เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 115.2
[…ไหล่ของเทียดีขึ้นมากทุกวัน ไม่ต้องกังวลมากไป เอสทีร่าเป็นคนรักษาโรคร้ายของเจ้าด้วยไม่ใช่หรือไงถ้าเจ้าเดินทางกลับมาทั้งๆ ที่ยังจัดการเรื่องสำคัญที่อุตส่าห์เดินทางไปทางใต้ด้วยตัวเองไม่สำเร็จเพราะนาง เทียคงเสียใจมากเป็นแน่ ดังนั้นอย่าได้บอกว่าจะกลับมายังลอมบาร์เดียในทันที…]
หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าไปอย่างยุ่งวุ่นวายกับการทำงานที่กิจการขุดเจาะเหมืองแร่ ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ชานาเนสก็นั่งเขียนจดหมายที่จะส่งไปหาแคลอฮัน
ก๊อก ก๊อก
“ท่านชานาเนส อยู่มั้ยครับ
เสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเคาะก็เกิดขึ้นในตอนนั้นเช่นกัน
“ใครกัน”
ชานาเนสเอียงคอด้วยความงุนงง นางวางปากกาลง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านให้ด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับ ท่านชานาเนส ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ข้าก็อดดริก เบรย์ครับ”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้านิ่งขรึมติดจะบึ้งตึงเล็กน้อยรีบถอดหมวกออก ในขณะที่กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ
“ค่ะ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ คุณชายก็อดดริก เชิญเข้ามาสิคะ”
ชานาเนสช่วยเปิดประตูให้กว้างขึ้น นำทางก็อดดริกไปยังห้องรับรอง
“เช่นนั้นขอรบกวนด้วยนะครับ”
“รับชามั้ยคะ ชอบเครื่องดื่มแบบไหนคะ”
“อะ อะไรก็ได้ครับ”
ก็อดดริกที่กำลังจะนั่งลงบนโซฟาในห้องรับรอง รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งเพราะคำพูดของชานาเนส ในขณะเดียวกันก็รีบตอบกลับไปอย่างมีมารยาท
“ชงชาให้ด้วยตัวเองเช่นนี้…”
ก็อดดริกมองชานาเนสเดินถือถ้วยชากลับเข้ามา เขาพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำเองได้ ข้าชอบทำมันด้วยมือของตัวเองน่ะค่ะ แปลกใช่มั้ยคะ”
ใบหน้าของชานาเนสยามกล่าวเช่นนั้นดูนิ่งสงบเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครไม่ทราบว่า เวสติน ชูลส์ ได้หลอกลวงชานาเนสเอาไว้มากแค่ไหน
แต่ก็อดดริกกลับคิดว่า สีหน้าของชานาเนสที่เขาได้พบในวันนี้ดูดีกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“งานที่ธนาคารน่าจะยุ่งแท้ๆ วันนี้มาถึงนี่มีธุระอะไรหรือคะ คุณชายก็อดดริก”
“อา คือเรื่องนั้น…”
ก็อดดริกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบเอาของที่ตนนำมาด้วยวางเรียงลงบนโต๊ะ
“เช็คของธนาคารลอมบาร์เดียเหรอคะ”
“ครับ ใช่แล้วละครับ”
“ว่าแต่เช็คนี่ทำไม…หรือนี่จะให้ข้า…”
เสียงของชานาเนสเย็นชาขึ้นอีกระดับ
บุตรหลานสายตรงของลอมบาร์เดียมักจะพบสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยๆ
มักจะมีคนนำเงินสดหรืออัญมณีมาให้เป็นสินบน เพื่อเป็นการตอบแทนให้ช่วยมองข้ามหรือหาลู่ทางช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ
ก็อดดริกสะดุ้งโหยง เพราะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เองก็สามารถมองเช่นนั้นได้เหมือนกัน
“ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่แบบนั้นครับ! ข้า…”
ก็อดดริกใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเปิดปากอธิบาย
“หนึ่งในเช็คสองใบนี่ ใบหนึ่งเป็นของปลอมครับ”
“ของปลอมหรือคะ”
“มีใครบางคนลงทุนเป็นอย่างมากเพื่อผลิตเช็คปลอมขึ้นมาครับ”
“เรื่องแบบนั้น…”
ชานาเนสขมวดคิ้วแน่น
มันเหมือนกันมาก จนถ้าหากก็อดดริกไม่บอกให้รู้ นางเองก็คงไม่ทันได้สังเกตเลยทีเดียว
ลองยื่นมือออกไปลูบสัมผัสเช็คทั้งสองใบดูก็แล้ว
แต่สัมผัสที่ปลายนิ้วกลับไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
“ตอนนี้พบเช็คแบบนี้กี่ใบแล้วคะ”
“นับถึงวันนี้ก็ทั้งหมดห้าใบครับ”
