เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 66 คำสาปสัจจะ
บทที่ 66 คำสาปสัจจะ
ฉู่ลั่วตามผู้อำนวยการจ้าวไปที่ทีมสืบสวนคดีอาชญากรรม เพื่อไปพบกับหวังชาง
คนของทีมสอบสวนคดีอาชญากรรมยังสอบปากคำหวังชางอยู่ เริ่มจากใช้กฎหมายข่มขู่ให้เขาตกใจ ก่อนจะใช้การลดโทษมาเป็นการล่อลวง
แต่หวังชางกลับไม่ไหวติง ทั้งยังไม่ยอมพูดถึงวัตถุโบราณแม้แต่คำเดียว
ผางช่วง หัวหน้าทีมสอบสวนอาชญากรรมขมวดคิ้วเป็นปม “หวังชางผู้นี้ยอมรับเรื่องการฆาตกรรมอย่างไม่ลังเลเลย แต่พอเป็นเรื่องของวัตถุโบราณ กลับไม่ยอมเปิดปากพูด”
“พวกเราตรวจสอบแล้ว ถึงหวังชางคนนี้จะมีคนรักมากมาย แต่เขาไม่มีลูก”
“แสดงว่าไม่มีเรื่องที่จะเอามาข่มขู่ได้เลยสินะ”
พวกผู้อำนวยการจ้าวพากันมองฉู่ลั่ว “เสี่ยวฉู่มีหนทางบ้างไหม?”
ฉู่ลั่วเอ่ย “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเห็นเขาผ่านวิดีโอคอลจึงมองเห็นแค่คดีฆาตกรรมในมือของเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้พอมาอยู่ใกล้ขึ้น ถึงรู้ว่าบนตัวเขาแปดเปื้อนไปด้วยผลกรรมจากบรรพบุรุษ ฉันจะลองดูค่ะ”
ชิงหยางเองก็ค่อนข้างสงสัย อยากรู้ว่าเธอจะง้างปากหวังชางอย่างไร
ฉู่ลั่วเดินเข้าไปในห้องสอบปากคำ พอหวังชางที่นั่งลอยชายอยู่บนเก้าอี้เห็นเจ้าของช่องก็กลับมานั่งตัวตรงทันที ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างดุร้าย
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ ที่นั่งอยู่ด้านข้างของเธอคือตำรวจหญิงของทีมสืบสวนคดีอาชญากรรม
ตำรวจหญิงตบโต๊ะ “พูดมาตรง ๆ ดีกว่า!”
หวังชางรีบก้มหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อเก็บซ่อนความโกรธแค้นและความเกลียดชังในดวงตา
ฉู่ลั่วจ้องเขาอยู่สักพักหนึ่ง ก็ยิ้มออกมา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกที่ซ่อนของวัตถุโบราณ ไม่ใช่ว่าคุณไม่ยอมบอก แต่คุณพูดออกมาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
หวังชางเงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง
“เธอ… เธอรู้ได้ยังไง?”
ฉู่ลั่วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “คำสาปสัจจะ”
หวังชางลุกขึ้นยืนทันที ไม่รู้เพราะตกใจหรือหวาดกลัว เขารีบพูดว่า “เธอ… เธอรู้ได้ยังไง?”
ผู้อำนวยการจ้าวที่มองเข้าไปในห้องสอบปากคำ เอ่ยถาม “ท่านนักพรตชิงหยาง คำสาปสัจจะคืออะไรเหรอครับ?”
ชิงหยางมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาในทันที “ที่แท้ก็คำสาปสัจจะนี่เอง ฉันเคยเห็นคำสาปนี้ในตำราโบราณเท่านั้น ปีนั้นตอนที่โจโฉก่อตั้งกองกำลังชิวจงหลางเจียงกับโมจินเซี่ยวเว่ย*[1] ซึ่งมีความสามารถในการปล้นสุสานสร้างความร่ำรวย นำมาเป็นงบประมาณให้กองทัพ”
ตอนที่ใกล้จะตาย มีการประกาศ ‘ประกาศิตสุดท้าย’ ว่าหลังจากที่เขาตายไม่ให้จัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่
“ห้ามปิดผนึกสุสาน ต้นไม้ หยก สมบัติล้ำค่า และเครื่องทองแดง เหล่านี้ห้ามเอามาฝังด้วยกัน”
ผู้อำนวยการจ้าวที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า “ช่วงหลายปีมานี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่ามีสุสานทั้งเจ็ดสิบสองแห่งที่น่าสงสัย ซึ่งคนเล่าลือต่อกันมานั้นไม่เป็นความจริง”
“ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีหลายท่านที่อยู่ข้าง ๆ พากันพยักหน้า”
แต่ชิงหยางกลับเอ่ยว่า “ไม่ให้จัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่เป็นเรื่องจริง สุสานน่าสงสัยทั้งเจ็ดสิบสองแห่งก็เป็นเรื่องจริง โจโฉขุดสุสานผู้อื่น จึงเกรงว่าเมื่อตนเองตายไปจะถูกขุดสุสานเช่นกัน ดังนั้นจึงบอกให้ฝังศพแบบเรียบง่าย แต่สุสานแบบเรียบง่ายป้องกันได้เพียงโจรขุดสุสานเท่านั้น แต่กลับมิอาจป้องกันผู้ที่ต้องการแก้แค้นได้”
“ก่อนโจโฉจะตายจึงสั่งให้โมจินเซี่ยวเว่ยกับชิวจงหลางเจียง ช่วยเลือกสถานที่ตั้งหลุมศพของเขา ทั้งยังใช้คำสาปรักษาสัจจะ ให้พวกเขาสาบานว่าสถานที่ตั้งหลุมศพจะไม่มีวันหลุดออกมาจากปากของพวกเขา”
“ต่อมา คำสาปสัจจะกับคาถาที่ใช้แก้คำสาปก็หายสาบสูญไป”
ชิงหยางหยุดลงครู่หนึ่ง “แต่ที่จริงมันไม่ได้หายไป แต่ถูกส่งต่อแบบปากต่อปากในหมู่โจรปล้นสุสานมาตลอด”
พวกผู้อำนวยการจ้าวต่างก็มองเข้าไปในห้องสอบปากคำ
ในตอนนั้นเอง ภายในห้องสอบปากคำ หวังชางถูกตำรวจสองนายกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องตรงมาที่ฉู่ลั่ว ปากก็ตะโกนว่า “เธอรู้ได้ยังไง? ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้!”
“ยันต์และคำสาปมีต้นกำเนิดมาจากมนตร์คาถา ของทะเลสาบติงหูในตำนานจักรพรรดิเหลือง และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ยันต์และคำสาปส่งเสริมซึ่งกันและกัน คำสาปสัจจะถูกดัดแปลงมาจากคำสาปกล่าวความจริง คำสาปทั้งสองมีจุดคล้ายคลึงหลายประการ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ” ฉู่ลั่วพูดต้นกำเนิดของยันต์และคำสาปออกมาด้วยท่าทางสงบ ก่อนจะพูดอีกว่า “ฉันไม่ใช่แค่รู้ แต่ยังถอนคำสาปสัจจะได้ด้วย”
หวังชางที่ตอนแรกพยายามดิ้นรนก็สงบลงทันที
เขาจ้องฉู่ลั่วเขม็งอย่างไม่ละสายตา ราวกับพยายามจะตัดสินว่าเธอพูดจริง หรือโกหก
ฉู่ลั่วมองกลับมาด้วยท่าทีสงบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง กล้ามเนื้อในร่างกายของหวังชางก็ผ่อนคลายลง ชายผู้ต้องโทษไหล่ทรุดลง ก่อนจะพูดอย่างหดหู่ว่า “ขอแค่เธอแก้คำสาปสัจจะได้ ฉันจะบอกที่ซ่อนวัตถุโบราณแน่นอน”
บรรพบุรุษของเขาสืบทอดคำสาปสัจจะต่อกันมา แต่กลับไม่สืบทอดวิธีแก้คำสาปมาด้วย
เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ที่โจรปล้นสุสานผูกมัดกันเอาไว้ด้วยคำสาปสัจจะ
ใครก็แก้ไม่ได้ ไม่มีใครหลีกหนีชะตากรรมของคำพูดที่ให้ไว้ต่อกันได้!
ใบหน้าฉู่ลั่วยังคงเรียบเฉย ราวกับว่าเธอไม่สนใจข้อเสนอนี้
หวังชางกัดฟัน “ฉันยังจะบอกเธอด้วยว่าคนที่ร่วมมือกับฉันคือใครบ้าง”
ฉู่ลั่วยิ้ม “ตกลง”
จับหวังชางคนเดียวไปก็เท่านั้น สิ่งสำคัญคือจับได้ทั้งกลุ่มต่างหาก!
[1] ชิวจงหลางเจียงกับโมจินเซี่ยวเว่ย คือชื่อตำแหน่งในกองโจรปล้นสุสานที่โจโฉก่อตั้งขึ้นมา