เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 75 โลกที่ไม่อาจจินตนาการได้
บทที่ 75 โลกที่ไม่อาจจินตนาการได้
ฉู่ลั่วยืนอยู่หน้าโต๊ะบูชา สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหินที่อยู่ไม่ไกล
เธอยกมือขึ้นเสกยันต์แผ่นหนึ่งออกมาระหว่างนิ้วทั้งสอง ปากก็ท่องคาถาไปด้วย
ยันต์เผาไหม้อย่างรวดเร็ว ธูปกับเทียนบนโต๊ะบูชาถูกจุดขึ้นทันที
ธูปเทียนจุดติดแล้ว ลมที่ตอนแรกพัดมาเบา ๆ ราวกับถูกควบคุมด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น
ใบไม้หยุดสั่นไหว เสียงแมลงและเสียงนกค่อย ๆ จางหายไป
คนที่ยืนมองอยู่รอบด้าน ต่างรับรู้ได้ถึงความกดดัน
มันทำให้หัวใจผู้ชมเต้นเร็วขึ้น และหายใจลำบากขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“พี่สาวเป็นอะไรไปคะ?” ซ่งเมี่ยวเมี่ยวมองเฉิงยวนที่เพิ่งเริ่มพิธีได้ไม่นาน ดวงตาสีแดงของอีกฝ่ายพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ
เฉิงยวนส่ายหน้า พยายามเพ่งมองไปยังแผ่นหิน “ข้าไม่เป็นอะไร”
มีเพียงฉู่ลั่วที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะบูชาที่ยังดูสงบนิ่ง
เด็กสาวค่อย ๆ หยิบกระบี่ดอกท้อขึ้นมา สองนิ้วลูบลงบนตัวกระบี่ จากกระบี่ดอกท้อธรรมดาในตอนแรก ราวกับถูกเคลือบเอาไว้ด้วยแสงสีแดงเข้ม
ฉู่ลั่วตวัดกระบี่ครั้งหนึ่ง ก่อนเอาชี้ไปยังแผ่นหิน
หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของเธอหายไป คงไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้
ระหว่างที่ฉู่ลั่วท่องคาถา รอบสุสานโบราณที่เคยเงียบสงบปราศจากสายลม ก็เกิดลมพายุปั่นป่วนอย่างรุนแรง ฟัดกระหน่ำจนกลุ่มคนพากันโอนเอน!
ฉู่ลั่วที่อยู่กลางสายลมไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เธอใช้ปลายกระบี่หยิบยันต์ขึ้นมาแผ่นหนึ่ง แล้วใช้สองนิ้วปัดออกไป ยันต์ลอยไปทางแผ่นหิน และบดบังลงบนอักขระนั้นจนมิด
ลมแรงกว่าเดิม โหมกระหน่ำจนธูปเทียนสั่น
ฉู่ลั่วพลิกด้ามกระบี่ดอกท้อ มือทั้งสองข้างก็ออกแรง
กระบี่ดอกท้อที่ทำจากไม้พุ่งตรงไปยังโต๊ะบูชา
มันตั้งอย่างมั่นคงบนโต๊ะ ธูปเทียนที่ตอนแรกใกล้จะดับกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งราวกับว่ารอบ ๆ มีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยกันลมไว้อยู่
กระดาษยันต์ที่แปะอยู่บนแผ่นหินเริ่มกลายปรากฏสีแดงสด จนกระทั่งยันต์ทุกแผ่นถูกย้อมด้วยสีเลือด ยันต์จึงกลับเข้ามาบนมือผู้ทำพิธี
ฉู่ลั่วชักกระบี่ดอกท้อแทงลงไปบนยันต์ แล้วเผามันด้วยไฟจากธูปเทียน
ยันต์ที่ปกติติดไฟได้ดี ค่อย ๆ มอดไหม้
สีแดงสดบนยันต์ดิ้นพล่าน แต่กลับไม่สามารถหยุดการเผาไหม้ได้
จนกระทั่งยันต์บนปลายกระบี่ดอกท้อดับมอดจนหมด
ลมที่พัดกระโชกแรงกลับมาเป็นปกติ เสียงแมลงและเสียงนกกลับมาให้ได้ยินอีกครั้ง…
พลังงานที่กดดันจิตใจผู้ชม ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
จู้หยวนเจ๋อถอนหายใจ เขานั่งลงบนพื้นพลางหอบหายใจอย่างหนัก มือทั้งสองข้างลูบไปที่หน้าผากที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อมองไปทางอาจารย์กับคุณซู ทั้งสองคนก็หน้าซีดเช่นเดียวกัน
เขาพยายามลุกขึ้นมา “อาจารย์ครับ พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
คุณอวี๋ไม่ตอบ หลังจากที่มองหน้าคุณซูแล้ว ก็พากันเดินไปหาฉู่ลั่วด้วยความเร่งรีบ
“เสี่ยวฉู่ อักขระบนแผ่นหินถูกแก้แล้วใช่ไหม”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “อืม”
คุณซูถามอย่างตื่นเต้น “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็เข้าไปในสุสานได้แล้วใช่ไหม?”
