เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 72 เจ้าของสุสานโบราณ
บทที่ 72 เจ้าของสุสานโบราณ
เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก คุณอวี๋ก็บอกฉู่ลั่วว่า “ถ้าเจ้าของสุสานกลับมาแล้ว แต่ไม่ยอมให้พวกเราขุดค้น เธอช่วยบอกเจ้าของสุสานให้หน่อยนะ ว่าอย่าปล่อยให้โจรปล้นสุสานเข้าไปอีก”
ต่อให้เจ้าของสุสานไม่หวงโบราณวัตถุเหล่านั้น แต่เหล่านักโบราณคดีหวงแหนมาก
สู้ปล่อยให้โบราณวัตถุเหล่านั้นถูกฝังกลบไว้ใต้ดินดีกว่า!
ฉู่ลั่วพยักหน้า
พวกคุณอวี๋อาศัยอยู่ในบ้านพักของไร่ที่อยู่ข้าง ๆ กัน ระหว่างบ้านทั้งสองหลังมีต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นหนึ่ง
ตอนนี้กิ่งใบยังคงเจริญงอกงาม แตกกิ่งก้านสาขาแผ่ขยายออกไปราวกับร่มคันใหญ่ ทำให้แมกไม้มีร่มเงาแผ่ออกไป
ตอนนี้ใบไม้ที่ไม่เข้ากับฤดูกาลก็กำลังร่วงหล่นลงมา
ใต้ต้นไม้ ซ่งจือหนานเงยหน้าขึ้น ยกสองแขนขึ้นสูง และหมุนตัวกลางอากาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ปากก็พูดพึมพำกับตัวเองราวกับคนบ้า
แน่นอนว่านั่นเป็นภาพในสายตาคนอื่น
แต่ในสายตาของฉู่ลั่ว
ซ่งจือหนานกำลังอุ้มซ่งเมี่ยวเมี่ยว ในขณะที่ใบไม้กำลังร่วงใส่ปลายนิ้วเธอทีละใบ ๆ
วิญญาณตัวน้อยหัวเราะร่า
แต่ท่ามกลางกิ่งก้านหนาทึบบนต้นไม้ มีกระโปรงผ้าแพรต่วน*[1] สีขาวโบกพลิ้วไปมาพร้อมขาแกว่งเบา ๆ ให้ลายดอกไม้บนเนื้อผ้าพริ้วไหว
ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้กิ่งก้านสาขานั้นเลือนราง แต่ยังสามารถได้ยินเสียงร่าเริงของเธอ
ฉู่ลั่วหรี่ตาลง “…”
จู้หยวนเจ๋อกำลังจะขอตัวลา แต่ถูกฉู่ลั่วจับแขนเอาไว้เสียก่อน
เขาถามอย่างสงสัย “ท่านปรมาจารย์ฉู่มีอะไรเหรอครับ?”
ฉู่ลั่วเอ่ย “มี ฉันหาตัวเจ้าของสุสานเจอแล้ว อีกสักพักฉันอาจจะต้องไปคุยกับเธอ แต่คำถามเฉพาะทางวิชาการบางอย่าง คงต้องให้พวกคุณอวี๋กับคุณซูมาให้คำตอบเองแล้วละ”
จู้หยวนเจ๋อกะพริบตา
เขามองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นซ่งจือหนานที่กำลังทำตัวเหมือนคนบ้า กับใบไม้สีเขียวร่วงหล่น มันโปรยปรายจากก้านทั้งที่ไม่มีลม
เมื่อได้สติกลับมา เขาก็หายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาเบิกกว้าง
“ผม… ผมจะไปตามพวกอาจารย์เดี๋ยวนี้ครับ!”
