เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 96 ผมต้องรู้ให้ได้
บทที่ 96 ผมต้องรู้ให้ได้
เยี่ยนฉวีก้มหน้าลง “ผม… ก่อนหน้านี้ผมชอบอวิ้นเอ๋อร์มาก ตอนแรกผมยังวางแผนว่าหลังเรียนจบผมจะแต่งงานกับเธอ ต่อมา…”
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น “ต่อมาผมก็รู้จักกับเหมยเอ๋อร์ ผมเพิ่งได้รู้ว่าความรักมันสามารถร้อนแรงได้ขนาดนี้ แค่ไม่ได้เห็นหน้าเหมยเอ๋อร์ ผมก็คิดถึงทุกคืน แม้แต่หลับฝันก็ยังเห็นเธอในฝัน”
ในหัวของเขามีเสียงหนึ่งดังอยู่ตลอดเวลา
บอกว่าชีวิตนี้คนที่เขารักที่สุดคือซูเหมย
เขารักแค่ซูเหมยคนเดียว
“หลังจากนั้น ผมก็เลิกกับแฟนเก่า แล้วเริ่มตามจีบเหมยเอ๋อร์”
“ทั้งหมดนี้เหมยเอ๋อร์ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย”
สีหน้าของซูเหมยดูไม่ดีเสียเลย มือทั้งสองข้างปิดหน้าไว้ “ฉันไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่าคุณชอบฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าคุณเลิกกับแฟนเก่าเพราะฉัน”
เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เยี่ยนฉวีรีบปลอบเธอ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย จะโทษก็ต้องโทษผม เป็นผม… เป็นผมที่ต้องขอโทษคุณ เป็นผมที่จิตใจไม่มั่นคง เป็นผมเองที่สองจิตสองใจ”
“ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
เขาเองที่เลว
ทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว กลับมาหลงรักเธอ
ชาวเน็ตเองก็ด่าเยี่ยนฉวี และปลอบซูเหมย
แต่ฉู่ลั่วกลับพูดว่า “เส้นชีวิตแต่งงานของคุณมั่นคงมาก พูดให้ชัดเจนคือคุณเป็นคนทุ่มเทกับความรัก มีความรับผิดชอบมาก หัวคิ้วกว้าง บ่งบอกว่าครอบครัวอุดมสมบูรณ์ ความรักราบรื่น”
“หางตาชี้ขึ้นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนหวงแหนชีวิตรักของตัวเองมาก”
“ใบหูหนาและใหญ่ แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ใช่คนโรแมนติก แต่คุณจะใส่ใจคนที่ตัวเองรักตามสถานการณ์ทั่วไปมากกว่า อย่างเช่น ทานข้าวหรือยัง? ใส่เสื้อผ้าอุ่นพอไหม?”
“จมูกอวบอิ่ม บ่งบอกว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง เวลารักใครจะชอบเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
“คางของคุณก็อวบอิ่ม บ่งบอกว่าถึงคุณจะเป็นคนที่ได้รับความนิยมจากเพศตรงข้ามมาก แต่กลับมั่นคงกับความรักมาก”
ทุกประโยคที่พูดออกมา ทำให้สีหน้าของเยี่ยนฉวีเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย
กับแฟนเก่า เขาเป็นคนขี้หึงมาก แค่เธอมองผู้ชายคนอื่นด้วยความชื่นชมก็จะโกรธมาก
แต่กับซูเหมยเขาไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเธอถ่ายฉากจูบหรือฉากเลิฟซีน เขาไม่เคยสนใจสักนิด
เขาเป็นห่วงแฟนเก่าไปหมดทุกอย่าง กลัวเธอจะหนาว กลัวเธอจะหิว แม้กระทั่งตอนที่เธอออกจากบ้านหรือขับรถก็กลัวว่าเธอจะเจอคนไม่ดี
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูเหมย เขาแค่ซื้อกระเป๋า ซื้อเครื่องประดับ ซื้อดอกไม้ให้เธอ และแสดงความรักต่อหน้ากล้องเท่านั้น
ที่สำคัญไปกว่านั้น กับแฟนเก่าเขามักจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเสมอ เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
แต่เวลาที่อยู่กับซูเหมยสองต่อสอง แค่ได้เห็นหน้าเธอก็พอใจแล้ว มีหลายครั้งที่ซูเหมยส่งสัญญาณให้ เขาก็ปฏิเสธเพราะอยากรอให้แต่งงานกันก่อน
ยิ่งคิด เยี่ยนฉวีก็ยิ่งไม่สบายใจ
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น “ถ้าอย่างนั้นทำไมผมถึงตกหลุมรักซูเหมยล่ะครับ?”
