แล้วเอาตัวบังฉู่ลั่วไว้ “หร่านหร่าน อย่าเที่ยวพาใครเข้ามาในบ้านซี้ซั้ว!”
ฉู่หร่านทำหน้าเสียใจ “พี่ใหญ่ หนูก็แค่เป็นห่วงบ้านเราเท่านั้นเอง!”
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าแววตาของฉู่ลั่วมืดครึ้ม วันนี้ยังได้ยินท่านนักพรตพูดแบบนี้อีก เธอจึงเชื่อคำพูดของเขาทันที
ชื่อหยางไม่โกรธ เขาเอาแต่ถามจี้ฉู่ลั่ว “สหายน้อย เธอบอกมาเถอะว่าในบ้านของเธอมีวิญญาณชั่วร้ายหรือไม่?”
พวกฉู่เหิงพากันมองไปที่เด็กสาว
แม้กระทั่งฉู่เหว่ยฮ่าวที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายก็ยังขมวดคิ้วมองเธอ
ที่มุมหนึ่งของชั้นสาม ฮั่วเซียวหมิงมองฉู่ลั่วที่อยู่ข้างล่างหัวเดียวกระเทียมลีบด้วยสีหน้าเย็นชา
แขนเสื้อของวิญญาณหนุ่มถูกดึงเบา ๆ ซ่งเมี่ยวเมี่ยวกระซิบถามเขา “พี่ชาย นักพรตชั่วคนนั้นนี่คะ พี่ลั่วลั่วจะถูกรังแกหรือเปล่า?”
ฮั่วเซียวหมิงเงียบงัน “…”
เขาไม่ได้ตอบ ได้เพียงแต่กัดฟันมองไปข้างล่าง