เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 1 บทที่ 40.1
บทที่ 40
วังจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแลมบลู
แม้แต่พื้นที่หรูหราที่สุดในพระราชวัง ก็ต้องเลยยามเที่ยงลงไป ถึงจะเริ่มต้นวันขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย
ปกติแล้วจักรพรรดินีทรงบรรทมไม่ค่อยหลับ ทำให้กว่าจะได้เข้าบรรทมจริงๆ ก็เกือบรุ่งสาง ชีวิตประจำวันจึงกลายมาเป็นเช่นนี้
ห้องบรรทมของจักรพรรดินีค่อนข้างมืดสลัว เนื่องจากผ้าม่านผืนหนาจะถูกปลดลงเพื่อไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องสว่างภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้
องค์จักรพรรดินีเพิ่งจะสรงน้ำเสร็จ เส้นผมจึงยังเปียกชื้นอยู่บ้าง นางนั่งลงตรงหน้ากระจกด้วยท่วงท่าสง่างาม
นางกำนัลซึ่งรับหน้าที่หวีพระเกศาช่วยหวีให้หลายร้อยครั้ง อีกคนรับหน้าที่จัดเตรียมฉลองพระองค์ที่จักรพรรดินีจะสวมใส่วันนี้ และนางกำนัลอีกคนก็กำลังเก็บที่นอน ห้องบรรทมจึงเต็มไปด้วยนางกำนัลหลายสิบชีวิต
แต่พื้นที่นี้กลับเงียบสนิทราวกับหนูตาย
มีเพียงแค่เสียงถอนลมหายใจผสมความหงุดหงิดของจักรพรรดินีที่ดังขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เหล่านางกำนัลนับสิบต่างก็เคลื่อนไหวกันโดยไม่ก่อให้เกิดเสียงฝีเท้า หรือแม้แต่เสียงเสื้อผ้าเสียดสีไปมา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะขมวดคิ้วทำหน้านิ่วไม่พอใจพวกนางทราบดีว่า ต่อหน้าจักรพรรดินี ขนาดจะหายใจยังต้องระมัดระวังตัว
เวลาผ่านไปสักพัก การแต่งตัวทั้งหมดของจักรพรรดินีจึงเสร็จสิ้น
จักรพรรดินีทอดพระเนตรหญิงสาวหน้าตางดงามหากเปรียบเทียบกับใครก็ไม่มีทางแพ้ในกระจก ก่อนจะยิ้มด้วยความพอใจ
“ออกไปให้หมด เหลือไว้แค่เจ้าก็พอ”
จักรพรรดินีชี้ไปยังนางกำนัลคนหนึ่งที่กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าชั้นในพลางตรัสขึ้น
คล้ายกับเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ทุกคนต่างก็โค้งศีรษะด้วยความนอบน้อม แล้วออกไปจากห้องบรรทม
เหลือเพียงแค่นางกำนัลที่ถูกชี้ตัวนางเดียวที่กำลังยืนนิ่งด้วยสีหน้าซีดเผือดเพราะตัวเองทราบดีว่าเหตุใดองค์จักรพรรดินีถึงได้รั้งตัวเอาไว้
“เจ้า”
นางดูแลรับใช้อยู่ข้างกายองค์จักรพรรดินีมาได้ห้าปีแล้ว แต่พระนางก็มักจะเรียกนางว่า ‘เจ้า’ เสมอ
นางกำนัลผมดำนามเบลล่าก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม
“เพคะ องค์จักรพรรดินี”
“ทำไมถึงยังไม่มีข่าวอะไรอีก”
“ระ…เรื่องนั้น…”
นัยน์ตาของเบลล่าสั่นระริกด้วยความไม่สบายใจ
“จัดการตามที่พระองค์รับสั่งแล้วแต่ว่า…”
งานที่จักรพรรดินีราวีนี่สั่งเบลล่านั้นง่ายมาก
คือใส่ยาพิษลงในอาหารของเจ้าชายลำดับที่สองเฟเรส
ถึงแม้จะถือกำเนิดจากมารดาที่ไม่ได้สลักสำคัญอันใด แต่ก็ยังถือว่าเป็นพระโอรสขององค์จักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย
ประทานยาพิษให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองเนี่ยนะ
