เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 68 ไม่สบอารมณ์อย่างอธิบายไม่ได้
บทที่ 68 ไม่สบอารมณ์อย่างอธิบายไม่ได้
สองวันต่อมา ฉู่เหิงหาบ้านเดี่ยวหลังเล็กให้ตามที่ฉู่ลั่วต้องการ
เขาขับรถพาน้องสาวแท้ ๆ ไปที่นั่น
บ้านหลังเล็กใกล้เขตชานเมือง บรรยากาศดีมาก ด้านหน้ามีทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่ด้วย รูปแบบของสถาปัตยกรรมมีความเป็นจีนสมัยใหม่
แถมยังมีซ่งจือหนานตามมาอีกคน
เดิมทีตอนที่รู้ว่าฉู่ลั่วกำลังหาบ้าน ตระกูลซ่งก็กระตือรือร้นจะออกหน้าให้ แต่ถูกฉู่เหิงห้ามเอาไว้เสียก่อน
มันไม่สมเหตุสมผลเสียเลย ลูกสาวของตระกูลฉู่จะออกไปอยู่ข้างนอก ทำไมต้องให้คนตระกูลซ่งจัดการให้?
ซ่งจือหนานถือกระเป๋าเดินทางให้ฉู่ลั่วท่าทางแข็งขัน “พี่ลั่ว คุณพอใจบ้านเล็ก ๆ หลังนี้หรือเปล่า? ถ้าคุณไม่พอใจ พวกเราเปลี่ยนได้นะ! ใกล้บ้านผมมีโครงการบ้านจัดสรรเพิ่งเปิดใหม่ เป็นสไตล์โบราณ และอยู่ใกล้ตัวเมืองด้วย”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “อยู่ใกล้ตัวเมืองเกินไปไม่ดี”
“งั้นเหรอ ถ้าพี่ลั่วชอบที่นี่ก็ดีแล้วครับ” เขาพูดประจบแล้วเดินตามหลังเด็กสาวไป
ฉู่เหิงเหลือบตามองตัวกวน ก่อนจะแนะนำบ้านต่อ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งลานสำหรับบำเพ็ญที่เธอขอเอาไว้ ก็ได้รับการตกแต่งตามที่เด็กสาวต้องการ
ฉู่ลั่วมองไปรอบ ๆ อย่างพึงพอใจ “ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”
เด็กสาวรู้ดี ซ่งเชียนหย่ากับฉู่เหว่ยฮ่าวต่างก็ไม่ยินยอมเรื่องที่เธอจะย้ายออกจากบ้านตระกูลฉู่
ฉู่เหิงเป็นคนเดียวที่สนับสนุนเธอ ทั้งยังเป็นคนรับผิดชอบหาที่อยู่ให้ แถมยังตกแต่งบ้านให้อีก
“พี่รู้ว่าเธอไม่ชินที่ต้องอยู่ที่บ้าน แต่ต้องกลับบ้านไปเยี่ยมคุณแม่บ่อย ๆ รู้ไหม” ฉู่เหิงเน้นย้ำ “ตอนคุณแม่รู้ว่าเธอจะย้ายออกมา ท่านเสียใจมากนะ”
“หนูจะกลับไปทุกสัปดาห์ค่ะ”
ถึงตอนนี้เด็กสาวจะออกจากบ้านตระกูลฉู่ได้แล้ว แต่จะไม่กลับไปเลยก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบของเธอ
ซ่งจือหนานที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาถี่ “พี่เหิง ไม่มีธุระเหรอครับ?”
ฉู่เหิงหรี่ตา “นายจะรีบไล่ฉันไปแล้วเหรอ?”
อีกฝ่ายหัวเราะฝืน ๆ “ไม่ใช่แน่นอนครับ ผมจะไล่พี่เหิงได้ยังไงล่ะ แต่เป็นเพราะว่า…”
เด็กหนุ่มเอียงคอเล็กน้อย พูดติดตลกแต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับว่า “เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านที่มีแต่พี่ลั่วอยู่นี่ครับ แต่ยังเป็นบ้านของคนอื่นด้วย ผมกลัวว่าพี่เหิงจะกลัว”
“นายยังไม่กลัว แล้วฉันต้องกลัวอะไร”
ฉู่ลั่วมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่ใหญ่?”
ฉู่เหิงหันไปพูดอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำอาชีพด้านนี้ พี่ในฐานะคนในครอบครัว ยังไงก็ต้องสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้อยู่แล้ว”
เขากวาดสายตามองซ่งจือหนาน “คนนอกยังไม่กลัว ในฐานะพี่ชายคนโตของเธอ มีอะไรต้องกลัวด้วยเหรอ!”
