เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 1 บทที่ 16.2
“ตามหาเจอได้ง่ายแบบนั้นได้ไงน่ะ? พวกเราซ่อนดีแล้วจริงๆ นะ! ”
“ใช่! ไม่ใช่ว่าเทียแอบมองพวกเราซ่อนเหรอ”
คิลลีวูกับเมโลนพูดด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าพองลมจนแก้มป่อง
คู่แฝดคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังช่องเก็บกองไม้กวาดทางด้านหนึ่งของโถงทางเดินเงียบไร้ผู้คน อีกคนซ่อนอยู่ใต้บันไดที่อยู่ใกล้ๆ กัน ดูเหมือนพวกเขาจะไม่พอใจที่เธอหาตัวได้ไวเกินไป
“ก็แล้วใครให้ซ่อนได้ห่วยแบบนั้นล่ะ”
“ไม่ได้ซ่อนห่วยสักหน่อย! ”
สองแฝดตะโกนเสียงดังจนตัวโยน แสดงให้เห็นถึงความเสียดาย
“ไอ้นี่ไม่สนุกเลย! ”
“ข้าก็ว่างั้น!”
“เหรอ งั้นพวกเราไปอ่านหนังสือกันดีมั้ย”
“นะ…หนังสือ?”
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินข้อเสนอของเธอ
“ไม่เอา อันนี้สนุกดีแล้ว เทีย”
“อื้อ เล่นซ่อนแอบกันต่อเถอะ”
เจ้าเด็กอ่านง่ายพวกนี้แต่คิลลีวูกับเมโลนที่บอกเรื่องที่ตัวเองชอบและไม่ชอบอย่างชัดเจน ไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดี
เทียบกับเบเลซักและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งแล้ว สองแฝดนี่ถือเป็นเทวดาเลยทีเดียว
“ห้องสมุดดีจะตาย”
สองแฝดตัวร้ายพวกนี้ ไม่มีวันที่จะไปห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือเด็ดขาด
แต่ก็นะ ต่อให้เดินเล่นไปทั่วคฤหาสน์ลอมบาร์เดียที่กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้ จะไปมีเรื่องบังเอิญเจอหน้ากันได้เหรอ
ฟีเรนเทียจำอาคารเสริมที่เพิ่งพบหน้าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเมื่อครู่ได้ จึงพาคิลลีวูกับเมโลนมุ่งหน้าลงไปยังชั้นล่างของอาคารหลักแทน
“ที่นี่มีที่ให้ซ่อนตัวเยอะเลย ได้ใช่มั้ย”
“อื้อ ดีเลย! ”
ต่างจากชั้นบน ชั้นหนึ่งมีโครงสร้างซับซ้อนเหมือนเขาวงกต
สองแฝดกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน ปรึกษากันว่าจะไปซ่อนที่ไหนดี ก่อนจะหัวเราะคิกคักท่าทางคงจะคิดอะไรดีๆ ออก
“เอาละ ถ้างั้นข้าจะนับถึงร้อย…”
ภาพของผู้ชายสองคนที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้ามของโถงทางเดินที่พวกเรายืนอยู่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาของเธอ
พวกเขาห้อยดาบเอาไว้ที่เอวเหมือนอัศวิน แต่ไม่ได้ใส่ชุดอัศวินตระกูลลอมบาร์เดียหากเป็นอัศวินประจำตระกูลไหน จะต้องติดสัญลักษณ์ของตระกูลนั้นแท้ๆ อะไรกัน
ถ้าหากไม่ใช่คนที่จงใจปกปิดตัวตนของตัวเองแล้วละก็…
ในตอนนั้นเองหัวสมองก็พลันคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
พวกองครักษ์ของเจ้าชายอาสทาน่า
เหตุผลด้านความปลอดภัยเมื่อเจ้าชายเสด็จออกนอกวังโดยปลอมตัวเป็นเหมือนชนชั้นสูงทั่วไป
