เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 65 สมบัติทางวัฒนธรรมถูกขโมย
บทที่ 65 สมบัติทางวัฒนธรรมถูกขโมย
ผู้อำนวยการจ้าวไม่อ้อมค้อม ทันทีที่ประตูปิด ก็เริ่มพูดธุระทันที “สำนักงานสอบสวนอาชญากรรมสอบปากคำหวังชางทั้งคืน หวังชางคนนี้ไม่ใช่แค่ฆ่าคน แต่ยังปล้นสุสานด้วย”
“หวังชางยอมรับสารภาพเรื่องฆาตกรรม แต่ไม่พูดถึงเรื่องขโมยโบราณวัตถุแม้แต่คำเดียว”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเอ่ยว่า “หรือว่าเขาจะขายไปหมดแล้ว?”
ผู้อำนวยการจ้าวส่ายหน้า “ถึงจะขายไป ก็น่าจะขายไปแค่บางส่วน พวกเราตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคารของหวังชางในช่วงหลายปีมานี้ แต่เงินพวกนั้นได้มาจากบริษัทที่เขาเปิดเองทั้งสิ้น”
แต่ว่า …เงินที่เอามาใช้เปิดบริษัทน่าจะมาจากการขายวัตถุโบราณ
แค่นึกถึงวัตถุโบราณที่ถูกขายไปเหล่านั้น ผู้อำนวยการจ้าวก็มีสีหน้าเจ็บปวด
ผู้อำนวยการจางพูดแทรกอย่างรวดเร็วราวกับเทถั่ว เรียกได้ว่าพ่นทุกอย่างออกมาจนหมด “ในมือของหวังชางยังมีวัตถุโบราณหลงเหลืออยู่แน่ ในมือของผู้ที่สมรู้ร่วมคิดของเขาก็คงมีเหมือนกัน!”
“เสี่ยวฉู่! ของพวกนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเรา เป็นเครื่องยืนยันทางประวัติศาสตร์ เป็นสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษของพวกเราหลงเหลือเอาไว้ ถ้าต้องถูกทำลายไปแบบนี้…”
พูดไปตาก็เริ่มแดงขึ้นมา
พวกเขาที่ทำงานในสายอาชีพนี้ สิ่งที่กลัวก็คือการปล้นสุสานโบราณ
เมื่อใดที่เห็นสุสานแต่ละแห่งถูกปล้น วัตถุโบราณชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกทำลาย หรือถูกขายไปต่างประเทศ พวกเขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมีดทิ่มแทงหัวใจ
ฉู่ลั่วมองพวกเขา ในใจก็รู้สึกหวั่น ๆ ขึ้นมา
“ถ้ามีอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วย ก็บอกมาได้เลยค่ะ”
ในตอนนี้เองชิงหยางก็เอ่ยขึ้นมา “หวังชางไม่ยอมพูดอะไรเลย ผู้อำนวยการจ้าวจึงมาหาฉัน หวังว่าฉันจะช่วยทำให้หวังชางยอมเปิดปากบอกที่ซ่อนวัตถุโบราณ”
ชิงหยางส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “น่าเสียดายที่ตบะของฉันไม่พอ หลังจากไปหาหวังชางแล้ว ก็รู้ว่าตัวฉันเองไม่สามารถทำให้เขายอมพูดได้”
“ดังนั้น พวกเราเลยคิดถึงเธอขึ้นมา”
ก่อนหน้านี้เขาติดตามฉู่ลั่วอยู่ แต่เขามีธุระจึงไม่ได้ดูไลฟ์สตรีมครั้งก่อน หลังจากที่ผู้อำนวยการจ้าวมาหา เขาถึงได้เข้าไปค้นหาคลิปที่ชาวเน็ตบันทึกและอัปโหลดเอาไว้
ฉู่ลั่วผู้นี้ ต้องมีพลังวิญญาณเหนือกว่าเขาอย่างแน่นอน
บนมือของหวังชางมีเส้นชะตาที่เขาสามารถคำนวณดวงชะตาได้ แต่ชะตาหลังจากนี้ เขาไม่สามารถคำนวณออกมาได้แล้ว
จนกระทั่งฉู่ลั่วอธิบายออกมาได้ เขาถึงได้ตระหนักรู้ขึ้นมาทันที
ฉู่ลั่วรับปาก “ได้ค่ะ”
ชิงหยาง “…”
ผู้อำนวยการจ้าวและคนอื่น ๆ “…”
กระทั่งฉู่เหว่ยฮ่าวยังชะงักไป “ลั่วลั่ว ลูกรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไร? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “หนูรู้ค่ะ เลยตอบตกลง”
ผู้อำนวยการจ้าวตกตะลึง เขาจับมือเด็กสาวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณเธอมากเสี่ยวฉู่ ขอบคุณมาก! ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่การที่เธอมีน้ำใจแบบนี้ถือว่าหาได้ยากแล้ว”
คนอื่น ๆ เองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
ฉู่ลั่วค่อนข้างอึดอัดใจกับท่าทีกระตือรือร้นของผู้อำนวยการจ้าว จึงดึงมือของตนเองออกมา “อย่าเสียเวลาเลยค่ะ ไปกันตอนนี้เลย”
ผู้อำนวยการจ้าวรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ ไปกันเลย ไปตอนนี้เลย!”
หากปล่อยเวลาไว้นานกว่านี้ แล้วผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับหวังชางรู้เข้า อาจจะทำลายวัตถุโบราณหรือเปลี่ยนมือไปแล้วก็ได้ แบบนั้นต้องแย่แน่
ด้านล่าง ซ่งอวิ๋นชิงกำลังคุยกับฉู่เหิง
ฉู่เหิงรู้เรื่องจากคำบอกเล่าของซ่งอวิ๋นชิง ที่แท้ผู้อำนวยการจ้าวก็ไปหาท่านนักพรตชิงหยาง และท่านนักพรตชิงหยางก็แนะนำฉู่ลั่วให้ผู้อำนวนการจ้าว
พวกเขาไม่สามารถตรงเข้ามาหาได้ จึงไปหาซ่งอวิ๋นชิงก่อน
ซ่งอวิ๋นชิงดื่มชาอึกหนึ่ง “ฉันกับผู้อำนวยการจ้าวก็ไม่ได้สนิทอะไรกันหรอกนะ แค่เคยพบกันในงานประชุมทางธุรกิจก่อนหน้านี้”
ผู้อำนวยการจ้าวเป็นฝ่ายโทรหาเขาก่อน นั่นทำให้เขาตกใจเล็กน้อย
ฉู่หร่านที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณลุงซ่งคะ ผู้อำนวยการจ้าวมาหาลั่วลั่วทำไมเหรอคะ? ลั่วลั่วช่วยอะไรผู้อำนวยการจ้าวได้เหรอ?”
ซ่งอวิ๋นชิงยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม “ลุงเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ชายวัยกลางคนพอจะเดาออกบ้าง แต่ไม่พูดออกมา
ไลฟ์สตรีมเมื่อหลายวันก่อนของฉู่ลั่ว เขาได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อครู่ที่ผู้อำนวยการจ้าวพูดถึงหวังชาง และคนที่ผู้อำนวยการจ้าวพามาด้วย เขาก็เข้าใจแล้ว
ฉู่เหิงเองก็คาดเดาได้
พวกเขามองตากัน ก่อนจะละสายตาออกไป
เรื่องแบบนี้ได้แค่ทำความเข้าใจเท่านั้น แต่ไม่สามารถพูดออกมาให้ชัดเจน
ฉู่หร่านกัดฟัน เธอขยับมานั่งข้างฉู่เหิง พลางเขย่าแขนเขาด้วยท่าทางออดอ้อน “พี่ใหญ่ พี่บอกหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากรู้จริง ๆ หนูสัญญาเลยว่าจะไม่บอกใคร”
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากบอกนะ แต่พี่ไม่รู้จริง ๆ”
ฉู่หร่านเงียบงัน “…”
พอฉู่ลั่วกลับมา… พี่ใหญ่ก็ไม่รักเธออีกแล้ว
แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่ยอมบอก
เมื่อก่อนเขาพูดจาหวานหู บอกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงของตระกูลฉู่ตลอดไป บอกว่าเห็นเธอกับฉู่ลั่วเท่าเทียมกัน
ฮึ!
แต่จะว่าไปแล้ว เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอก็ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่เลย
ฉู่หร่านกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แล้วเดินขึ้นห้องไป
รอจนฉู่หร่านขึ้นไปชั้นสองแล้ว ซ่งอวิ๋นชิงจึงพูดกับฉู่เหิงด้วยความจริงใจว่า “พวกนายต้องคอยดูแลหร่านหร่านให้ดีนะ อย่าให้เป็นเหมือนเมื่อก่อน การตามใจเธอแบบไร้เหตุผลเป็นการทำร้ายเธอ”
ฉู่เหิงพยักหน้า “ผมรู้ครับ”