ซ่งจือหนานเบ้ปาก “…”
พี่เหิง ดื้อด้านขนาดนี้เชียวเหรอ?
แม้แต่เรื่องเห็นผี ก็ยังจะแพ้ให้คนอื่นไม่ได้
สมกับที่เป็นฝันร้ายของเหล่าลูกคนรวยในเมืองเจียง
ฉู่ลั่วเข้าใจความหมายของพี่ชาย “คนทั่วไปเปิดดวงตาที่สาม*[1] ไม่ใช่เรื่องดีนะคะ ฉันทำให้พวกเขามีรูปร่างขึ้นมาแทนแล้วกันนะ”
ยันต์สองแผ่นลอยออกไปจากปลายนิ้วของเธอ
ฉู่เหิงมองตามทิศทางที่ยันต์ลอยไป ก็เห็นเงาร่างใหญ่หนึ่งร่างและเงาร่างเล็กอีกหนึ่งร่างปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
แม้ร่างกายจะดูล่องลอย แต่ก็สามารถมองเห็นใบหน้าและเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ยังมองเห็นแสงแดดที่ส่องทะลุร่างกายของพวกเขาโดยไม่มีอะไรมากั้น
หัวใจของฉู่เหิงหดเล็กลงโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะด้านข้างยังมีซ่งจือหนานที่รอดูเรื่องสนุกอยู่ เขาจึงฝืนทนไม่ถอยหลังออกไป
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก และจ้องมองด้วยสีหน้าปกติ
แต่เมื่อมองดูให้ดี สีหน้าของฉู่เหิงพลันเปลี่ยนไป
“ฮั่วจิ่ว!”
ไม่แปลกเลยที่ฉู่เหิงจะรู้จักอีกฝ่าย คุณชายบ้านตระกูลฮั่วโด่งดังมากในแวววงผู้ดีของเมืองเจียง
ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา การศึกษา ชาติตระกูล หรือแม้กระทั่งความสามารถก็ล้วนไม่เป็นสองรองใคร
ฮั่วเซียวหมิงพยักหน้าเล็กน้อย ด้วยท่าทีเย็นชา และรักษาระยะห่าง
ฝ่ายฉู่เหิงยังไม่หายตกใจ ก็เห็นเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ วิ่งเข้าไปหาซ่งจือหนาน “น้องชาย น้องชาย!”
ซ่งจือหนานหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเอื้อมมือออกไปอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นมา แล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ
ฉู่เหิงพูดไม่ออก “…”
ฉู่ลั่วที่อยู่ข้างกันช่วยอธิบายเรื่องราวของฮั่วเซียวหมิงกับซ่งเมี่ยวเมี่ยว
“ที่แท้ตอนอยู่ในบ้าน เธอก็เจอเรื่องอะไรมาตั้งมากมาย” ฉู่เหิงคิดตำหนิตัวเอง
ฮั่วเซียวหมิงที่นิ่งเงียบมาตลอดราวกับรูปปั้น เปิดปากพูดว่า “ถ้าพวกคุณใส่ใจเธอจริง คงไม่เพิ่งมาเห็นเอาป่านนี้หรอก”
ฉู่เหิงพูดออกไปตามสัญชาตญาณ “ขอโทษด้วยครับ เป็นความสะเพร่าของพวกเราเอง”
พูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้น
ทำไมน้ำเสียงของคุณชายฮั่วจิ่วคนนี้ถึงเหมือนกำลังมีปัญหากับเขา?
ฉู่เหิงจับจ้องที่ฮั่วเซียวหมิง ก่อนจะค่อย ๆ เบนสายตาไปหาฉู่ลั่ว
สัญชาตญาณของพี่ชายถูกเปิดใช้งานทันที “คุณชายฮั่วจิ่วพูดถูกแล้ว พวกเราละเลยลั่วลั่วเกินไป หลังจากนี้ผมต้องมาหาลั่วลั่วบ่อย ๆ แน่นอน”
ฮั่วเซียวหมิงขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่าตนเองบรรลุเป้าหมายแล้ว ในที่สุดก็ได้สั่งสอนคนในครอบครัวฉู่ลั่วสักที แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างอธิบายไม่ถูก
เขามองไปยังฉู่เหิง ทั้งยังหรี่ตามองกลับ
ผู้ชายทั้งสองคนหันหน้ามองกัน และในใจก็ส่งเสียงร้อง ‘ฮึ’ ออกมา
ไม่สบอารมณ์เลย!
[1] ดวงตาที่สาม เป็นตาจิตที่ทำให้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ แสดงถึงการรับรู้ระดับสูงในทางจิตวิญญาณ ในที่นี้ฉู่ลั่วเปรียบกับการมองเห็นผีหรือการสัมผัสสิ่งลี้ลับ