เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 1 บทที่ 30.2
ทันทีที่ท่านพ่อออกไปทำงาน ฟีเรนเทียก็แวะไปยังห้องวิจัยของดอกเตอร์โอมัลลี่ตั้งแต่เช้าตรู่
โล่งอกที่ยังเช้าอยู่มาก ในห้องวิจัยจึงมีแค่เอสทีร่าคนเดียว
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายน่าจะอารมณ์เสียเพราะเรื่องที่พลาดใบแนะนำไปต่อหน้าต่อตา และได้ยินคำพูดเยาะเย้ยจากเจสันแท้ๆ แต่วันนี้นางก็ยังคงทำงานของตัวเองราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
มันยิ่งทำให้หัวใจของฟีเรนเทียเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเอสทีร่าให้ได้
เธอเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ เอสทีร่าที่กำลังเช็ดโต๊ะวิจัยอย่างขยันขันแข็งจึงเอ่ยทักทายเธอด้วยความยินดี
“มาแล้วเหรอคะ คุณหนู”
“อรุณสวัสดิ์ เอสทีร่า! ”
“วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะคะ”
“คิดวิธีดีๆ ออกแล้วน่ะ! ”
“วิธีดีๆ เหรอคะ”
เอสทีร่าเบิกตากว้าง
“ความคิดดีๆ ที่จะช่วยให้เอสทีร่าได้ใบแนะนำไง”
“คุณหนูฟีเรนเทีย”
เอสทีร่ามองเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งๆ ที่ในมือยังถือผ้าขี้ริ้วเอาไว้
“เอสทีร่า มีหนังสือที่ก่อนหน้านี้เคยเอาให้ข้าดูอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“สมุดบันทึกสูตรของท่านย่าเหรอคะ”
“อื้อ นั่นแหละเอาให้ข้าดูอีกครั้งได้มั้ย”
ตอนที่เธอแวะเข้าๆ ออกๆ ที่นี่เพื่อรับการรักษาข้อมือ เธอเคยถามคำถามมากมายกับเอสทีร่า
เรื่องแรกก็เพื่อเพิ่มความสนิทสนม เรื่องที่สองก็เพื่อสืบให้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น
ในบรรดาเรื่องที่ได้รู้มาทั้งหลายนั่น มีอยู่อย่างหนึ่งคือเรื่องเกี่ยวกับย่าของเอสทีร่า
ถึงแม้จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบท และเป็นสถานที่ที่ไม่มีแพทย์เข้าถึงแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้สมุนไพรหลากหลายชนิดที่หาได้ในละแวกนั้นคิดค้นวิธีการรักษาผู้คน พร้อมกับถ่ายทอดสืบต่อกันมาในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น
เอสทีร่าเองก็ได้รับอิทธิพลทางด้านนั้นมาจากตระกูล ทำให้ตัวนางได้จับสมุนไพรเรียนรู้เกี่ยวกับมันตั้งแต่เด็ก และคิดมาตลอดว่าอยากจะช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย
“ได้สิคะ รอสักครู่นะคะ”
เอสทีร่าหยิบสมุดบันทึกบนโต๊ะหนังสือที่อยู่มุมห้องวิจัยของตัวเองออกมา
มันเป็นสมุดบันทึกเก่าๆ ที่ผ่านมือมาหลายรุ่น
ฟีเรนเทียรับมันมาถือไว้ พลางเปิดหน้ากระดาษไปประมาณกลางเล่ม
“ช่วยอธิบายเกี่ยวกับยานี่เพิ่มอีกหน่อยได้มั้ย”
เอสทีร่ามองตำแหน่งที่เธอชี้ ก่อนจะเอ่ยพูด
“มันเป็นยาที่เวลาที่คนในหมู่บ้านทำงานได้รับบาดเจ็บที่ไหล่หรือข้อเท้าพลิก ท่านย่าก็จะหลอมมันขึ้นมา สั่งให้ข้าช่วยเอาไปให้น่ะค่ะ”
เอสทีร่ายิ้มด้วยความอาลัยในขณะที่อ่านลายมือของย่า
“มันเป็นยาที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาปากต่อปากเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้มีการจดบันทึกเผยแพร่อย่างเป็นทางการก็จริงแต่มันเป็นยาที่ช่วยลดอาการบวม และก็ช่วยลดความเจ็บปวดได้ในระดับหนึ่งด้วยค่ะ”
“อันนี้มันใช้ยังไงเหรอ ไม่ใช่ยากินใช่มั้ย”
“ค่ะ จุ่มยาใส่ผ้าให้ชุ่ม แล้วเอาไปโปะไว้บนบริเวณที่เจ็บน่ะค่ะ”
มันเป็นยาที่เธอเคยอ่านผ่านตามาครั้งหนึ่ง แต่ว่าแล้วเชียว เธอจำได้ถูกต้องแล้ว
ฟีเรนเทียถามคำถามสำคัญอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ไม่ได้มีการบันทึกไว้
“ยานี่ใช้ได้นานมั้ย”
“ค่ะปกติเวลาทำงานใช้แรงงาน แต่ละคนก็จะต้องเจ็บป่วยกันคนละที่สองที่อยู่แล้ว บางคนยังใช้ทุกคืนอยู่หลายเดือนเลยด้วยค่ะ”
“กลิ่นล่ะ? กลิ่นไม่เหม็นเหรอ”
“ไม่ค่ะ ใกล้เคียงกับกลิ่นหอมหวานมากกว่าด้วยค่ะ ส่วนผสมหลักมันเป็นผลไม้ตากแห้งน่ะค่ะ”
ยอดเยี่ยม!
ฟีเรนเทียพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ขณะพูดออกไปอย่างสงบนิ่ง
“งั้นพวกเรามาลองเปลี่ยนมันนิดหน่อยละกัน ทำให้มันเข้มข้นเหมือนยาเมลคอนเมื่อคราวก่อนได้ใช่มั้ย”
เอสทีร่าพยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอในทันที
ไม่ถามด้วยซ้ำว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน
“ค่ะ คุณหนู”
นัยน์ตาทั้งสองข้างที่มองมายังเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจ
เธอยิ้มให้เอสทีร่า
หากสิ่งนี้เป็นไปตามแผน เธอก็จะสามารถส่งตัวเอสทีร่าไปยังอะคาเดมีของอาณาจักรได้อย่างปลอดภัย
“อ๊ะ ว่าแต่มีสมุนไพรที่กินหรือทาบนร่างกายแล้วให้ความรู้สึกเย็นสบายบ้างมั้ย”
“ความรู้สึกเย็นสบาย เอ เหมือนจะมีใบชาที่ชื่อฮิปซีย์อยู่ค่ะ”
“อ๊ะ ฮิปซีย์! ”
ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยลองดื่มเหมือนกัน
ดื่มลงไปแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นในปากเหมือนใบเปเปอร์มินต์
“ช่วยเตรียมมันในรูปแบบสารสกัดให้ด้วยนะ”
“ฮิปซีย์ ทำไมถึง…”
“เดิมทีขนาดอาหารเองยังต้องมีกลิ่นหอม ถึงจะรู้สึกอร่อยมากขึ้นไม่ใช่เหรอ ยาเองก็เหมือนกัน การที่มันให้ความรู้สึกเหมือนมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญนะ”
“อา ว่าแล้วเชียว”
เอสทีร่ามองเธอด้วยแววตานับถือ
ฟีเรนเทียยักไหล่ เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ขี้ผึ้งกับน้ำมัน ข้าจะสั่งให้คนจัดหาส่งมาที่นี่ให้เอง จะต้องผสมสารสกัดเข้มข้นสองอย่างลงไปในนั้น”
ยาที่ช่วยบรรเทาอาการบวมและให้ความรู้สึกผ่อนคลายความเมื่อยล้าเล็กน้อยกับใบชาที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายเหมือนใบเปเปอร์มินต์และขี้ผึ้ง
นึกถึงยาชนิดใหม่ที่ถือกำเนิดจากการผสมผสานกันของสิ่งเหล่านั้นแล้วเธอก็หลุดยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
ยาขี้ผึ้งตราเสือ
ช่วงหนึ่งเคยถูกเรียกว่ายาขี้ผึ้งแห่งชาติ ใช้เป็นยาบรรเทาอาการสารพัด ทั้งคัดจมูก อาการปวด อาการปวดตามข้อกระดูก เธอตั้งใจจะให้ยาที่ว่านั่นเกิดใหม่ในโลกนี้
ฟีเรนเทียก็จะใช้มันส่งเอสทีร่าไปยังอะคาเดมีพร้อมกับใบแนะนำสองใบที่เปล่งประกาย!
คนสูงวัยอย่างท่านปู่กับโบรชูลจะไม่ถูกยาบรรเทาอาการปวดนี่ล่อลวงได้ยังไงกัน
หากยานี่พัฒนาจนประสบความสำเร็จ สิ่งที่ต้องครุ่นคิดก็เหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้น
เข่าของท่านปู่ที่รู้สึกเจ็บ มันข้างซ้ายหรือข้างขวากันเนี่ยแหละคือปัญหาละ