เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 2 บทที่ 67.2
“ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ได้นะครับ!”
“เฮ้อ”
น่าอึดอัดชะมัด
เสียงตะโกนของดอกเตอร์โอมัลลี่ทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจเฮือกราวกับแผ่นดินถล่ม
เรื่องราวมันเป็นเช่นนี้
ตอนที่เธอพาเอสทีร่าไปหาท่านพ่อ
ท่านปู่ก็ดันมาเยี่ยมไข้พอดี และดอกเตอร์โอมัลลี่ก็มาช่วยดูแล เพื่อรักษาอาการอาหารไม่ย่อยของท่านพ่อ
มันเป็นอาการแทรกซ้อนชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการลดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของดอกเตอร์โอมัลลี่บิดเบี้ยวไม่น่ามองในทันทีที่เห็นเอสทีร่า ขนาดผ่านไปได้หลายปีแล้ว ความรู้สึกในแง่ลบก็ยังไม่จางหายไปอยู่ดีและหลังจากที่เธออธิบายสถานการณ์เสร็จ จนเอสทีร่าหยิบขวดยาออกมา ดอกเตอร์โอมัลลี่ก็ระเบิดอารมณ์โมโหออกมาอย่างที่เห็นกันอยู่ตอนนี้
“ยาที่ไม่ได้รับการตรวจสอบนั่น! แถมยังเป็นยาที่เด็กสาวไร้ประสบการณ์สกัดขึ้นอีก!”
ดอกเตอร์โอมัลลี่ตะคอกเสียงดังจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้า
“จะเอามันให้ท่านแคลอฮันกินได้ยังไงกันครับ!”
ถึงแม้ช่วงท้ายจะลดเสียงให้เบาลง เพราะตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน แต่ดอกเตอร์ก็ยังคงโมโหจนหอบแฮก
“เสียงดังจริง ดอกเตอร์”
สุดท้ายท่านปู่ที่ขมวดคิ้วแน่นจนหน้าตึงก็กล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ตะ…แต่ว่าท่านเจ้าตระกูล นี่เป็นเรื่องอันตรายมากจริงๆ นะครับ”
ดอกเตอร์โอมัลลี่หันหน้าไปจ้องเอสทีร่าเขม็งในขณะที่เอ่ยพูด
“เจ้าชื่อเอสทีร่าอย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ ข้าเอสทีร่าที่กำลังศึกษาวิจัยอยู่ที่อะคาเดมี เพราะบุญคุณของตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”
“เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เจ้าวิจัยอยู่ที่อะคาเดมี มันเป็นยารักษาโรคเทรนด์บลูพอดี”
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่า
ที่สายตาของท่านปู่หันไปจับจ้องอยู่ที่เอสทีร่าในทันที
“ค่ะ เป็นเช่นนั้นค่ะ ที่จริงข้าวิจัยเกี่ยวกับโรคอื่นอยู่ แต่ค้นพบว่าส่วนผสมที่ข้าสกัดขึ้นมา มันมีผลกับโรคเทรนด์บลูด้วยพอดีค่ะ”
“แล้วแคลอฮันก็เป็นโรคเทรนด์บลูพอดีเสียด้วยสินะ”
“ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโรคนี้จากจดหมายที่คุณหนูฟีเรนเทียส่งมาถามไถ่ข่าวคราวน่ะค่ะ ข้าที่ติดหนี้บุญคุณของลอมบาร์เดียจะอยู่เฉยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงล่ะคะ”
เอสทีร่าตอบอย่างคล่องแคล่ว แต่ท่านปู่ยังคงมองนางด้วยใบหน้าไม่อาจคาดเดาความคิดในใจได้
“ขอบคุณที่เดินทางมาเสียไกลนะครับ”
ท่านพ่อเอ่ยพูดทำลายบรรยากาศตึงเครียด
“ยานั่นทำจากอะไรหรือครับ”
“ใช้สมุนไพรที่มีชื่อว่า ‘โรเจง’ เป็นส่วนผสมหลัก แล้วก็ผสมกับสมุนไพรอีกหลายชนิดค่ะ นี่คือรายชื่อสมุนไพรที่ข้าใช้เป็นส่วนผสมค่ะ”
เอสทีร่าส่งรายชื่อให้ท่านพ่ออย่างไม่ลังเล ท่านพ่อจึงกวาดสายตาอ่านกระดาษแผ่นนั้น
เพราะท่านพ่อเป็นคนที่อ่านหนังสือมามากและมีความรู้พอตัว ท่านจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรเช่นกัน
“มีชื่อสมุนไพรที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินอยู่หลายชนิดเลยนะครับ”
“สมุนไพรพวกนั้นหากอ่านจากหนังสือพวกนี้…”
“หากเป็นไปได้ ขอยืมหนังสือเล่มนั้นสักวันได้มั้ยครับ”
“นะ…แน่นอนค่ะ”
เอสทีร่าพยักหน้าตอบรับคำขอของท่านพ่อ
ท่านพ่อวางหนังสือที่รับมาไว้ข้างกาย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อันที่จริงตั้งแต่เมื่อเช้า ความรู้สึกของขาข้างซ้ายเองก็เริ่มแปลกไปครับ บางที…”
“อืม”
ท่านปู่พึมพำเสียงแผ่ว
“ในจังหวะที่กำลังร้อนใจ กลับได้ยินข่าวดีเช่นนี้…”
ท่านพ่อมองขวดยาใบเล็ก
“ไม่ได้นะครับ!”