ดังนั้นเหล่าอัศวินที่ต้องตามอารักขาเจ้าชายจึงต้องถอดชุดเครื่องแบบอัศวินส่วนพระองค์ แล้วเปลี่ยนไปใส่เป็นชุดธรรมดาแทนและข้างหลังคนกลุ่มนั้น เธอเห็นทหารยามของตระกูลลอมบาร์เดียสามนาย พวกเขาเดินตามหลังอัศวินของเจ้าชายด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่อาจขวางทางพวกนั้นได้ จึงได้แต่คอยเฝ้าระวังตามหลังมาเท่านั้น ดูแล้วท่าทางจะรอการมาถึงของหัวหน้าที่มียศสูงกว่าพวกตน
“พวกนั้นเองก็คงจะเล่นซ่อนแอบกันอยู่สินะ! ”
คิลลีวูมองเห็นอัศวินเดินเข้ามาใกล้เช่นเดียวกันกับเธอ ก่อนจะเอ่ยพูด แต่แล้วในตอนนั้นเองขนทั่วร่างก็พลันลุกชันขึ้นมา
อัศวินพวกนั้นสำรวจข้างใต้และข้างหลังโต๊ะที่วางอยู่บนทางเดินเหมือนอย่างที่คิลลีวูบอก พวกเขากำลังตามหาใครบางคน
“ซวยเล้ว”
ฟีเรนเทียเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
เจ้าชายดึงดันที่จะพาอัศวินของตัวเองเข้ามาในคฤหาสน์ และกำลังตามล่าหาตัวเธออยู่
ทหารยามตระกูลลอมบาร์เดียที่ขัดขวางพวกนั้นไว้เองก็ไม่สามารถใช้กำลังกับอัศวินของเชื้อพระวงศ์ได้ จึงกำลังรอคอยให้อัศวินของตระกูลลอมบาร์เดียทราบข่าวแล้วตามพวกเขามา
แต่จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้
อัศวินกับทหารยามทั่วไปมีความแตกต่างกันอยู่ ระหว่างอัศวินของราชวงศ์กับกองกำลังของตระกูลลอมบาร์เดีย หากใครสักคนชักดาบขึ้นมามุ่งจะทำร้ายกันแล้วละก็ เมื่อถึงตอนนั้นสถานการณ์ก็จะไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ฟีเรนเทียเคยได้ยินบ่อยครั้งอยู่เหมือนกันว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเป็นพวกอันธพาล แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้แค่โดนแกล้งนิดหน่อยก็ปล่อยคนออกมาแล้วแถมยังเป็นในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเสียด้วย?
กองกำลังของราชวงศ์ไม่สามารถเข้ามาข้างในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้ เรื่องนั้นเป็นสัญญาข้อตกลงระหว่างตระกูลลอมบาร์เดียกับตระกูลดิวเรลลี่ ตั้งแต่สมัยที่ก่อตั้งอาณาจักรนี้ขึ้นมา
“คิลลีวู เมโลน วิ่ง!”
ต่อให้เป็นข้างในคฤหาสน์ก็เถอะ ถ้าหากถูกอัศวินพวกนั้นจับตัวได้ ต้องเกิดเรื่องน่าปวดหัวแน่
เธอคว้ามือของสองแฝดคนละข้าง ก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งไปทางฝั่งตรงข้ามกับพวกอัศวินโดยไม่มานั่งคิดอะไรทั้งนั้น
“ทะ…เทีย! ทำไมเหรอ!”
เมโลนเอ่ยถามด้วยความตกใจ แต่เธอไม่มีเวลามานั่งตอบคำถาม
ฟีเรนเทียลองเหลือบมองไปข้างหลัง พวกอัศวินสังเกตเห็นเธอเข้าแล้ว และพวกเขากำลังไล่ตามมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว
“วิ่งไปแบบนี้จนกว่าจะถึงห้องทำงานท่านปู่!”
“ขะ…เข้าใจแล้ว”
พอเห็นพวกผู้ใหญ่ไล่ตามหลังมา สองแฝดก็หวาดกลัวจึงทำตามที่เธอสั่งอย่างว่าง่าย แต่พวกเราก็ไปได้ไม่ไกล
ในตอนที่กำลังจะถึงบริเวณใกล้ๆ กับห้องทำงานของท่านปู่ เธอก็เผชิญหน้าคณะผู้ติดตามของเจ้าชายบนโถงทางเดินยาว
“บอกแล้วใช่มั้ยว่า ถ้าจับได้จะฆ่าทิ้งเสียน่ะ?”