ฉู่ลั่วมองจู้เหยียนเจ๋อวิ่งไปบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าแข้งขาไปทางเดียวกันหมดเหมือนนักวิ่ง
…
ห้องรับแขกภายในบ้านพักถูกเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อยมาก
คุณอวี๋กับคุณซูนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ส่วนจู้หยวนเจ๋อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างหลังพวกเขา ผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่านั่งขดตัวเป็นก้อนอย่างทำอะไรไม่ถูกจนดูน่าสงสาร
ซ่งเชียนหย่ายกชามาเสิร์ฟ ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างฉู่ลั่ว แม้ท่าทางจะดูเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับเผยให้เห็นถึงความสงสัยใคร่รู้ระคนหวาดกลัว
ซ่งจือหนานนั่งลงบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง บนตักของเขามีซ่งเมี่ยวเมี่ยวนั่งอยู่ด้วย
ฉู่ลั่วมองพวกคุณอวี๋ ก่อนจะมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัว “คุณอวี๋ คุณซู ต้องการให้ฉันช่วยเปิดดวงตาที่สาม เพื่อให้คุณมองเห็นเธอโดยตรงไหมคะ?”
คุณอวี๋กับคุณซูได้ยินก็รีบส่ายหน้า
โดยเฉพาะจู้หยวนเจ๋อที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขาส่ายหน้าจนลูกตาแทบหลุดออกมา
“ฮึ ขี้ขลาด”
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
เธอทำเป็นไม่ได้ยินเสียงปริศนา ในขณะที่คนอื่นในห้องขนลุกซู่
ได้ยิน.. ได้ยินจริง ๆ ด้วย!?
ตอนนั้นเอง คุณติงกระแอมออกมาพร้อมเอ่ยคำถาม “ไม่ทราบว่าเจ้าของสุสาน…”
ฉู่ลั่วกล่าว “เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่สวยมากคนหนึ่งค่ะ”
คุณอวี๋เปลี่ยนคำถาม “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงท่านนั้นมีชื่อแซ่ว่าอะไรหรือครับ?”
“เฉิงยวน”
คุณอวี๋ถามอีกว่า “คุณเฉิง ไม่ทราบว่าพวกเราสามารถขุดค้นสุสานของคุณได้ไหมครับ เพราะสุสานของคุณเคยถูกโจรปล้นสุสานบุกเข้าไปแล้ว ตามหลักการคุ้มครองวัตถุทางวัฒนธรรมของประเทศ พวกเราต้องขุดสุสาน เพื่อรักษาสมบัติทางวัฒนธรรมเอาไว้ครับ”
เฉิงยวนถาม “พวกเจ้าขุดแล้ว ข้าจะไปอยู่ที่ใดเล่า?”
คุณอวี๋ได้แต่เงียบงัน “…”
นักโบราณคดีหนุ่มมองฉู่ลั่ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เขาสามารถแก้ไขได้จริง ๆ
ฉู่ลั่วถาม “คุณอยากไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ?”
แม่นางเฉิงยวนกรีดกรายเล็บของตนเล่นอย่างเบื่อหน่าย “ข้าคิดว่าที่ที่อยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้วนะ ไม่อยากเปลี่ยนที่หรอก”
คุณอวี๋เองก็ไม่อยากบังคับใคร โดยเฉพาะเมื่อสุสานนี้มีเจ้าของ “ถ้าอย่างนั้นแม่นางเฉิงช่วยอย่าให้โจรเข้าไปในสุสานอีกได้ไหมครับ”
เฉิงยวนส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ในสุสานน่าเบื่อเกินไป มีคนเข้ามาเป็นครั้งคราว ก็น่าสนุกดี”
คุณอวี๋ “…”
คุณซูกระแอม ก่อนจะรับช่วงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นคุณเฉิงให้พวกเราเข้าไปสิครับ! พวกเราเข้าไปตั้งหลายคน ไม่ทำให้คุณเฉิงเบื่อแน่นอน”
เฉิงยวนส่ายหน้า “ถ้าเข้าไปในสุสานก็ต้องเจอคำสาปนะจะบอกให้ พวกเจ้าไม่ใช่คนเลว ถ้าเข้าไปแล้วถูกสาปขึ้นมา ก็จะเป็นความผิดของข้าไม่ใช่หรือ”
เธอเอ่ยย้ำ “เรื่องอะไรจะให้ล่ะ?”
คุณซู “…”
คุณอวี๋ “…”
ทั้งสองหมดคำพูด อีกฝ่ายช่างมีทิฐิสูงเสียจริง!
[1] ผ้าแพรต่วน หมายถึงผ้าเนื้อมันลื่นคล้ายผ้าซาติน แต่นุ่มกว่า