มันเป็นเรื่องผิดบาป แต่ใบหน้าของจักรพรรดินีที่เป็นคนออกคำสั่งกลับเย็นชาไร้อารมณ์ ราวกับแค่รับสั่งให้นางไปถอนวัชพืชที่พระองค์ไม่อยากมองเท่านั้น
เบลล่าหวาดกลัวมาก
เธอไม่อยากทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น
แต่ว่าตนไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดินี
ครอบครัวของเบลล่าเป็นหนึ่งในตระกูลใต้บังคับบัญชาของตระกูลอังเกนัส เป็นเพียงแค่ชนชั้นสูงยากจนที่มีตำแหน่งขุนนางเล็กๆ อยู่ทางตะวันตก
เบลล่าที่เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลต้องอุทิศชีวิตรับใช้จักรพรรดินีตามคำสั่งของบิดา
เบลล่าเป็นคนหัวดี หน้าตาพอใช้ได้มากที่สุดในบรรดาพี่น้อง ท่านพ่อจึงสั่งให้เธอคอยรับใช้อยู่ข้างกายจักรพรรดินีให้ดี ทั้งยังบอกอีกด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นก็ตาม อย่าได้คิดกลับมายังบ้านเกิดอีก
เหล่านางกำนัลที่รับใช้จักรพรรดินีส่วนใหญ่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันทั้งนั้น ชีวิตความเป็นความตายของตนและครอบครัวขึ้นอยู่กับคำพูดประโยคเดียวของจักรพรรดินี
หากขัดขืนคำสั่งของจักรพรรดินีที่สั่งให้นางผสมยาพิษลงในอาหารของเจ้าชายลำดับที่สอง ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ครอบครัวนางทั้งหมดจะต้องตายไปด้วย
ถึงแม้จะเป็นครอบครัวสายเลือดเดียวกันที่เริ่มจะจดจำใบหน้าไม่ค่อยได้เสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรสำหรับเบลล่าก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันอยู่ดี
เพราะฉะนั้นเธอจึงหลับหูหลับตาเริ่มผสมยาพิษลงไป
หลังจากมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเสียชีวิต สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เบลล่าจะคอยนำอาหารไปส่งถึงวังแยกและนี่ก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว
แต่เจ้าชายลำดับที่สองกลับยังไม่สิ้นพระชนม์
“ทุกครั้งที่ไปก็เห็นว่านอนนิ่งอยู่บนเตียง น่าจะได้รับพิษเข้าร่างแน่นอนเพคะ แต่ว่า…”
ทำไมถึงยังไม่ตาย!
ใบหน้าของเบลล่านั้นแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
ถ้าเด็กนั่นไม่ตาย เธอก็ตาย
ครอบครัวที่ไร้ความผิดเองก็ต้องตายไปด้วย
เบลล่านึกถึงสภาพผอมแห้งไม่น่ามองของเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นมา
เด็กแบบนั้น
น่าจะรีบๆ ตายไปเสีย คนอื่นเขาจะได้สบายกันแท้ๆ
“ตั้งแต่ครั้งหน้าใส่ยาพิษให้มากขึ้น”
จักรพรรดินีเหลือบมองไหล่สั่นเทาของเบลล่า ก่อนจะเอ่ยพูด
“ขะ…ขอบพระทัยเพคะ!”
น้ำเสียงของเบลล่าเจือไปด้วยความชุ่มชื้น
มันเป็นความรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องตาย และได้รับโอกาสอีกครั้ง
จักรพรรดินีโบกมือไล่เบลล่าด้วยความรำคาญ
หมายความว่าให้ไสหัวหายไปจากหน้าเธอเสีย
ท่าทางราวกับไล่แมลงน่ารำคาญ แต่แค่นั้นเบลล่าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
เบลล่าลดเสียงฝีเท้าลงตามความเคยชิน ออกไปจากห้องบรรทมของจักรพรรดินี ซับน้ำตาก่อนจะยิ้มออกมา
โล่งอก โล่งอกจริงๆ
โล่งอกมากจริงๆ ที่คนที่ต้องตายไม่ใช่นาง แต่เป็นเจ้าชายลำดับที่สองผู้ที่ไม่มีใครเหลียวแล