หัวใจกับสมองของเขาเอาแต่บอกเขาว่า เขารักซูเหมยมาก รักมาก รักมาก
ซูเหมยที่อยู่หน้ากล้องลนลาน “เยี่ยนฉวี คุณไม่เชื่อฉันเหรอ? คุณยอมเชื่อคนหลอกลวงแต่ไม่เชื่อฉันเหรอ? คุณไม่ได้รักฉันเลย!”
พูดจบ เธอก็เริ่มบีบน้ำตา
เมื่อเห็นซูเหมยร้องไห้ ใจของเยี่ยนฉวีก็รู้สึกไม่ดี ราวกับว่ามีคนออกแรงบีบหัวใจของเขา ในหัวมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า บอกให้ปลอบใจเธอ
ชายหนุ่มกำลังจะปลอบซูเหมย แต่ฉู่ลั่วก็พึมพำประโยคบางอย่างขึ้นมาหน้ากล้อง
“…”
เสียงวุ่นวายในหัวหายไปหมด
จิตใจที่ว้าวุ่นก็มั่นคงขึ้นมาก
ลมหายใจของเยี่ยนฉวีสงบลง รู้ว่าฉู่ลั่วเป็นคนช่วยเขา
[เป่ยเยี่ยนกลับมาทางใต้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินให้คุณ]
[เป่ยเยี่ยนกลับมาทางใต้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินให้คุณ]
…
เยี่ยนฉวีส่งเรือบรรทุกเครื่องบินให้ฉู่ลั่วหลายลำ ก่อนจะพูดกับเด็กสาวด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ขอบคุณคุณเจ้าของช่องครับ คุณเจ้าของช่องบอกได้ไหมครับ ทำไมผมถึงตกหลุมรักเธอ?”
ซูเหมยเห็นว่าแฟนหนุ่มไม่ปลอบตนแล้ว “เยี่ยนฉวี คุณเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม? ถ้าคุณเปลี่ยนใจแล้ว ก็บอกฉันมาตามตรง อย่ามาทำให้ฉันอับอายด้วยวิธีนี้!”
เยี่ยนฉวีเหลือบมองแฟนสาวอย่างระมัดระวัง เมื่อพบว่าในหัวของตนไม่มีเสียงอะไรแล้ว และไม่รู้สึกไม่สบายใจอีก
เขาหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนรีบถามขึ้นมาอีกครั้ง “คุณเจ้าของช่อง รบกวนคุณบอกผมหน่อยครับ ทำไมผมถึงตกหลุมรักซูเหมย?”
หากไม่ใช่เพราะเจ้าของช่องพูดขึ้นมา เขาคงไม่รู้ตัวว่าความรักที่ตนเองมีต่อซูเหมย มันผิวเผินมากแค่ไหน
เยี่ยนฉวีรักแฟนเก่าอย่างอวิ้นเอ๋อร์จากใจจริง รู้ว่าการรักใครสักคนจากใจจริงจะมีความรู้สึกอย่างไร
แต่เขาไม่เคยเปรียบเทียบความรักที่มีต่ออวิ้นเอ๋อร์กับซูเหมยเลย
ราวกับว่าแค่มองซูเหมย สมองก็สับสนมึนงงไปหมด
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยค้นพบปัญหานี้มาก่อน!
ฉู่ลั่วถามด้วยน้ำเสียงปลงตก “คุณอยากรู้จริงเหรอคะ?”
“ครับ ผมต้องรู้ให้ได้”
ฉู่ลั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ได้ค่ะ ฉันจะบอกคุณ”