ดอกเตอร์โอมัลลี่ตะโกนเสียงดังแทรกขึ้น
“เพื่อความปลอดภัยของท่านแคลอฮัน ในฐานะแพทย์ข้าไม่อาจมองข้ามเรื่องนี้ได้เด็ดขาดครับ!”
ถึงแม้จะอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของท่านพ่อ แต่ทำไมเธอถึงได้มองเห็นความหวาดกลัวจากใบหน้าของดอกเตอร์เสียได้
ทำไมถึงได้รู้สึกว่า เขากำลังกังวลว่าจะสูญเสียตำแหน่งที่ยืนของตัวเองไปกันล่ะ
ถึงแม้จะถูกดูหมิ่นต่อหน้า แต่เอสทีร่าก็ยังคงนิ่งสงบ
ในเมื่อแสดงให้เห็นถึงทุกสิ่งที่ตัวนางนำมาด้วยแล้ว นางจึงยอมถอยเพื่อรอให้ท่านพ่อเป็นคนตัดสินใจ
“ยาของหมอที่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมแบบนั้น! มันอันตรายนะครับ!”
ดอกเตอร์ชี้นิ้วไปยังเอสทีร่า
“เชื่อข้าเถอะครับ ค่อยๆ รักษาไปตามอาการย่อมปลอดภัยกว่าครับ!”
เสียงทุบหน้าอกดังปึงปังจนน่ารำคาญ
ในตอนนั้นเองท่านพ่อก็หันมามองเธอ
ราวกับต้องการที่จะถามความเห็นของเธอ
“ถึงยังไงยาตัวอื่นมันก็ใช้ไม่ได้ผลไม่ใช่เหรอคะ”
คำพูดของเธอทำให้ทุกคนหันกลับมามอง
“เพราะฉะนั้น ข้าอยากให้พ่อลองเชื่อใจยาของเอสทีร่าดูสักครั้งค่ะ”
ฟีเรนเทียรู้ดีว่ายาตัวนี้จะเป็นยารักษาเพียงตัวเดียวที่จะช่วยให้ท่านพ่อหลุดจากโรคร้ายนั่นได้แต่ที่ไม่พยายามผลักดันตั้งแต่แรก ก็เพราะเธออยากจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านพ่อยินดีที่จะกินมันหรือเปล่า
“อืม เอาตามนั้นก็แล้วกัน”
ท่านพ่อใช้เวลาครุ่นคิดเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
“รบกวนด้วยนะครับ เอสทีร่า”
“ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถค่ะ ท่านแคลอฮัน”
เอสทีร่าโค้งศีรษะลงด้วยความนอบน้อม
“นี่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ควรเลยนะครับ! ทุกท่านจะต้องเสียใจแน่!”