“ห้าใบอย่างนั้นหรือ คุณชายก็อดดริกก็น่าจะทราบดี เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากนะคะ”
“นั่นแหละครับที่ข้าต้องการจะบอก! ”
ก็อดดริกตะโกนเสียงดังออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้พบลอมบาร์เดียที่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เสียที
“อะแฮ่ม ข้าเองก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ดี ถึงได้พยายามหาวิธีด้วยกันกับพนักงานธนาคารหลายๆ คน ตอนนี้ก็กำลังพยายามหาวิธีแยกแยะอยู่ครับ แต่มันไม่ง่ายเลย”
“ดูแล้วก็คงจะยากมากจริงๆ ค่ะ”
เช็คปลอมที่เหมือนของจริงมากขนาดนี้
ชานาเนสมองเช็คตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งขรึมแล้วถามขึ้น
“แจ้งเรื่องนี้ให้เบเจอร์รู้หรือยังคะ”
“เมื่อครู่นี้เพิ่งไปแจ้งเป็นครั้งที่สองครับ”
“แต่ท่าทางจะไม่ได้ผลอะไรสินะคะ”
“…เพราะฉะนั้นข้าถึงได้ตัดสินใจมาพบท่านชานาเนสครับ”
นอกจากรูลลักแล้ว คนที่พอจะควบคุมเบเจอร์ผู้แสนดื้อรั้นได้ ก็เหลือแค่ชานาเนสคนเดียว
“ประเด็นเรื่องพวกนี้มันร้ายแรงมากข้าเองก็อยากแจ้งให้ท่านเจ้าตระกูลทราบนะครับ แต่ไม่มีหน้าไปพบ…”
ชานาเนสเข้าใจความรู้สึกของก็อดดริกเป็นอย่างดี
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียต่างก็เป็นคนที่จงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงที่ว่าเจ้าตระกูลผู้ชราของพวกเขาล้มป่วยหมดสติเพราะสุขภาพแย่ลง ย่อมเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกติดค้างเจ้าตระกูล ชานาเนสเองก็พอจะคาดเดาได้อยู่
“ก่อนอื่นลองมาช่วยกันหาวิธีกับข้าก็แล้วกันค่ะ”
“ฮู่ว”
คำพูดของชานาเนสทำให้ก็อดดริกถอนหายใจเฮือกใหญ่
มันไม่ใช่ลมหายใจที่ผสมความไม่พอใจแต่อย่างใด
แต่มันผสมความโล่งใจเสียมากกว่า
ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เพราะคำพูดของชานาเนสที่บอกว่า ‘มาช่วยกันหาวิธี’ ประโยคนั้น เขาไม่นึกเลยว่ามันจะช่วยปลอบใจเขาได้ขนาดนี้
อีกอย่างชานาเนสเองก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น
“เอาเป็นว่าจนกว่าจะหาวิธีแยกแยะของปลอมได้ ให้หยุดจำหน่ายเช็คเดิมก่อนนะคะ พวกเราคงต้องผลิตเช็ครูปแบบใหม่ออกมา…”
“แต่เรื่องนั้นเป็นอำนาจของเจ้าตระกูล…”
“เบเจอร์พูดอะไรบ้างเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้เหรอคะ”
“…ถ้าพบเช็คปลอมสิบใบ ค่อยมาบอก…”
“เฮ้อ…”
สุดท้ายชานาเนสเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ถึงจะน่าอึดอัดใจ แต่ยังไงรักษาการเจ้าตระกูลคนปัจจุบันก็เป็นเบเจอร์
“ไว้ข้าจะลองพูดกับเบเจอร์เองค่ะ ระหว่างนั้นคุณชายก็อดดริกลองศึกษาหาวิธีแยกเช็คปลอมไปก่อนนะคะ”
“ครับ ทราบแล้วครับ”
เมื่อได้รับคำชี้แนะจากชานาเนส ก็อดดริกถึงได้หยิบเอาถ้วยชาขึ้นมาดื่มด้วยใบหน้าที่ดูสดใสขึ้นระดับหนึ่ง
แต่นัยน์ตาที่เคร่งเครียดของชานาเนสกลับไม่อาจละห่างออกไปจากเช็คสองใบที่วางอยู่ข้างกันบนโต๊ะได้เลย
* * *
ณ ห้องทำงานของร้านค้าเพลเลส
นานแล้วที่เธอ เครย์ลีบัน ไวโอเล็ต และเบ๊ตไม่ได้มานั่งรวมตัวกันแบบนี้
“หามาได้มั้ยคะ เบ๊ต”
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ก่อนจะถามเบ๊ตทันที
วันนี้เบ๊ตยังใช้ข้ออ้างมาส่งเค้กที่ร้านเหมือนเคย เขาวางกล่องลงในขณะที่พยักหน้าลง
“อยู่นี่ครับ”
กล่องเค้กใบใหญ่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้น กระดาษแผ่นยาวสองใบถูกวางข้างกันบนโต๊ะว่างเปล่า
มันเป็นเช็คบัญชีเงินฝากที่ประทับตราลอมบาร์เดียไว้บนนั้น
“ใบหนึ่งเป็นเช็คจากธนาคารลอมบาร์เดีย อีกใบเป็นเช็คปลอมครับ ลองทายดูสักครั้งมั้ยครับว่าอันไหนเป็นของปลอม”
เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว
เพราะเธอเป็นคนที่รู้วิธีแยกมันยังไงล่ะ
แต่สำหรับคนอื่นๆ มันเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย