เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 71 แบ่งแยกรักชังชัดเจน
บทที่ 71 แบ่งแยกรักชังชัดเจน
ซ่งเชียนหย่าขยับเข้าไปใกล้ฉู่ลั่ว และเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัวว่า “ลั่วลั่ว สิ่งที่อยู่ในนั้น ร้ายกาจหรือเปล่า หนูจัดการกับมันได้ไหม ถ้าหนูจัดการไม่ได้ พวกเราก็กลับกันเถอะนะ!”
คุณอวี๋กับคุณซูที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเช่นกัน “ใช่ ๆๆ ถึงสุสานโบราณจะสำคัญ แต่พวกเราสามารถคิดหาวิธีอื่นได้”
เพื่อสุสานเพียงแห่งเดียว จะเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์มาเสี่ยงไม่ได้!
“ฉันขอลองก่อนนะคะ”
วิญญาณอายุหลายพันปีในสุสานเก่าแก่ หากวิญญาณถูกล้อมรอบด้วยความอาฆาตแค้น แน่นอนว่าต้องเป็นวิญญาณร้ายที่รับมือได้ยาก
หรือหากเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ที่ใช้เวลาบำเพ็ญมาอย่างยาวนาน ตอนนี้คงแก่กล้าไม่น้อย
ฉู่ลั่วให้ซ่งเชียนหย่ากับพวกคุณอวี๋ถอยออกจากปากหลุม ให้เหลือเธอยืนอยู่หน้าแผ่นหินเพียงคนเดียว
หลังจากร่ายคาถาตรงหน้าแผ่นหินสองสามประโยค ยันต์แผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว
จู้หยวนเจ๋อเบิกตาโพล่ง เขามองดูที่ปลายนิ้วของเด็กสาวที่เป็นเหมือนกับพู่กัน กำลังตวัดวาดลงบนยันต์ที่ลอยอยู่กลางอากาศจนกลายเป็นตัวอักษรที่ประณีตและซับซ้อน
เมื่อเขียนตัวอักษรเสร็จ กระดาษยันต์ก็เปล่งแสงสีทองจาง ๆ ออกมา แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ แต่จู้หยวนเจ๋อกลับมองเห็นชัดเจน
เขาขยี้ตาเล็กน้อย ดูไม่ผิดแน่
ยันต์ลอยอยู่กลางอากาศ?
นิ้วของฉู่ลั่วไม่ได้สัมผัสสิ่งใดเลย!?
แม้แสงสีทองจะหายไปแล้ว แต่เมื่อครู่เขาไม่ได้ตาฝาดแน่นอน
จู้หยวนเจ๋อใจเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ
แกร็ก!
เขาได้ยินเสียงชัดเจน
สิ่งนั้นทำลายตรรกะของเขากว่าตลอดสิบกว่าปีให้พังทลายลง
ยันต์ลอดเข้าไปในช่องโจร ส่วนฉู่ลั่วที่กำลังรออยู่ข้างนอกขมวดคิ้วมุ่น
พวกคุณอวี๋เองก็รอคอยจนแทบกลั้นหายใจ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ยันต์ถึงลอยกลับมาอยู่บนมือของฉู่ลั่วอีกครั้ง
เธอมองยันต์ที่ไม่ได้รับความเสียหายใด แววตาก็เผยให้เห็นถึงความสงสัย
คุณอวี๋ถามอย่างร้อนใจ “เสี่ยวฉู่ เป็นยังไงบ้าง?”
ฉู่ลั่วเดินขึ้นมาพร้อมกับยันต์ พูดด้วยใบหน้าอธิบายไม่ถูก “วิญญาณเจ้าของสุสานไม่ได้อยู่ข้างในค่ะ”
อีกฝ่ายกะพริบตา “หมายความว่ายังไง สุสานนี้พวกเราเข้าไปได้หรือเปล่า?”
