เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 67 ได้รับมาและสูญเสียไป
บทที่ 67 ได้รับมาและสูญเสียไป
หลังจากที่หวังชางยอมบอกที่ซ่อนวัตถุโบราณ ทั้งยังบอกรายชื่อผู้สมรู้ร่วมคิดกับตนแล้ว คนในทีมสืบสวนคดีอาชญากรรมก็ยุ่งขึ้นมาทันที
การปล้นสุสานถือเป็นคดีใหญ่!
คิดไม่ถึงว่าจับฆาตกรหนึ่งคน จะนำไปสู่เรื่องใหญ่ขนาดนี้
คนในทีมสืบสวนอาชญากรรมต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา
แต่คนที่เนื้อเต้นกว่าใครคือผู้อำนวยการจ้าว พวกเขาขอตามคนของทีมสืบสวนอาชญากรรมไปด้วย
“โบราณวัตถุที่อยู่ในมือพวกเขาเป็นสมบัติของประเทศนะ! พวกคุณรู้เหรอว่าต้องดูแลโบราณวัตถุเหล่านั้นยังไง?”
หัวหน้าทีมสอบสวนผางช่วงไร้ข้อโต้แย้ง จึงต้องยอมพาพวกเขาไปด้วย
เรื่องได้รับการแก้ไขแล้ว ตำรวจหญิงออกมาจากห้องสอบปากคำกับฉู่ลั่ว
เดินมาถึงประตูห้อง ฉู่ลั่วก็หันหน้ากลับไป มองดูหวังชางที่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ และพูดกับเขาว่า “โชคชะตาของคุณกำหนดมาให้มีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน แต่ตระกูลของคุณปล้นสุสานมารุ่นสู่รุ่น ควรจะขาดลูกสิ้นหลาน แต่กลับส่งต่อมาได้หลายรุ่นขนาดนี้ คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
หวังชางเงยหน้า มองเด็กสาวด้วยแววตาว่างเปล่า
เขารู้ดี ถ้าไม่กินลูกปืนซะก่อน ชีวิตนี้ก็อาจจะถูกขังตลอดชีวิต
ฉู่ลั่วพูดต่อ “ถ้าคุณเคยเห็นแผนผังครอบครัวของคุณก็จะรู้เอง ภรรยาที่คนในตระกูลคุณแต่งเข้ามามักเป็นผู้หญิงจากครอบครัวที่ดี ฝ่ายลูกสาวเองก็จะได้แต่งงานกับคนจากครอบครัวที่มีคุณธรรม”
“ภรรยาคนแรกของคุณมีครอบครัวดีมาก ตระกูลของเธอทำเรื่องดี ๆ เอาไว้มากมาย จึงมีความสุขและได้รับพรจากสวรรค์”
“ถ้าคุณอยู่กับภรรยาของคุณไปจนแก่เฒ่า ก็จะมีลูกสาวและลูกชายคู่หนึ่ง”
หวังชางไม่พูดอะไร แต่ในใจกำลังคิดถึงญาติในวงศ์ตระกูล
พ่อของเขาเป็นโจรปล้นสุสาน แม่เป็นครู คุณตาคุณยายล้วนเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ใจบุญที่คนในท้องที่ล้วนรู้จัก
หวังชางนึกถึงภรรยาคนแรกของเขา เธอก็เป็นคนที่อ่อนโยนและจิตใจดี มักจะช่วยเหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชราเป็นประจำ
ก่อนหน้านี้เขายังเคยด่าภรรยาว่าทั้งโง่ทั้งเซ่อซ่า ที่เอาเวลาและพลังงานไปเสียให้กับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง
ฉู่ลั่วมองหวังชางที่อารมณ์ไม่คงที่ “ฉันบอกว่าคุณจะมีทั้งลูกสาวลูกชาย ที่คุณไม่เชื่อเพราะภรรยาคนแรกของคุณให้กำเนิดลูกสาวให้คุณใช่ไหม?”
หวังชางเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย
ฉู่ลั่วสีหน้าเรียบเฉย แต่คำพูดที่กล่าวออกมานั้นเชือดเฉือนยิ่งนัก “คุณลองคิดดูให้ดี ว่าลูกชายที่ภรรยาคนแรกจะคลอดออกมาให้คุณอยู่ที่ไหน?”
หวังชางขมวดคิ้วแน่น เปลือกตาของเขาหรี่เล็กลง เพราะกำลังใช้ความคิด
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นทันที และมองเด็กสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฉู่ลั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ใช่ ตอนที่คุณฆ่าภรรยา เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคุณอยู่”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดย้ำว่า “ลูกชายที่คุณอยากได้มาตลอด”
เด็กสาวเดินออกจากห้องสอบปากคำ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหวังชางดังโหยหวน
ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการสูญเสียสิ่งที่ตนต้องการจะได้มา เขาทำตัวเองอีกแล้ว
…
กลับมาถึงบ้านตระกูลฉู่ ฉู่เหว่ยฮ่าวก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่ให้ลูกสาวแท้ ๆ ไปพักผ่อน
เขากลับถึงห้องนอนได้ครู่เดียว ภรรยาก็ตามเข้ามาแล้ว
“หร่านหร่านยังอารมณ์ไม่ดีอยู่อีกเหรอ?”
ซ่งเชียนหย่าพยักหน้า “เธอบอกว่าในบ้านมีสิ่งนั้นอยู่ เธอกลัว ถ้าไม่ไล่ออกไป เธอก็จะไม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว”
เธอถอนหายใจ “หร่านหร่านคิดจะโทรไปบอกเจ้ารองกับเจ้าสามด้วย”
ฉู่เหว่ยฮ่าวขมวดคิ้ว “ปกติเจ้ารองกับเจ้าสามก็ไม่ลงรอยกับลั่วลั่วอยู่แล้ว ถ้าไปบอกพวกเขาแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากอะไรขึ้นบ้าง”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันห้ามหร่านหร่านแล้ว”
เธอเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วเตรียมเข้านอน “คุณคะ ที่จริงฉันเองก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน พรุ่งนี้พวกเราลองไปคุยกับลั่วลั่วดูไหมคะ?”
เรื่องแบบนี้ คนทั่วไปย่อมต้องรู้สึกกลัวเป็นธรรมดา
“พอกลับมาถึงลั่วลั่วก็พูดกับฉันและอาเหิงแล้ว เธอขอให้อาเหิงช่วยหาบ้านข้างนอกเอาไว้”
ฉู่เหว่ยฮ่าวเอ่ยเสียงเบา
ทันใดนั้นเอง ซ่งเชียนหย่าก็ลุกขึ้นนั่ง “ลั่วลั่วจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเหรอคะ?”
“ไม่ได้ย้ายออกไป” ฉู่เหว่ยฮ่าวรั้งภรรยาที่ลุกจากเตียง ทำท่าจะวิ่งออกไปหาฉู่ลั่ว “แค่หาบ้านให้ ‘สิ่งนั้น’ น่ะ”
ซ่งเชียนหย่าสงบสติอารมณ์
เธอเผยสีหน้าเศร้าหมอง “ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ถ้าสิ่งนั้นอยู่ข้างนอก ลั่วลั่วต้องไม่อยู่บ้านทุกวันเหมือนตอนนี้แน่นอนค่ะ”
ฉู่เหว่ยฮ่าวกุมมือภรรยาเบา ๆ “ลูกโตกันแล้ว อยากออกจากบ้านก็เป็นเรื่องปกติ”
ซ่งเชียนหย่า “…”
มันเป็นเรื่องปกติ คนเป็นแม่รู้ดี
แต่ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่ในบ้านก็จะเหลือเธออยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง
คนอื่นไปทำงานกันหมด มีแต่ฉู่ลั่วที่อยู่บ้านกับแม่
ซ่งเชียนหย่าหรี่ตามองสามีที่อยู่ข้างกัน ก่อนกรอกตาใส่เขา
พูดมากแค่ไหน ตานี่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี