เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 99 เรื่องราวหลังจากนั้นของภรรยาที่ฟื้นคืนชีพ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด
- บทที่ 99 เรื่องราวหลังจากนั้นของภรรยาที่ฟื้นคืนชีพ
บทที่ 99 เรื่องราวหลังจากนั้นของภรรยาที่ฟื้นคืนชีพ
เวลาตีหนึ่ง ฉู่ลั่วลืมตาตื่นขึ้นมาตรงเวลา
เธอลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย ก่อนจะมานั่งอยู่หน้าอุปกรณ์สำหรับไลฟ์สตรีม ทันทีที่เปิดโปรแกรมไลฟ์สตรีม หลังบ้านก็มีคำขอเข้าร่วมไลฟ์เด้งขึ้นมา
ฉู่ลั่วกดเชื่อมต่อแล้ว
ไม่นาน แอ็กเคานต์แผ่นดินราวภาพวาดก็ปรากฏตัวต่อหน้ากล้อง
“คุณเจ้าของช่อง พวกเรามาถึงตีนเขาตามที่คุณบอกแล้วครับ เพียงแต่ตอนนี้สภาพอากาศไม่ดี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ก็เข้าไปในภูเขาแล้ว”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยกับตำรวจในท้องที่ ติดตั้งไฟสำรวจเอาไว้ที่ตีนเขา
ยังมีชาวบ้านมีน้ำใจหลายคนที่หลังจากได้ยินข่าวคราว ก็ขึ้นไปช่วยเหลือ
พวกเขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบนภูเขามากกว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัย
มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมถือไฟฉายไว้ในมือ และพูดด้วยสำเนียงถิ่น “คนในพื้นที่อย่างพวกเราขึ้นเขากันตลอดทั้งปี ถ้ามีคนอยู่บนภูเขาจริง พวกเราคงหาเจอนานแล้ว”
แผ่นดินราวภาพวาดรีบพูดคุยกับชาวบ้านด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ทั้งยังขอบคุณพวกเขาไม่หยุด
ลูกชายลูกสาวของแผ่นดินราวภาพวาดก็ขอบคุณชาวบ้านเหล่านั้นเช่นกัน ทั้งยังมอบเงินให้พวกเขาด้วย
แต่ชาวบ้านไม่รับ ได้แต่โบกมือ “พวกเราพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะต้องการเงินของพวกคุณ แต่อยากจะบอกว่า คนที่พวกคุณตามหาไม่ได้อยู่บนเขาลูกนี้อย่างแน่นอน”
ศาสตราจารย์เว่ยสีหน้าซีดลงเล็กน้อย
ลูกชายกับลูกสาวของเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ที่จริงในใจลึก ๆ ของพวกเขาก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นพ่อที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ก็ไม่อาจพูดปฏิเสธออกมาได้
[คุณเจ้าของช่อง ฉันมาแล้ว]
[หาเจอบ้าอะไรล่ะ ชาวบ้านในพื้นที่ก็บอกแล้ว บนเขาลูกนี้ไม่มีทางมีคนอยู่ ครั้งนี้เจ้าของช่องทำนายผิดแล้วละ!]
[ไม่มีหรอก หาไม่เจอแน่นอน]
[เจ้าของช่องทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากร เจ้าหน้าที่กู้ภัยกับชาวบ้านออกปฏิบัติการแล้ว ถ้าเจ้าของช่องแค่พูดไปอย่างนั้น แบบนั้นผมคงรู้สึกแย่]
ศาสตราจารย์เว่ยเห็นความคิดเห็นก่อนทอดสายตามองไปยังป่าบนภูเขาเงียบ ๆ สลับกับชาวบ้านที่สละเวลามาช่วย
มองดูเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ถือกระบอกไฟฉาย และพยายามเดินขึ้นไปบนภูเขาอย่างยากลำบาก
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหน้า และยิ้มอย่างขมขื่น “พวกคุณพูดถูก จะเปลืองทรัพยากรของประเทศเพราะความเห็นแก่ตัวของผมไม่ได้”
ในใจของเขารู้ดี ภรรยาของเขาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
เขาเป็นคนเผาศพเธอด้วยตนเอง
เจ้าของแอ็กเคานต์แผ่นดินราวภาพวาดลุกขึ้นมา กำลังจะบอกให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกับชาวบ้านกลับ ก็ได้ยินเสียงของฉู่ลั่วดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
“ภรรยาของคุณอยู่บนภูเขาลูกนั้นค่ะ ถ้าคืนนี้คุณไม่ตามหาเธอให้พบ เธอก็จะตาย”
ฉู่ลั่วยืนยันหนักแน่น แผ่นดินราวภาพวาดนิ่งไปสักพักหนึ่ง เขาจ้องมองเจ้าของช่องบนหน้าจอ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางจริงจังและวิตกกังวล
“เธอ… อยู่บนเขาจริงเหรอครับ?”
“อยู่ค่ะ!” ฉู่ลั่วพูดอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด “ฉันให้พวกคุณเอาของของเธอไปด้วย พวกคุณได้เอาไปหรือเปล่า?”
“เอามาค่ะ เอามา นี่เป็นผ้าพันคอผืนโปรดที่แม่ของฉันชอบที่สุดตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่” ลูกสาวของแผ่นดินราวภาพวาดหยิบผ้าพันคอสีม่วงผืนหนึ่งออกมา “ยังมีธูปเทียนที่คุณบอกให้พวกเราเตรียมมาด้วยค่ะ พวกเราเตรียมมาหมดแล้ว”
ฉู่ลั่วแนะนำ “หันหน้าเข้าหาภูเขา จุดธูปเทียน แล้วเผาผ้าพันคอค่ะ”
ลูกสาวของแผ่นดินราวภาพวาดทำตาม
พวกชาวบ้านต่างก็ยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย
จนกระทั่งผ้าพันคอลุกไหม้ ฉู่ลั่วก็หยิบยันต์ขึ้นมาหนึ่งแผ่น ท่องคาถาต่อหน้ากล้องสองสามประโยค จากนั้นจึงพูดว่า “ถือผ้าพันคอที่กำลังไหม้เดินไปข้างหน้า”
ลูกสาวของศาสตราจารย์เว่ยชะงัก “ถือไปแบบนี้เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
ศาสตราจารย์เว่ยมองผ้าพันคอ แต่แล้วแววตาของเขาก็เปลี่ยนไป
ผ้าพันคอผืนนี้ติดไฟก็จริง แต่หลังจากที่ติดไฟแล้ว ก็เผาไหม้อยู่ที่มุมเป็นจุดเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ได้ลุกลามไปที่อื่น
“นี่… นี่คือ…”
ทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต แผ่นดินราวกับภาพวาดก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะนี่มันไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลย
ฉู่ลั่วพูดต่อไป “มุ่งหน้าไปตามที่ทิศทางของไฟค่ะ”
เปลวไฟชี้ไปทางใต้ ทุกคนจึงพากันเดินตามไฟขึ้นไปทางใต้ของภูเขา
“ทางนี้”
“ตอนนี้ให้ไปทางนี้อีกแล้ว”
“เปลวไฟเปลี่ยนแล้ว”
ทุกคนเดินไปตามทิศทางของเปลวไฟ เลี้ยวซ้ายทีขวาที จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากำแพงหิน ก็ไม่มีทางไปต่อแล้ว
“คุณเจ้าของช่องคะ ไม่มีทางให้ไปแล้ว”