เธอเอ่ย “ก็เหมือนเวลาเจ้าของบ้านออกจากบ้านไป ย่อมต้องล็อคประตูหน้าต่างเอาไว้ยังไงล่ะคะ”
คำเปรียบเปรยนี้พูดได้เห็นภาพมาก พวกคุณอวี๋สามารถเข้าใจได้ในทันที
“หมายความว่าพวกเรายังเข้าไปในสุสานนี้ไม่ได้ใช่ไหม?”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “แต่ว่ามีแผ่นหินอยู่ เจ้าของสุสานไม่น่าไปไกลและไม่น่าจากไปนานมากนะคะ รออีกสักพัก ก็น่าจะกลับมาแล้วค่ะ”
คุณอวี๋เงียบงัน “…”
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอเจ้าของสุสานกลับมาก่อน แล้วค่อยถามว่าสามารถขุดได้หรือไม่?
คุณซูลูบผมหงอกขาวของตน “สำรวจสุสานโบราณมาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเจอเรื่องแบบนี้”
คุณอวี๋กดเสียงต่ำ “แล้วใครเคยเจอบ้างล่ะ”
จู่หยวนเจ๋อ “…”
เขาไม่อยากพูดอะไร ตอนนี้สมองของเขายังมึนงงอยู่
…
ทุกคนเดินกลับไปยังบ้านพัก
คุณอวี๋กัดฟันพูด “พวกโจรปล้นสุสานชั่ว เจ้าของสุสานที่ยังอยู่ในนั้นกลับมองดูคนขโมยของออกไปหน้าตาเฉยเหรอ”
คิดดูแล้ว มีโจรกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในบ้านและทุบทำลายข้าวของ แต่เจ้าของบ้านกลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เฝ้ามองอย่างเดียว
แค่จินตนาการ ก็รู้สึกโกรธจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว!
แต่ฉู่ลั่วกลับพูดว่า “ไม่ได้ยืนดูเฉย ๆ หรอกนะคะ”
พวกคุณซูพากันมองไปทางเธอ
ฉู่ลั่วเอ่ยว่า “หวังชางแต่งงานกับภรรยาที่มีคุณธรรม เดิมทีเขาควรจะรักกันดี และมีลูกสาวลูกชายพร้อมหน้า แต่พอเขากลับบ้านหลังจากปล้นสุสานเสร็จ ไม่นานเขาก็ฆ่าภรรยาของตนเองและลูกในครรภ์ตาย ทำลายโอกาสเดียวในชีวิตของเขาไป”
“เพราะปล้นสุสานเหรอ?”
เธอหันกลับไปมองสุสานแห่งนั้น ช่องว่างลึกดูเหมือนปากสัตว์ประหลาดกินคน ที่อ้ารอให้คนโง่เขลาและโลภมากเดินเข้าไป
“เจ้าของสุสานไม่ได้เอาชีวิตของพวกเขาที่นี่ แต่ทำให้พวกเขาค่อย ๆ สูญเสียสิ่งสำคัญไปทีละน้อย และสุดท้ายค่อยปล่อยให้ตายไปอย่างทรมาน”
พวกคุณอวี๋นึกถึงหวังชาง
ชายคนนั้นฆ่าภรรยาแถมสูญเสียลูกชาย ขาดลูกสิ้นหลาน ทุกวันนี้ต้องอยู่ในคุก และคงหนีไม่พ้นโทษประหาร
คนอื่นในกลุ่มเองก็คงจะพบเจอชะตากรรมไม่ต่างกันนัก
นี่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าตายในสุสานเสียอีก
จู้หยวนเจ๋อฟังอยู่ข้าง ๆ “ดีนะที่พวกเราไม่ได้เข้าไป”
“เจ้าของสุสานน่าจะรับรู้ได้นะว่าใครเจตนาดีหรือร้าย ถ้ารู้ว่าพวกคุณเจตนาดี ก็คงไม่ทำร้ายพวกคุณหรอกค่ะ”
จู้หยวนเจ๋อกุมขมับ “…”
เจ้าของสุสานรู้จักแยกเจตนาได้ด้วยเหรอเนี่ย!