หากเสียเวลาไปอีกสักนาทีเดียว วัตถุโบราณที่อยู่ข้างในก็ยิ่งตกอยู่ในอันตราย
ฉู่ลั่วไม่ตอบอะไร แต่มองไปเฉิงยวน
แม้คุณอวี๋กับคุณซูจะมองไม่เห็น แต่พวกเขาก็มองตามทิศทางนั้นไปด้วยความร้อนอกร้อนใจ
เฉิงยวนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นพักหนึ่ง เพราะซ่งเมี่ยวเมี่ยวเข้าไปเตือน อีกฝ่ายถึงได้สติกลับคืนมา
“กรี๊ดดดดดดด”
“ข้าออกไปจากที่บ้า ๆ นี่ได้แล้ว!”
“ข้าอยากไปที่ไหนก็ได้ ข้ายังไปเกิดใหม่ได้ด้วย!”
เฉิงยวนหวีดร้องอย่างตื่นเต้น ลอยไปทางนั้นทีทางนี้ที สักพักก็เหาะจากสุสานโบราณไปในหมู่บ้าน
ฉู่ลั่วยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปบอกกับคุณซูและคุณอวี๋ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “น่าจะต้องรออีกสักพักนะคะ ตอนนี้เธอไม่ค่อยปกติเท่าไหร่”
คุณอวี๋ “…”
คุณซู “…”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉิงยวนที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ลอยกลับมาอยู่ข้าง ๆ ฉู่ลั่ว
เมื่อคุณอวี๋กับคุณซูขอร้อง เธอก็โบกมือแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “ไปเถอะ ไปเถอะ! สถานที่บ้าบอแบบนั้นมีแต่พวกเจ้านั่นแหละที่ชอบ”
พูดจบเฉิงยวนก็มาเกาะแกะฉู่ลั่ว “ท่านปรมาจารย์ ข้ามีตาแต่หามีแววไม่ เมื่อครู่ยังสงสัยในตัวท่านอีกด้วย”
“ท่านปรมาจารย์ หลังจากนี้พวกเราจะไปที่ไหนหรือ?”
“ท่านปรมาจารย์ ข้าขอไปดูหนังก่อนได้หรือไม่ ขอไปเดินช็อปปิงด้วย! ข้าเคยเห็นจากสิ่งที่เรียกว่าโทรทัศน์ ว่าหนังกับการช็อปปิงมันสนุกมาก”
ก่อนหน้านี้เธออยู่ได้แค่ภายในสุสานเท่านั้น ต่อมาตอนที่ออกไปได้ โลกภายนอกก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว
ข้างนอกมีสิ่งที่หญิงสาวไม่เคยเห็นมากมาย
เธอไม่มีความรู้สึกผูกพันกับสุสานก่อนหน้านี้แล้ว แต่อยากรู้จักโลกในตอนนี้มากกว่า
นี่คือโลกที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่อาจจินตนาการได้เลย!