เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 83 ชิ้นส่วนศพ
ทที่ 83 ชิ้นส่วนศพ
คฤหาสน์ตระกูลฮั่วใหญ่มาก ทั้งยังมีบ้านแยกหลังใหญ่หนึ่งหลัง หลังเล็กอีกสามหลัง
ในคฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่พักอาศัยของคนตระกูลฮั่ว
บ้านแยกที่อยู่ทางขวาเป็นที่พักสำหรับแขก
ส่วนบ้านแยกทางด้านซ้ายเป็นที่พักของคนรับใช้ในคฤหาสน์
หลังได้รับอนุญาตจากหยางไต้ ฉู่ลั่วไม่ได้สำรวจโดยรอบทั้งหมด แต่เดินตรงไปยังเรือนแยกหลังเล็กทางด้านขวามือ
เรือนหลังเล็กสร้างขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน มีกลิ่นอายของความเก่าแก่มาก
ลุงไป๋ที่เดินตามหลังเธอมาพูดว่า “ตอนนี้ไม่มีแขกพักอยู่ครับ แต่พวกเรามาทำความสะอาดทุกวัน”
เรือนแยกหลังนี้แตกต่างกับตัวเรือนหลัก แม้จะตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนกัน แต่กลับดูหรูหรากว่ามากทีเดียว
หยางไต้เดินตามมา “เรือนหลังนี้มีปัญหาเหรอคะ?”
ฉู่ลั่วพยักหน้า เธอเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง และหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง
ลุงไป๋ขมวดคิ้ว “ที่นี่คือห้องเก็บของครับ เอาไว้เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ นอกจากคนรับใช้ที่มีหน้าที่ทำความสะอาด ก็ไม่มีใครเข้ามาในนี้อีกแล้ว”
เด็กสาวไม่พูดอะไร แค่ใช้นิ้วชี้ลูบลงไปบนรูกุญแจ ด้านบนมีรอยขีดข่วนอย่างเห็นได้ชัด
ครั้นลุงไป๋เห็นรอยขีดข่วน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “นี่คือ…”
เขาหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเสื้อ เสียบเข้าไปในรูกุญแจ
ทันทีที่เปิดประตูห้องเก็บ ก็มีลมเย็นรำเพยมาสายหนึ่ง พัดเข้ามาจนทำให้หลายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูตัวสั่น
ผ้าม่านถูกดึงขึ้น แต่ห้องยังคงมืดสลัว
ลุงไป๋ไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขามักจะรู้สึกว่าห้องนี้มันอึมครึมกว่าห้องอื่นมากทีเดียว
ชายวัยห้าสิบกว่าปีเอื้อมมือไปเปิดไฟ มองของที่วางเอาไว้ก่อนจะเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง และผลักหน้าต่างให้เปิดออก
แสงแดดแสบตาสาดส่องเข้ามาในห้องเก็บของ นำพาความอบอุ่นเข้ามาด้วย
ที่นี่มีเตียงวางอยู่หลังหนึ่ง พร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าแบบสมัยเก่า และของจิปาถะ
แม้ข้าวของจะเยอะมาก แต่มันถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ มองแวบเดียวก็รู้ว่าห้องนี้สะอาดสะอ้านมาก
ลุงไป๋มองไปรอบ ๆ พลางส่ายหน้า “ไม่เจออะไรเลยครับ มีแต่ของที่ใช้แล้วทั้งนั้น”
หยางไต้หันมาหาฉู่ลั่ว แต่กลับเห็นเด็กสาวขมวดคิ้วมองไปที่เตียงด้วยความสงสัย
เธอมองตามสายตาอีกฝ่ายไป
นี่เป็นเตียงที่ทุกด้านปิดมิดชิดซึ่งเคยถูกวางทิ้งไว้ในเรือนหลังเล็ก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เมื่อมองดูเตียงหลังนี้ หยางไต้รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างถูกซ่อนอยู่ในกล่องปิดสนิท
“ปรมาจารย์ฉู่ หรือว่าจะเป็นเตียงหลังนี้คะ?”
ฉู่ลั่วพยักหน้า
ลุงไป๋รีบไปตามคนมายกเตียง แต่ถูกเด็กสาวห้ามเอาไว้
เธอบอกว่า “แจ้งตำรวจดีกว่าค่ะ น่าจะยังมีหลักฐานที่ตำรวจต้องการหลงเหลืออยู่”
ลุงไป๋ “…”
หยางไต้ “…”
ทั้งสองต่างงุนงง ในขณะที่ซ่งเชียนหย่ารู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ซ่งจือหนานกลับสาวเท้าเข้าไปดูเตียงหลังนั้น แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใด
ฮั่วจิ้นกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เห็นรถตำรวจหลายคันจอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สวมชุดเต็มยศเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ทุกคนเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมาก
สีหน้าคนรับใช้ที่อยู่ในคฤหาสน์ก็ดูไม่ดีเช่นกัน
เขาเห็นภรรยาที่ยืนอยู่ในสวนดอกไม้หน้าเรือนหลังเล็กก็รีบเดินเข้าไปหา “เกิดอะไรขึ้น?”
หยางไต้หน้าซีด เธอจับข้อมือของสามีไว้แน่นพลางกลืนน้ำลาย ริมฝีปากพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ใต้เตียงมี… มี…”
คนดูแลคฤหาสน์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เขาพูดต่อจากหยางไต้ “ชิ้นส่วนของศพครับ ทั้งหมดแปดสิบเอ็ดชิ้น ทางตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน”
ฮั่วจิ้นชะงักไป
เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามว่า “ฉู่ลั่วคนนั้นที่คุณพูดถึงล่ะ?”
“ปรมาจารย์ฉู่บอกว่าในเรือนมีพลังหยินแข็งแกร่งมากค่ะ เลยให้พวกเราออกมาให้หมด ส่วนเธอยังอยู่ในนั้น” หยางไต้บอก ก่อนจะแนะนำคนให้ฮั่วจิ้นรู้จัก “คนนั้นคือแม่ของปรมาจารย์ฉู่ ภรรยาประธานบริษัทจากตระกูลฉู่แห่งเมืองเจียงค่ะ ส่วนเด็กคนนั้นคือลูกชายคนเดียวของตระกูลซ่งแห่งเมืองเจียง”
ฮั่วจิ้นเดินเข้าไปทักทายพวกซ่งเชียนหย่า
ซ่งเชียนหย่าหน้าซีดแต่ยังพยายามพูดคุย
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หัวหน้าตำรวจผู้รับผิดชอบคดีก็เดินออกมาด้วยสีหน้าย่ำแย่มาหาฮั่วจิ้น เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “จากการตรวจสอบของพวกเรา ชิ้นส่วนศพนี้ไม่ได้มาจากคนคนเดียวกันครับ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชิ้นส่วนศพทั้งแปดสิบเอ็ดชิ้น อาจจะมาจากคนทั้งหมดแปดสิบเอ็ดคน!
ฮั่วจิ้นได้ยินแบบนี้ สายตาของเขาก็มืดมนลงทันที