เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 2 บทที่ 72.1
บทที่ 72
พอคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็สามารถออกไปข้างนอกได้แล้ว ทำเอาบั้นท้ายขยุกขยิกไม่หยุดด้วยความตื่นเต้นเลยทีเดียว
“จะว่าไปตอนนี้ก็สามารถออกไปเที่ยวข้างนอกได้ตามใจอยากแล้วสินะคะเนี่ย!”
ลอรีลช่วยหวีผมให้เธออย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยพูด
นั่นแหละที่ข้าพูดถึงน่ะลอรีล!
“อยากจะทำอะไรเป็นอันดับแรกคะ”
“อืม…”
เธอจำเป็นต้องใช้เวลาคิดสักพักไม่ใช่เพื่อคิดว่าจะทำอะไรดีแต่เพราะมีเรื่องที่ต้องทำเยอะมากเกินไป จนยากที่จะลำดับความสำคัญว่าจะทำเรื่องอะไรก่อนอะไรหลัง
พอเห็นเธอเอาแต่ครุ่นคิด ลอรีลก็ช่วยแนะนำตัวอย่างให้หลายอย่าง
“เห็นว่าคุณหนูลาลาเน่แวะไปยังสวนดอกไม้แถบชานเมืองลอมบาร์เดีย ส่วนท่านคิลลีวูกับท่านเมโลนก็ขี่ม้าวิ่งเล่นออกไปนอกเมืองค่ะ และท่านเบเลซัก…ไม่ได้สนใจเลยไม่ได้สืบมาก็เลยไม่รู้น่ะค่ะ”
ว่าแล้วเชียว ลอรีลของเธอ
ถูกใจเธอมากจริงๆ
อย่างไอ้เบเลซักนั่นจะทำอะไรหลังผ่านงานวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปี มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
คิดแบบนั้นแล้วปล่อยผ่านไปน่ะดีแล้ว
แต่น่าเศร้าที่ดันอาศัยอยู่ในคฤหาสน์เดียวกัน เธอเลยรับรู้ไปด้วยว่า วันถัดจากวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปี เบเลซักออกไปล่าสัตว์ด้วยกันกับอาสทาน่า
คงจะกลัวคนไม่รู้ละมั้งว่าเป็นลูกสมุนเบอร์หนึ่งของอาสทาน่าน่ะ
หลังจากเข้าออกคฤหาสน์ได้อย่างอิสระ ก็ยิ่งตามติดหนึบมากกว่าเดิมเสียอีก
“แล้วคุณหนูอยากจะทำอะไรเหรอคะ”
“ข้าเหรอ ข้าอยากออกไปซื้อของ!”
“ออกไปซื้อของ? ไปช็อปปิ้งเหรอคะ”
“อื้อ! มีของที่อยากซื้อเยอะเลยละ!”
“อืม พวกอัญมณี?”
เหมืองที่ขุดอัญมณีพวกนั้นต่างหาก!
“หรืออาหารอร่อยๆ?”
ภัตตาคารที่ทำอาหารอร่อยพวกนั้น!
อีกไม่นานจะมีของน่าซื้อขายออกมาในตลาดแล้วละ
“ถ้าไม่ใช่ของพวกนั้น…ออกจากลอมบาร์เดียไปเที่ยวเมืองหลวงก็น่าสนุกนะคะ!”
ก็มีวางแผนว่าจะไปเมืองหลวงอยู่หรอก
“ทำหมดนั่นเลย!”
“แหม คุณหนูของข้า โลภมากเหมือนกันนะคะ!”
แน่นอนสิ!
ในเมื่อเธอวางแผนไว้ว่าจะทำเงินให้ได้เยอะๆ เลยนี่นา!
เธอกับลอรีลมองหน้ากันพลางหัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า
ผมที่ถูกหวีอย่างประณีตถูกปล่อยสยายยาวกลางหลัง เสยผมไปด้านข้างเล็กน้อย เสียบดอกไม้ป่าสีขาวแสนสวยเอาไว้ด้านข้าง
หลังจากนั้นเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากลอรีล เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสำหรับสวมใส่ในงานวันนี้
“…คุณหนู ชุดนี้จะเริ่มขายเมื่อไหร่นะคะ”
ลอรีลกะพริบตาปริบๆ มองเดรสที่เธอสวมอยู่พลางเอ่ยถาม
“สัปดาห์หน้า คราวนี้ออกมาดีสุดๆ เลยใช่มั้ยล่ะ”
“น่าจะสวยที่สุดในบรรดาชุดลิมิเต็ดที่ออกมาจนถึงตอนนี้เลยละค่ะ!”
“งั้นเหรอ”
ปฏิกิริยาตอบรับอย่างกระตือรือร้นของลอรีล ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจมากเลยทีเดียว
แผนการตลาดที่เมื่อไม่นานมานี้เธอเริ่มใช้กับร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันเป็นไปได้ดีมาก
ตรงตามชื่อ ‘ลิมิเต็ดเอดิชั่น’ !
มันเป็นวิธีที่เธอคิดขึ้นเพื่อสลัดภาพลักษณ์ที่ว่า ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นของดาษดื่นที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปทุกเมื่อที่ต้องการ’ เป็นไลน์พรีเมียมที่เริ่มผลิตขึ้นโดยมีเป้าหมายเป็นพวกชนชั้นสูง
ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันทั่วอาณาจักรจะวางจำหน่ายเดรสราคาแพงหูฉี่พวกนั้นในวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน แต่จำนวนที่วางขายมีปริมาณจำกัดแค่น้อยนิด
ซีรีส์หนึ่งจะวางขายทั่วอาณาจักรแค่สองร้อยตัวเท่านั้น
ช่วงนี้ในกลุ่มชนชั้นสูง นอกจากการตกแต่งชุดเดรสของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันให้สวยงามตามสไตล์ของตัวเองแล้ว พวกนางยังกำลังนิยมสะสมเสื้อผ้า ‘ลิมิเต็ด’ พวกนี้ด้วย
ในเมืองหลวงที่มีชนชั้นสูงเงินหนามากอำนาจอยู่มากมายมีการแข่งขันกันสูงมาก บางคนถึงขนาดส่งข้ารับใช้ไปยังสาขาที่อยู่ไกลออกไป เพื่อที่จะได้หาซื้อมาไว้ในครอบครองให้ได้
“แต่สินค้าลิมิเต็ดคราวนี้น่ะ จะวางขายเนื่องในโอกาสวันเกิดของข้า มันก็เลยจะต้องยิ่งพิเศษมากกว่าเดิม”
“คะ? พิเศษยิ่งกว่าเดิมเหรอคะ”
“จะผลิตแค่หนึ่งร้อยตัวเท่านั้นไงล่ะ”
เธอแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“กะ…เกินไปแล้ว…ชุดเดรสสวยงามขนาดนี้กลับผลิตออกมาแค่หนึ่งร้อยตัว…”
ลอรีลไหล่ลู่ลงด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้
เพราะมันเป็นสินค้าลิมิเต็ดที่ระบุหมายเลข เธอเลยแบ่งออกมาให้ลอรีลชุดหนึ่งไม่ได้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะช่วยบอกใบ้ให้นางเล็กน้อย
“ส่งข้ารับใช้ตระกูลดิลลาร์ดไปที่สาขาสามของเมืองหลวงสิ”
สาขาสามเทียบกันแล้วอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากย่านที่พวกชนชั้นสูงอาศัยอยู่ แต่จะมีชุดลิมิเต็ดจำนวนสิบชุดถูกส่งไปเท่าๆ กับสาขาอื่นๆ ในเมืองหลวง
ดังนั้นการแข่งขันจึงถือว่าน้อยว่าสาขาอื่นถึงแม้จะแค่น้อยนิดก็ตาม
เมื่อรู้ความหมายของสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ลอรีลก็พยักหน้าอย่างแข็งขัน
ก๊อก ก๊อก
“เทีย เข้าไปได้มั้ย”
ท่านพ่อเคาะประตูห้องของเธอในขณะเดียวกันก็แทรกศีรษะเข้ามาระหว่างช่องประตูที่เปิดแง้มออก
“พ่อ!”
เธอลุกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง วิ่งกระโจนเข้าใส่อ้อมกอดของท่านพ่อ
“โอ้!”
ท่านพ่อแสร้งเซถลาถอยไปข้างหลังสองสามก้าวอย่างหยอกล้อ ก่อนจะกอดเธอเอาไว้
“ตอนนี้ก็อายุสิบเอ็ดแล้วนะ แต่ดูเหมือนจะยังอีกไกลเลยกว่าลูกสาวพ่อจะโตน่ะ”
“แน่นอนสิคะ! ต่อหน้าท่านพ่อข้าจะเป็นเด็กไปตลอดชีวิตเลยค่ะ!”
เพราะยาของเอสทีร่า ท่านพ่อจึงหายจากโรคเทรนด์บลูได้อย่างสมบูรณ์
ในหนึ่งสัปดาห์อาการชาจากอัมพาตก็หายไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นหนึ่งเดือนก็ฟื้นตัวจนเริ่มออกไปเดินเล่นรอบๆ ที่พักได้แล้ว
และวันเกิดของเธอวันนี้ ท่านพ่อก็กลับมามีภาพลักษณ์แข็งแรงสมบูรณ์ เพียงแค่ผอมลงไปจากเมื่อก่อนหน้านี้เล็กน้อยเท่านั้นเอง
“ท่านแคลอฮันวันนี้เท่มากเลยค่ะ!”
“ฮ่าฮ่า อย่างนั้นเหรอ ขอบใจนะลอรีล”
ใบหน้าผอมเพรียวลง เลยยิ่งทำให้ดูหน้าคมมีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้นช่วงนี้ยิ่งเวลาผ่านไป ความนิยมของท่านพ่อก็ยิ่งพุ่งสูงมากยิ่งขึ้น ขนาดที่เธอกังวลเลยว่าปล่อยไว้แบบนี้ อีกหน่อยเธอจะได้พบกับแม่เลี้ยงคนใหม่หรือเปล่า
แต่ก็นะ เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านพ่อก็แล้วกัน
“ถ้าเตรียมตัวไปร่วมงานปาร์ตี้พร้อมแล้ว ขอเวลาพ่อสักหน่อยได้มั้ย”
ท่านพ่อยื่นมือมาหาเธอ
เธอเองก็ยื่นมือออกไปจับมือของท่านเอาไว้
มือของท่านพ่อที่ใหญ่กว่าเธอมากยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเคย
พวกเราเดินขึ้นไปชั้นบนอีกชั้นของปีกคฤหาสน์
เดินไปตามโถงทางเดินทอดยาว ก่อนที่ท่านพ่อจะหยุดลงตรงหน้าประตูบานหนึ่ง
“ลองเปิดดูสิ”
ท่านพ่อปล่อยมือของเธอพลางเอ่ยพูด
แกรก
พอเธอหมุนลูกบิดประตูลง ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายราวกับเฝ้ารอเวลานี้อยู่แล้ว
“ของขวัญที่พ่อมอบให้เทียยังไงล่ะ”
หน้าต่างบานใหญ่ แสงแดดส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึง ห้องรับรองที่ถูกทาผนังด้วยโทนสีอบอุ่นดูอ่อนละมุนกำลังรอต้อนรับพวกเราอยู่
“ที่นี่…ห้องของข้า ไม่สิ บ้านของข้าเหรอคะ”
“อืม ใช่แล้วละ”
“ว้าว!”