เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 63 ไม่ผิดคำพูด
บทที่ 63 ไม่ผิดคำพูด
ชื่อหยางเก็บมือ กลับมาไว้ท่าสูงส่งเหมือนเดิม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ!”
มองดูกองขี้เถ้า เขาก็ไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
บำเพ็ญมาตั้งหลายปี เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงใจแบบนี้นานแล้ว
แต่ฉู่ลั่วกลับยื่นมือออกไปคว้าตัวฮั่วเซียวหมิง ก่อนจับเขาไปอยู่ด้านหลัง “จะสู้หรือไม่สู้ คุณไม่ใช่คนตัดสินใจ”
ในตอนนั้นเองฉู่หร่านก็พูดขึ้นมา “ลั่วลั่ว เธอจะทำร้ายพวกเราเพียงเพราะความชอบของตัวเองไม่ได้นะ ถึงจะเป็นแบบที่เธอพูดจริง ถึงไม่เคยทำร้ายคน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนนะ!”
“แค่คิดว่าในบ้านมีของแบบนั้นอยู่ ฉันก็กลัวแล้ว”
ฉู่หร่านหวาดกลัวจริง ๆ
ยิ่งเห็นฉู่ลั่วดึงอะไรบางอย่าง ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกถึงเรื่องลี้ลับพวกนี้มากขึ้น ตอนนี้เธออยากรีบไล่อีกฝ่ายออกไปจากบ้านตระกูลฉู่!
ซ่งเชียนหย่าเองก็กลัว แต่ในความกลัวยังมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เล็กน้อย
ฉู่เหว่ยฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเห็นด้วยกับความคิดของฉู่หร่าน “ลั่วลั่ว ยังไงพวกเขาก็ไม่ใช่คน ผู้บำเพ็ญไม่ใช่ว่าอยู่กันคนละฝ่ายกับภูติผีเหรอ? ให้พวกเขาอยู่ในบ้านคงไม่ดีแน่”
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
ฮั่วเซียวหมิงพูดเสียงจริงจัง “ในสถานการณ์ตอนนี้ คุณให้พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ให้นักพรตเฒ่าคนนี้พาพวกเราไปเถอะ หลังจากนี้ค่อยมาวางแผนระยะยาวกันว่าจะทำยังไง”
ฉู่ลั่วเองก็เข้าใจ ตอนนี้มีแค่ให้ชื่อหยางพาตัวพวกเขาไป ถึงจะปลอบใจคนตระกูลฉู่ได้
แต่ว่า…
เธอก้มหน้ามองซ่งเมี่ยวเมี่ยวที่กอดขาเธอเอาไว้
แม้จะเป็นวิญญาณ แต่ใบหน้ากลม ๆ ของเด็กตัวน้อยนั้นน่ารักมาก
ซ่งเมี่ยวเมี่ยวปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ และหันไปจับมือของฮั่วเซียวหมิง “พี่ชายพูดถูกค่ะ”
พวกเขาจะทำร้ายพี่ลั่วลั่วไม่ได้!
ฉู่ลั่วยังคงเงียบ
ชื่อหยางสะบัดชายเสื้อ พูดโน้มน้าวว่า “สหายน้อย คนธรรมดาต่างก็เข้าใจว่าคนและผีมีเส้นทางที่ต่างกัน เธอเป็นผู้บำเพ็ญกลับมองไม่ออกหรือ สิ่งนี้ขัดกับการบำเพ็ญจริง ให้ฉันพาพวกเขาไป ยังดีกว่าปล่อยให้เธอหลงทางนะ”
ฉู่ลั่วยังคงยืนกราน เธอขวางอยู่ตรงหน้าฮั่วเซียวหมิง “คุณพูดผิดแล้ว ในสายตาของผู้บำเพ็ญ ทุกสิ่งเท่าเทียมกัน คนกับผีไม่ได้แตกต่างกัน คนมีเส้นทางของคน ผีมีเส้นทางของผี แต่ผู้บำเพ็ญเป็นผู้เชื่อมทั้งสองเส้นทางเข้าด้วยกัน”
“หากผู้บำเพ็ญยืนกรานที่จะกำจัดผีเพื่อมนุษย์ แบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าเดินทางผิด”
น้ำเสียงของเธอหนักแน่น “ฉันรับปากแล้วว่าจะดูแลพวกเขา และจะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด”
“ดี!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอันทรงพลังดังมาจากด้านนอก
ทุกคนต่างหันไปมองต้นเสียง ก็เห็นว่าข้างนอกมีคนห้าคนปรากฏตัวขึ้น นำโดยชายสวมชุดคลุมลัทธิเต๋าสีน้ำเงิน เขาคือนักพรตผมหงอกขาว
“ชื่อหยาง แกดื้อดึงเกินไปแล้ว”
ชื่อหยางรีบเก็บชายเสื้อ มองไปทางนักพรตผู้นั้นด้วยความเคารพ “ศิษย์พี่”
หยางเสียนเดินเข้ามา ข้าง ๆ เขาคือซ่งอวิ๋นชิง
ซ่งอวิ๋นชิงรีบเดินมาหาฉู่เหว่ยฮ่าว เขากระซิบบอกสองสามประโยค
สีหน้าของฉู่เหว่ยฮ่าวเปลี่ยนไป ก่อนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “จริงเหรอ?”
ซ่งอวิ๋นชิงพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอก”
ฉู่เหว่ยฮ่าวได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”
ก่อนจะตะโกนบอกคนรับใช้มาเก็บกวาดห้องรับแขก
หยางเสียนเดินเข้ามาหาชื่อหยาง เขาดุศิษย์น้องเบา ๆ ชื่อหยางที่วางท่าสูงส่งเมื่อครู่ ตอนนี้กลับก้มหน้าก้มตาปล่อยให้สั่งสอน โดยไม่อาจโต้กลับได้แม้แต่คำเดียว
จากตอนแรกที่สถานการณ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อหยางเสียนกับซ่งอวิ๋นชิงมาถึง กลับกลายเป็นความเร่งรีบในพริบตา
ฉู่หร่านมองห้องรับแขกที่ถูกเก็บกวาดจนสะอาด ก่อนจะมองชื่อหยางที่กำลังถูกอบรมชุดใหญ่
เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองเพิ่งจะกะพริบตา เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
เธอจับแขนของซ่งเชียนหย่าไว้ตามสัญชาตญาณ “แม่คะ หนูกลัว”
ซ่งเชียนหย่าตบมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ลั่วลั่วน่ะเก่งมาก”
ฉู่หร่านหมดคำพูด “…”
เพราะฉู่ลั่วเก่งเกินไป เธอถึงได้กลัวอย่างไรเล่า!