เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 115.1
.
.
.
.
.
.
.
พ่อบ้านเริ่มเล่าเรื่องที่ตนได้ยินและได้เห็นมาตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เบเจอร์ทำงานในฐานะรักษาการตำแหน่งเจ้าตระกูลได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว
รูลลักคอยรับการรายงานจากโยฮันเกี่ยวกับงานของเบเจอร์อยู่ทุกวัน
ทุกสัปดาห์เบเจอร์จะต้องมารายงานกับรูลลักโดยตรงสัปดาห์ละครั้งอยู่แล้วก็จริง แต่โยฮันรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดในฐานะบุคคลที่สาม ไม่นำอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว
รายงานของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก อันที่จริงก็ไม่น่าตกใจอะไรนัก
“…ว่าแล้วเชียว”
รูลลักยิ้มขมขื่น
ในตอนที่ฝากฝังให้เบเจอร์รับตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล เขาเองก็คาดหวังอยู่เหมือนกัน
คาดหวังไว้ว่าเบเจอร์จะตระหนักได้ถึงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าตระกูล แล้วแสดงภาพลักษณ์แบบอื่นออกมาให้เขาได้เห็นบ้างหรือเปล่า
อะไรเทือกนั้น
“อารมณ์ของเบเจอร์ล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“…ดูอารมณ์ดีมากเลยครับ”
“อืม…”
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ไม่ได้ตระหนักเลยว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดอะไรลงไปบ้างสินะ
“ถ้าเบเจอร์สังเกตเห็นข้อด้อยของตัวเองบ้างก็คงดี”
ควรได้เรียนรู้เสียบ้างว่า ตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนั้นเป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่มากมาย และมีค่ามากขนาดไหน
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้หวังว่าเบเจอร์จะยอมปล่อยวางความโลภพวกนั้นลง
“ข้าโลภเกินไปหรือ ที่หวังเรื่องเช่นนั้น…”
รูลลักถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกเสียใจเอาไว้ได้
“คงต้องเลิกโง่ได้แล้วสินะ”
“ท่านเจ้าตระกูล…”
โยฮันเอ่ยเรียกรูลลักด้วยความเป็นห่วง
“อา ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง เพียงแค่รู้สึกผิดกับเหล่าเจ้าตระกูลทั้งหลายก็เท่านั้น”
รูลลักหัวเราะขมขื่นในขณะที่พูด
“ดังนั้นต้องรีบฟื้นฟูสุขภาพ จะได้รีบลุกขึ้นจากเตียง กลับมาประจำตำแหน่งไม่ใช่หรือครับ”
โยฮันยิ้มอ่อนโยน พูดเพื่อปลอบโยนเจ้าตระกูล
“นั่นสิ ขอบใจ ขอบใจเจ้ามาก”
รูลลักยังคงรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเจ้าตระกูลคนถัดไปที่จะสืบทอดต่อจากเขา แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มออกมา
“โล่งอกที่ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ แค่ทานยาอย่างต่อเนื่อง พักเสียหน่อยก็น่าจะดีขึ้นแล้วละ”
“อา ค่อยโล่งอกหน่อยนะครับ! ”
“อันที่จริงเห็นอายุยังน้อยก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แต่ดอกเตอร์เอสทีร่า…”
ก๊อก ก๊อก
“ท่านปู่!”
จู่ๆ ก็มีเสียงใสกังวานดังขึ้น พร้อมกับประตูห้องที่ถูกเคาะ
“เทีย?”
ฟังแค่เสียงรูลลักก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เขาเกือบจะลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังประตูโดยไม่รู้ตัว
บนใบหน้าของโยฮันที่ห้ามปรามรูลลักเอาไว้ ก่อนจะเดินไปช่วยเปิดประตูให้แทน ก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ท่านปู่ ข้ามาแล้วค่ะ!”
“โฮ่ว เทียมา…หืม?”
รูลลักต้อนรับหลานสาวด้วยความดีใจ แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูที่ถูกเปิดออกไม่ได้มีเพียงแค่เทียคนเดียวเท่านั้น
ลาลาเน่กับเครนีย์ที่ยืนอยู่ข้างกาย และยังมีสองแฝดคอยยืนคุ้มครองพวกเขาอยู่ด้านหลังอย่างมั่นคงอีกด้วย
เด็กน้อยทั้งหลายที่ไม่ได้คล้ายคลึงกันแต่ก็มีส่วนที่คล้ายอยู่เช่นกัน พวกเขายืนออกันอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าสดใส
เทียยิ้มกว้าง พูดกับรูลลักที่กำลังตกใจ
“วันนี้ข้าไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกันหมดเลยค่ะ ท่านปู่!”
* * *
“…อืม รีบเข้ามาสิ”
บนใบหน้าของท่านปู่เริ่มค่อยๆ มีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้น
มันเป็นรอยยิ้มจากใจจริงที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้
“ข้าไปเตรียมเครื่องดื่มกับของว่างมาให้นะครับ”
พ่อบ้านกล่าวเช่นนั้น แล้วปลีกตัวไปจัดเตรียมขนมปังกับน้ำผลไม้ที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางเสียงแกรกๆ ที่ดังขึ้น เธอดันหลังเครนีย์เบาๆ พลางพูดขึ้น
“มัวทำอะไรอยู่ เครนีย์ ต้องเอาของเยี่ยมไข้ให้ท่านปู่สิ”
“เอาของขวัญมาด้วยหรือ”
ท่านปู่มองเครนีย์ในขณะที่ถามขึ้น
“คะ คือว่า…งื้อ”
ใบหน้าของเครนีย์ถูกย้อมจนเป็นสีแดงก่ำด้วยความเขินอาย เด็กน้อยส่งช่อดอกไม้ช่อเล็กที่ซ่อนเอาไว้อยู่ข้างหลังให้ท่านปู่
“รีบหายไวๆ นะครับ ท่านปู่!”
