เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 2 บทที่ 45.1
“เสียชีวิตแล้ว?”
รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป
“ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ”
“หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?”
“สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…”
“คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ”
รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ
“จะทำยังไงดีคะ”
แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…”
แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย
นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ
“แคทเธอรีน”
“ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”
“เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า”
“แต่ว่า…”
แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ
“คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล”
ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม
เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล
ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป
“ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…”
รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น
“นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้”
คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก
ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง
ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ
แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย
ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม
“เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป”
รูลลักเสียใจ
หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้
“ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!”
ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย
หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน
รูลลักขมวดคิ้วแน่น
“หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…”
ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว
วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน
เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน
เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว
มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ
“ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว”
รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า
เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น
รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว
“เด็กตัวเล็กๆ …”
ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา
“ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!”
นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้
แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา
“เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…”
คนเดียว
ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้
เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง
แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ
ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ
แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง