เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 2 บทที่ 56.2
ผู้คนล้วนอยู่ในอาการตกตะลึงที่ผ่านมาพวกเขาทราบดีว่าเจ้าชายลำดับที่สองมีตัวตนอยู่ แต่ไม่มีใครเคยเห็นเจ้าชายลำดับที่สองเลยแม้แต่คนเดียว
จักรพรรดินีกีดกันเฟเรสออกจากราชวงศ์ขนาดนั้น และจักรพรรดิเองก็ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
แต่วันนี้องค์จักรพรรดิกลับยอมให้เจ้าชายลำดับที่สองเข้าร่วมงานเลี้ยงประจำอาณาจักร ทั้งยังพามาร่วมงานด้วยตัวพระองค์เอง
นี่คือการบอกใบ้อย่างมีนัย
มันหมายความว่า องค์จักรพรรดิกำลังแนะนำการมีตัวตนของเจ้าชายลำดับที่สองให้ชนชั้นสูงทั่วอาณาจักรได้ทราบอย่างเป็นทางการ
และหมายความว่าห้ามจักรพรรดินีคิดกีดกันเจ้าชายลำดับที่สองอีกต่อไป
ฟีเรนเทียลอบเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองจักรพรรดินี
มันเทียบกับสีหน้านิ่งยามสนทนากับท่านปู่เมื่อครู่ไม่ติดเลยทีเดียว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าซีดขาว หนังตาสั่นระริก บ่งบอกให้ทราบได้อย่างชัดเจนว่านางเองก็รู้สึกตกใจมากขนาดไหน
กรอด
เสียงกัดฟันแน่นดังลอดไรฟันของจักรพรรดินีดังขึ้น
เธอถอยห่างออกมาจากจักรพรรดินีครึ่งก้าวอย่างเงียบๆ
เฟเรสคนที่พระองค์ขังไว้ในวังเล็ก และตั้งใจจะฆ่าให้ตายด้วยยาพิษคนนั้น ไม่เพียงแต่ได้รับพระราชทานวังที่เหมาะสมกับตำแหน่งซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ตอนนี้เขายังได้มายืนอยู่ต่อหน้าเหล่าชนชั้นสูงของอาณาจักรในฐานะเจ้าชายอีกด้วย
ไม่ว่าตอนนี้จะชอบใจหรือไม่ชอบใจ ในฐานะจักรพรรดินีของอาณาจักร นางก็ไม่สามารถเมินเฉยเฟเรสได้อีกต่อไปแล้ว
อีกอย่างเรื่องทั้งหมดนี่กลับเกิดขึ้นด้วยฝีมือขององค์จักรพรรดิที่นางไว้ใจ คงจะยิ่งโมโหน่าดูเชียว
จักรพรรดิโยบาเนสคนนี้มีอยู่หลายเรื่องที่เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจในตัวพระองค์เท่าไหร่ แต่คราวนี้ถือว่าไนซ์ช็อตจริงๆ
ดีงาม ดีงาม
องค์จักรพรรดิกับเฟเรสเดินตรงมายังตำแหน่งที่พวกเรากับจักรพรรดินียืนอยู่
ภาพของเฟเรสที่ถูกร่างกายสูงใหญ่ของโยบาเนสบดบัง ในตอนนี้ก็เริ่มเผยให้เธอได้เห็นภาพลักษณ์ของเขาบ้างแล้ว
เด็กนี่ โตขึ้นเยอะเลย
ใบหน้ายังดูเป็นเด็กเหมือนเคย แต่ร่างกายสูงชะลูดนั่นเป็นสิ่งแรกที่โดดเด่นเข้าตา
ตอนที่พบกันครั้งสุดท้ายยังตัวเล็กผอมแห้งดูไม่สมวัยอยู่เลย
คาอิลรัสกับแคทเธอรีนคงจะดูแลเขาดีมากทีเดียว ถึงได้เติบโตขึ้นมาแข็งแรงสุขภาพดีมากขนาดนี้
แต่นิสัยมีอารมณ์ความรู้สึกน้อยกว่าคนอื่นนี่ท่าทางจะยังเหมือนเดิม ใบหน้าเรียบเฉยนั่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
เธอกำลังมองเฟเรสด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนได้พบหลานชายตัวน้อยที่ไม่ได้พบหน้าเสียนาน แต่แล้วจู่ๆ นัยน์ตาของพวกเราก็บังเอิญสบกัน
เหมือนที่พวกชนชั้นสูงกำลังมองเขาด้วยนัยน์ตากึ่งตกตะลึงกึ่งสนใจ เด็กหนุ่มที่มองไปรอบๆ อย่างเฉยเมยกลับหันมาจับจ้องสายตาสนใจแค่เธอ
และเธอก็เห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังโค้งหยีลงเหมือนตั้งใจจะยิ้ม
ไม่ได้นะ!
ตอนนี้จะให้โดนจับได้ว่าพวกเรารู้จักกัน ทั้งยังคอยติดต่อกันเป็นระยะไม่ได้เด็ดขาด
แน่นอนว่าท่านปู่ที่ได้รับรายงานจากแคทเธอรีนทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากทำให้ท่านต้องเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้
ขนาดท่านพ่อเธอยังไม่ได้เล่าให้ฟังเลย!
