เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 87 แก้คาถาค่ายกล
บทที่ 87 แก้คาถาค่ายกล
ซ่งจือหนานพยายามก้าวขาออกไปก้าวเล็ก ๆ ไปยืนอยู่ข้างฮั่วเซียวหมิง พลางกระซิบถามเสียงเบาที่สุด “คุณชายฮั่วจิ่ว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
ฮั่วเซียวหมิงเหลือบมองอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปหาฮั่วจิ้นที่กำลังส่งสายตามาทางพวกเขาอยู่
วิญญาณชายหนุ่มเอ่ยเตือน “พ่อของผมกำลังมองคุณอยู่”
ซ่งจือหนานหันหน้าไป ก็สบเข้ากับสายตาของฮั่วจิ้นพอดี
พริบตาเดียว เขาก็รีบหันหน้ากลับมา
ท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ ทำให้ฮั่วจิ้นยิ่งมั่นใจ ว่าที่ว่างตรงนั้นต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
สีหน้าของเขามืดครึ้มลง
หยางไต้เอ่ยถามว่า “มีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่าคะ?”
ฮั่วจิ้นส่ายหน้า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงประหลาดดังออกมาจากเรือนหลังเล็ก ราวกับเสียงคน แต่ก็เหมือนเสียงของสัตว์บางชนิด เสียงแหลมฟังแล้วบาดหู
เสียงดังขึ้นมาแค่สั้น ๆ ไม่กี่วินาทีก็หายไปแล้ว
ทำให้คนที่ได้ยินเสียงนึกว่าตัวเองหูเพี้ยนไป
แต่ซ่งจือหนานกลับกระโดดออกมา “พี่ลั่วแก้ได้แล้วแน่เลย!”
ผ่านไปไม่กี่นาที ฉู่ลั่วก็ออกมาจากเรือนหลังเล็ก เธอบอกกับฮั่วจิ้นและภรรยาว่า “ค่ายกลรวบรวมพลังหยินถูกแก้แล้ว ภายในหนึ่งเดือนนี้ ห้ามให้คนเข้ามาพักในเรือนเล็กนะคะ”
ฮั่วจิ้นพยักหน้า
เขาเดินไปที่ประตูเรือนหลังเล็ก ความรู้สึกเยือกเย็นอึมครึมเหล่านั้นหายไปแล้ว
“ขอบคุณปรมาจารย์ฉู่”
พูดจบ ลุงไป๋ก็นำเช็กมายื่นให้หนึ่งใบ
ฮั่วจิ้นรับเอาไว้ แล้วส่งให้เด็กสาว
ฉู่ลั่วกวาดตามอง มันเป็นเงินจำนวนสิบล้าน!
เธอเก็บเช็กเอาไว้ เปิดกระเป๋าสะพายออก แล้วหยิบเหรียญห้าจักรพรรดิสองเส้นออกมา “เหรียญห้าจักรพรรดิค่ะ สิ่งนี้สามารถช่วยป้องกันความโชคร้ายให้พวกคุณได้”
ฮั่วจิ้นรับมาด้วยความยินดี เขาผูกเส้นหนึ่งไว้บนข้อมือของภรรยา
ก่อนหน้านี้เขาก็สังเกตเห็นว่าบนข้อมือของซ่งจือหนานสวมสิ่งนี้ไว้เช่นกัน
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่ามาจากไหน
หยางไต้ลูบเหรียญห้าจักรพรรดิ ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เมื่อสวมเหรียญห้าจักรพรรดิไว้ที่ข้อมือ ความรู้สึกหงุดหงิดในใจก็สลายหายไปในทันที
เธอมองฉู่ลั่วด้วยความตกตะลึง
ซ่งจือหนานบอกว่า “ผมบอกแล้ว พี่ลั่วน่ะเก่งมาก”
ฮั่วจิ้นเองก็สวมเหรียญห้าจักรพรรดิไว้ที่ข้อมือเช่นกัน “ท่านปรมาจารย์ มีเรื่องหนึ่งไม่ทราบว่าท่านจะช่วยได้หรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วไม่พูดอะไร แต่มองไปยังฮั่วเซียวหมิงที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาสองสามีภรรยา
ดวงตาบวมแดงของวิญญาณชายหนุ่มสบเข้ากับสายตาของเธอ เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้
ฮั่วจิ้นมองตามสายตาของฉู่ลั่วไป
ข้างกายเขามีอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?
วินาทีนั้น ฮั่วจิ้นเบิกตากว้าง เขาถามว่า “ท่านปรมาจารย์ คือ… คือ…”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “ตรงนี้คนเยอะเกินไป หาที่เงียบ ๆ แล้วค่อยคุยกันดีกว่านะคะ”
“ครับ ครับ ครับ!”
ฮั่วจิ้นพาฉู่ลั่วมายังห้องหนังสือ
หยางไต้ยังไม่เข้าใจอะไร ก็ถามสามีว่า “คุณคะ ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะให้ท่านปรมาจารย์ไปดูอาจิ่วไม่ใช่เหรอคะ?”
ฮั่วจิ้นน้ำเสียงแหบพร่า “อาจิ่วอยู่ที่นี่แล้ว!”
ภรรยาเบิกตาโต เธอรีบมองไปรอบห้องหนังสือ
ฉู่ลั่วบอกพวกเขาว่า “การเปิดดวงตาที่สามสำหรับคนธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีค่ะ เพราะฉะนั้นฉันให้เวลาพวกคุณได้แค่ครึ่งชั่วโมงนะคะ”
ฮั่วจิ้นรีบพยักหน้า “ทำตามที่ท่านปรมาจารย์บอกเลยครับ”
ฉู่ลั่วสะบัดยันต์แผ่นหนึ่ง ปากก็ท่องคาถาไปด้วย
เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในห้องหนังสือ
หยางไต้มองไปยังจุดที่เดิมทีว่างเปล่า แต่กลับมีร่างโปร่งใสปรากฏขึ้นมา ดวงตาเธอก็แดงก่ำ “อาจิ่ว!”
หญิงสาววิ่งเข้าไปสวมกอดลูกชาย
ฮั่วจิ้นเองก็ตาแดงเช่นกัน พลางเดินเข้าไปมองสำรวจวิญญาณฮั่วจิ่ว
ฉู่ลั่วออกมาจากห้องหนังสือ และปิดประตู
ครั้นมาที่ห้องรับแขกก็เห็นซ่งจือหนานกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นเธอเดินเข้ามา ก็รีบเก็บทันที “พี่ลั่ว พอถึงเวลาฮั่วจิ่วก็ต้องกลับไปที่เมืองเจียงกับพวกเราใช่ไหมครับ?”
“อืม”
ซ่งจือหนานมองดูคฤหาสน์ตระกูลฮั่วรอบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเศร้าใจว่า “ฮั่วจิ่วเป็นทายาทของตระกูลฮั่ว ตอนนี้เขานอนเป็นผักอยู่บนเตียง คิดว่าตระกูลฮั่วคงจะหาทายาทคนอื่นมาแทน พี่ลั่วครับ ฮั่วจิ่วจะฟื้นขึ้นมาได้ไหม?”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “พลังวิญญาณของฉันในตอนนี้ ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ชั่วคราวเท่านั้น”
เด็กหนุ่มไม่ถามอะไรอีก
ถ้าพี่ลั่วบอกว่าไม่ได้ คาดว่าคงจะไม่ได้จริง ๆ