ดอกเตอร์โอมัลลี่ตำหนิเสียงดัง เขาปิดประตูห้องดังโครม แล้วเดินหนีหายออกไปจากห้อง
และในวันนั้น ท่านพ่อก็ได้ดื่มยารักษารอบแรกลงไป
“หมายความว่ายังไงกัน ยารักษาไม่ได้ผลอย่างนั้นเหรอ”
เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
ว่ายังไงนะ
“…หากพูดให้ชัดเจนก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผลเสียทีเดียวค่ะ ต้องบอกว่ายาได้ผลเพียงแค่ครึ่งเดียวจากที่ควรเป็นค่ะ”
เอสทีร่าหลับตาแน่นในขณะที่เอ่ยพูด
“ขอโทษนะคะ คุณหนู…”
“เป็นไป…ไม่ได้…”
จะเป็นแบบนั้นไม่ได้
เอสทีร่าเป็นคนคิดค้นยารักษาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ท่านพ่อที่ได้กินยารักษานั่นก็ควรที่จะหายจากโรคสิ
“ทำไมกัน…”
และในตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องเตือนดังขึ้นมาในหัว
ยาที่เอสทีร่าสกัดขึ้นมาในตอนนี้ อาจจะต่างจากยาที่นางสกัดขึ้นเมื่อชาติก่อนก็ได้
ตอนนี้เอสทีร่าเองก็ยังมีอายุน้อยกว่าเมื่อสมัยนั้นมาก ประสบการณ์ด้านการวิจัยเองก็ยังน้อยเช่นกัน
มีตัวแปรอะไรหลายอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม
เรื่องที่แน่นอนพวกนั้นเป็นเรื่องที่ที่ผ่านมาเธอเผลอมองข้ามมันไป
แต่แล้วในตอนที่เธอได้แต่จับจ้องสายตาเหม่อมองอยู่ที่จุดจุดหนึ่ง
แกรก
ประตูก็ถูกเปิดออก ก่อนที่เครย์ลีบันจะวิ่งเข้ามา
“ตระกูลอังเกนัสลอกเลียนแบบกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปครับ!”
“ว่ายังไงนะคะ”
“ตระกูลอังเกนัสขออนุญาตจากองค์จักรพรรดิ ให้ได้เปิดกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบเดียวกันกับร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันทางทิศใต้ครับ!”
“พวกบ้านั่น…”
ในปัจจุบันกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีเพียงแค่ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันร้านเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถพอที่จะผูกขาดธุรกิจชนิดนี้ได้
ถึงแม้จะไม่ได้มีการจดสิทธิบัตรใดๆ แต่ท่านพ่อได้รับเหรียญกิตติคุณวันชาติ ก็เพราะเป็นผู้คิดค้นเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ว่านี่ขึ้นมา เท่ากับว่ากิจการของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากจักรพรรดิ
เพราะทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี อังเกนัสถึงได้ตั้งใจขอคำอนุญาตจากจักรพรรดิเสียก่อน
“โลภมากกระหายอยากได้ไม่จบไม่สิ้น ปากจะฉีกอยู่แล้วก็ยังไม่รู้ตัว”
กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นจากความสามารถของท่านพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
มันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความร่วมมือกันของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย กิจการผ้าทอ และเครือข่ายเส้นสายต่างๆ ของตระกูล
อังเกนัสไม่มีทางจัดการกับเรื่องทั้งหมดได้อยู่แล้ว
“เครย์ลีบัน ตอนนี้…”
ในตอนที่เธอกำลังจะออกคำสั่งเครย์ลีบัน ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงดังลั่นอีกครั้ง
“เทีย!”
“เทีย!”
เป็นคู่แฝดบุตรชายของชานาเนสนั่นเอง
ใบหน้าของสองแฝดที่กระโจนเข้ามากอดเธอเอาไว้แน่นนั้นเปรอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกจนเละเทะไปหมด
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ทั้งสองคน”
“ฮึก ได้ยินแล้วนะ ท่านแคลอฮัน…”
“เป็นโรคเทรนด์บลู…”
อาการป่วยของท่านพ่อ นอกจากคนใกล้ชิดและดอกเตอร์โอมัลลี่แล้ว มันเป็นความลับสุดยอดที่ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น
ฟีเรนเทียจับไหล่ของสองแฝดแน่นในขณะเอ่ยถามพวกเขา
“ไปได้ยินมาจากที่ไหน”
“ข่าวลือแพร่ไปทั่วคฤหาสน์เลย”
“พวกเราเองก็ได้ยินจากที่พวกข้ารับใช้พูดกันน่ะ”
ให้ตายเถอะ
ถ้าพวกลูกจ้างลือกันไปทั่วแล้วแบบนี้ หมายความว่าตอนนี้คงรู้กันไปทั่วคฤหาสน์แล้วแน่