เธอถลึงตาจ้องเขม็งไปที่เฟเรสอย่างสุดความสามารถ
อย่ายิ้มนะ!
อย่าทำเป็นรู้จักกัน!
โล่งอกที่เพียงครู่เดียวเฟเรสก็สังเกตเห็นได้
ใบหน้าที่กำลังจะกระตุกยิ้มนั่นมีความคิด ‘ให้ตายเถอะ!’ พาดผ่านอยู่ชั่วครู่ เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย
ถูกต้อง ถูกต้อง นั่นแหละทำได้ดีมาก!
แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมหันไปมองทางอื่น
เขาเอาแต่มองเธอด้วยใบหน้าไม่เผยความรู้สึกในใจตามที่เธอสั่ง
ไม่ได้พบกันตั้งนานก็คงอยากจะทักทายด้วยความดีใจสินะ แต่การทักทายน่ะ เอาไว้ค่อยทำทีหลังก็ยังไม่สาย
ตอนนี้งานเลี้ยงกำลังดำเนินมาจนถึงจุดไคลแม็กซ์เอาไว้รอจนกว่าจะไม่มีสายตาของผู้คนมากมายที่มองมา ไว้ถึงตอนนั้นค่อยทักทายกันว่า ‘ไม่ได้พบกันเสียนาน’ ก็ได้
“แคลอฮัน!”
องค์จักรพรรดิยิ้มกว้างตรัสเรียกชื่อท่านพ่อ
พอมายืนอยู่ข้างกายโยบาเนสผู้มีใบหน้าคมเห็นสันกรามชัด ทั้งยังดูเหมือนโจรผู้ร้ายมากเสียจนไม่แน่ใจว่าใช่บิดาของเฟเรสแน่หรือเปล่าแบบนี้แล้วท่านพ่อยิ่งดูเหมือนรูปสลักงานจิตรกรรมประณีตชิ้นหนึ่งจริงๆ
มือใหญ่เหมือนฝาหม้อตบลงบนไหล่ของท่านพ่ออย่างแรง
“ต้องพระราชทานเหรียญรางวัลยกย่องประจำวันชาติให้ ถึงจะได้เห็นหน้าเจ้าเสียที!”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เมื่อก่อนก็รู้สึกอยู่เหมือนกัน แต่องค์จักรพรรดินี่แสร้งทำเป็นสนิทสนมได้เก่งมากจริงๆ
บางทีการเก็บซ่อนความรู้สึกในใจเอาไว้ เล่นละครอย่างคล่องแคล่ว อาจจะเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมของคนเล่นการเมืองละมั้ง
ฟีเรนเทียมองโยบาเนสที่หยอกล้อกับท่านพ่อและท่านปู่ราวกับตั้งใจจะให้คนอื่นๆ ได้ยิน แล้วก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
บทสนทนาที่จงใจตัดองค์จักรพรรดินีออกไปกำลังดำเนินต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่สายตาก็ยังไม่มองไปทางจักรพรรดินี
ใบหน้าของจักรพรรดินีที่เมื่อครู่ยังซีดเผือดอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง
จักรพรรดิเองก็ช่างเป็นคนที่เหมือนจิ้งจอกจริงๆ
ลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่กุมลอมบาร์เดียและอังเกนัสไว้ในสองมือ คอยเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักระหว่างสองตระกูล
ตอนนี้จักรพรรดินีกับอังเกนัสกำลังระแวงว่าจักรพรรดิจะเอนเอียงมาสนับสนุนตระกูลของพวกเรามากกว่า พวกเขาจึงยิ่งถวายสิ่งของให้มากขึ้น และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเติมเต็มความต้องการของจักรพรรดิ
เธอกำลังชื่นชมโลกของพวกผู้ใหญ่อยู่แบบนั้น แต่แก้มข้างหนึ่งกลับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
พอหันกลับไปมองทางฝั่งที่รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา ก็พบว่าเป็นเฟเรสตามคาด
เด็กนี่กำลังมองเธออยู่โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว
แสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันก็คงจะอึดอัดใจมากทีเดียว ใบหน้าขาวเนียนถึงได้ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
ฟีเรนเทียเองก็ไม่ได้ไม่ชอบท่าทางแบบนั้นของเฟเรสหรอกนะ
ถึงยังไงก็รู้จักหน้าค่าตากันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังให้ความช่วยเหลือนิดหน่อย แต่นี่เขาเล่นดีใจที่ได้พบหน้าเธอมากขนาดนั้นเชียว
แสดงว่าที่ส่งจดหมายหากันเป็นระยะตลอดเวลาที่ผ่านมาคงจะได้ผลอยู่บ้าง
หากนึกถึงเรื่องในอนาคต ก็ถือว่านี่เป็นปฏิกิริยาตอบรับที่ดีมากจริงๆ
อีกเดี๋ยวคงจะต้องปลีกตัวไปที่ไหนสักแห่ง แบ่งคุกกี้ช็อกโกแลตกินด้วยกันคนละครึ่งแล้วละ
ตอนที่คิดแบบนั้นพลางหันหน้ากลับมาที่เดิม นัยน์ตาของเธอก็พลันสบเข้ากับใครบางคนที่กำลังจับตามองพวกเราอยู่
จักรพรรดิโยบาเนส