เจ้าชายอาสทาน่ามองเธอที่เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ จากนั้นเด็กชายก็แสยะยิ้มพลางเอ่ยพูด
นี่มันโรคจิตจริงๆ เลยไม่ใช่หรือไง!
เรื่องครั้งนี้เป็นความผิดของเธอเอง ที่ประเมินความบ้าของเจ้าชายนี่ต่ำไป
เธอซ่อนตัวสองแฝดไว้ข้างหลังเธอ ก่อนจะเอ่ยพูด
“จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเพคะ”
เธอไม่ได้ตบตีเขาเสียหน่อยแค่โยนหมวกทิ้งไป แต่กลับมาวิ่งไล่ต้อนกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาเนี่ยนะ
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า พูดจาหยาบคายใส่ข้า แค่ตายยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ”
ในตอนนั้นเองเธอถึงตระหนักได้ว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งไม่ทราบว่าระหว่างราชวงศ์กับลอมบาร์เดียมีความสัมพันธ์กันแบบไหน
ทั้งๆ ที่ขนาดองค์จักรพรรดิเองยังต้องเกรงใจเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่เจ้าชายที่ยังเยาว์วัยทั้งยังไม่ใช่รัชทายาทกลับก่อเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งเธอมีแค่เด็กสามคนกับพลทหารที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างหลังฝั่งโน้นสามคนเท่านั้น
“คุกเข่า”
เจ้าชายอาสทาน่ากอดอก ก้มมองเธอพลางเอ่ยพูด
“หากคุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้าข้า จะยอมละเว้นให้ก็ได้”
“ทำไมเทียจะต้องคุกเข่าด้วย! ”
“เจ้าเป็นใคร! ”
สองแฝดโมโหเดินขึ้นมาขวางหน้าเธอ
ในตอนนั้นเองเจ้าชายลำดับที่หนึ่งก็ออกคำสั่งแก่อัศวินของเขา
“ลากสองคนนี้ออกไปข้างๆ”
คราวนี้เหล่าอัศวินกลับแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย
บางทีก่อนจะมายังลอมบาร์เดียก็คงจะได้ยินเรื่องกฎระหว่างสองตระกูลมาบ้างแล้วสินะ
ต่อให้การฝ่าฝืนบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะสามารถปล่อยผ่านได้ แต่การแตะต้องบุตรหลานของเจ้าตระกูลมันเป็นปัญหาคนละระดับ
“อย่ายุ่งกับพวกเขา!”
ฟีเรนเทียผลักสองแฝดกลับไปข้างหลังเธอเรื่องนี้เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบจะปล่อยให้พวกเด็กๆ ถูกลากเข้ามาเกี่ยวไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คุกเข่าสิ”
เจ้าชายอาสทาน่าพูดถากถางเป็นการสื่อว่าลองท้าทายข้าอีกครั้งดูสิ
นี่เธอจะต้องคุกเข่าจริงๆ น่ะเหรอ
ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมด้วยศัตรูรอบทิศ เธอพยายามเค้นความคิดว่าจะต้องทำยังไงถึงจะรอดไปได้แต่แล้วก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่รีบร้อนเดินเข้ามาจากข้างหลังกลุ่มของเจ้าชาย
เฮ้อ โล่งอกไปที
พอปลอดภัยแล้ว สมองของเธอก็เริ่มกลับมาทำงานได้อีกครั้ง
เธอก้มหน้านิ่งและผ่านไปไม่นาน ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหยาดน้ำตาเม็ดก็ไหลอาบแก้มของเธอ
“อะไรกัน คิดว่าแค่เจ้าร้องไห้ก็แก้ปัญหาได้หรือไง” เจ้าชายอาสทาน่าเอ่ยพูดราวกับสมเพชเธอเหลือเกิน
อือ มันแก้ปัญหาได้หมดเลยละจะบอกให้
“กำลังทำเรื่องบ้าอะไรในลอมบาร์เดียแห่งนี้!”
ตอนนั้นเองที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียที่กำลังโกรธเคือง สาวเท้าเดินเข้ามาด้วยความเร็วอันน่ากลัว