“ฮ่าฮ่า…”
ท่านปู่เองก็ทราบดีว่าเครนีย์เป็นเด็กที่ใสซื่อและทึ่มทื่อมากแค่ไหน
เพราะฉะนั้นท่านถึงได้ทราบดีว่า การมอบของขวัญที่เตรียมมาให้ท่านปู่ผู้แสนน่ากลัว มันเป็นการกระทำที่ต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก
“อืม ขอบใจนะ เครนีย์”
ท่านปู่รับช่อดอกไม้ไปถือไว้ ในขณะเดียวกันก็ลูบไหล่ของเครนีย์เบาๆ
“มีสายตาเลือกดอกไม้ได้สวยมากเลยนะเนี่ย”
ทั้งยังเอ่ยชมอีกด้วย
“วะ วันนี้ข้าเก็บเอาจากสวนในคฤหาสน์ตลอดทั้งวันเลยครับ!”
“เหรอ สวยมากจริงๆ”
“ดะ ได้รับคำชมด้วย”
บนใบหน้ายิ้มแย้มของเครนีย์เปี่ยมไปด้วยความดีใจ
ปกติแล้วเขาชอบอ่านหนังสือ ชอบของสวยๆ งามๆ อย่างดอกไม้ แต่เพราะเรื่องนี้ เขาเลยโดนพี่ชายของตัวเองอย่างอาสทัลลีอูล้อเลียนเป็นประจำ
ดังนั้นพอได้รับคำชมจากท่านปู่ว่าช่อดอกไม้ของเขาสวย ถึงได้ดีใจมากจนหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู
“ท่านปู่ ของข้าอันนี้….”
ลาลาเน่ยิ้มเขินอาย ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งออกไป
“เวลาที่ข้าป่วย ไม่มีอะไรช่วยคลายเหงาได้เท่าหนังสือแล้วน่ะค่ะ…”
ท่านปู่ไม่นึกว่าลาลาเน่เองก็มีของขวัญมาให้เขาด้วย ท่านจึงเหม่อมองหนังสือเล่มนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจเช่นเดียวกัน
“ขอบใจ ลาลาเน่ นี่ปู่ก็อ่านหนังสือพวกนี้จบแล้วพอดีเลย ได้จังหวะทีเดียว วันนี้จะได้เริ่มอ่านเล่มนี้ทันที”
ลาลาเน่เองก็มีลักยิ้มบุ๋มลึกเบ่งบานขึ้นบนใบหน้า
“เตรียมของว่างเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวลงไปห้องอาหารก่อนนะครับ ท่านเจ้าตระกูล”
“อืม ลำบากเจ้าแล้ว”
โยฮันออกไปจากห้องนอน พวกเด็กๆ นั่งล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะที่มีเค้กง่ายๆ กับคุกกี้รสหวานจัดเตรียมเอาไว้
ในตอนนั้นเอง
เมโลนกัดคุกกี้หนึ่งคำ ก่อนจะถองสีข้างของคิลลีวูแล้วหยิบเอาคุกกี้ชนิดเดียวกันวางลงบนจานใบเล็กสองชิ้น
คิลลีวูรับจานนั้นมาถือไว้ เขาเดินตรงไปส่งให้ถึงมือของท่านปู่แล้วรีบเดินกลับมา
“อร่อยนะครับ ท่านปู่ ทานสิครับ”
สองแฝดไม่ใช่คนพูดจาหวานเลี่ยน พวกเขาจึงดูแลท่านปู่ด้วยวิธีของตัวเอง
ท่านปู่มองคุกกี้บนจานใบเล็ก สลับกับพวกเด็กๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ ก่อนจะเอ่ยเรียกเธอ
“เทีย”
“ค่ะ ท่านปู่”
“ที่มาเยี่ยมไข้พร้อมกันหมดกับพวกลูกพี่ลูกน้องวันนี้ เป็นความคิดของเจ้าสินะ”
ทราบเรื่องนั้นได้ยังไงเนี่ย
เธอยิ้มรับ ยักไหล่ไม่ยี่หระอะไร
“…ขอบใจนะ เทีย”
แม้ว่าจะทำท่าเหมือนดีใจ แต่ท่านปู่กลับยิ้มขมขื่น แล้วพูดขึ้น
“โล่งอกจริงๆ ที่พวกเจ้าสนิทสนมกันแบบนี้ โล่งอกจริงๆ …”
เธอเองก็พอจะเข้าใจความหมายของคำพูดนั่นอยู่บ้าง
ดังนั้นจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ เสียงแผ่ว
ท่านปู่มองเหล่าลูกพี่ลูกน้องของเธอที่กำลังนั่งแบ่งปันของกินอร่อยๆ ในขณะที่ลูบผมเธออยู่เงียบๆ
* * *