เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 120.1
“…คะ”
เธอเพิ่งจะอายุแค่สิบสองปีเองนะ
นี่หูหนวกหรือเปล่า
เธอใช้นิ้วแคะหูหนึ่งครั้ง ในขณะที่ถามชานาเนสด้วยไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
“ข้าจะช่วยยื้อเวลาให้จนกว่าเจ้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นรีบๆ โตไวๆ แล้วขึ้นเป็นเจ้าตระกูลเสีย”
ชานาเนสพูดจากใจจริง
แค่มองนัยน์ตาคู่นั้น เธอก็รับรู้ได้ในทันที
“…ท่านป้าละก็ พูดอะไรแบบนั้น…”
เล่นพูดแทงตรงจุดขนาดนี้เลยนะคะ
เธอเอียงคอด้วยความงุนงง แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่านั่นมันหมายความว่ายังไง
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่ชาญฉลาดเสียจริง”
แต่ชานาเนสกลับไม่สนใจในความพยายามเสแสร้งของเธอ นางยังคงพูดต่อไป
“เรื่องนี้ไม่ว่าใครในตระกูลลอมบาร์เดียต่างก็ทราบกันทั้งสิ้น ท่านพ่อน่ะ หากมีโอกาสทีไรก็มักจะชมเจ้าให้พวกขุนนางคนอื่น หรือไม่ก็กระทั่งจักรพรรดิโยบาเนสฟังอยู่เรื่อย”
ไม่สิ ท่านปู่ไปทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“และเจ้าก็มีตามองคนมีความสามารถออกได้เป็นอย่างดี แค่กรณีดอกเตอร์เอสทีร่าก็รู้ได้แล้ว”
นัยน์ตาของชานาเนสที่มักจะจริงจังเข้มงวดอยู่เสมอ ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน
“อีกทั้งยังรู้จักชักชวนคนอื่นๆ ให้อยู่ฝ่ายเจ้าอีกด้วย ไม่ใช่หรือไร”
คราวนี้ทำเอาเธอถึงกับผวาเฮือกโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าเธอดึงคนมาเป็นพวกตัวเองไว้แล้วคนสองคนจริงๆ
“คนของข้า…เหรอคะ”
เห็นได้ชัดเลยว่าชานาเนสจะต้องสังเกตเห็นอะไรบ้างเป็นแน่
แต่เพราะไม่แน่ใจว่านางทราบมากแค่ไหน เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวไปก่อน
“ใช่แล้วละทั้งคิลลีวูกับเมโลน ทั้งลาลาเน่ ล่าสุดยังมีเครนีย์อีก เจ้าค่อยๆ ทำให้พวกลูกพี่ลูกน้องกลายเป็นคนของเจ้าทีละคนไม่ใช่หรือ”
“เรื่องนั้น ข้าก็แค่อยากให้ทุกคนสนิทสนมกันเท่านั้นเองค่ะ”
เธอก็พาลนึกไปว่าพูดถึงเครย์ลีบันกับเบ๊ตเสียอีก
ตกใจหมดเลย
เธอแอบลอบลูบอกด้วยความโล่งอกอยู่ในใจ ในขณะเดียวกันก็หยิบแก้วนมที่วางไว้ตรงหน้าขึ้นมาจิบ
“และคุณชายเพลเลสก็ด้วย”
“แค็ก! ”
สำลักจนนมเกือบจะถูกพ่นออกมาทางจมูกแล้ว
เธอสำลักจนไอค็อกแค็กเสียงดัง ชานาเนสยิ้มพลางช่วยลูบแผ่นหลังของเธอให้อย่างอ่อนโยน
“ดูเหมือนข้าจะคาดเดาได้ถูกสินะเนี่ย”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น… เครย์ลีบันน่ะ ไม่สิ คุณเครย์ลีบัน แบบว่า”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทั้งหมดหรอก”
รู้แค่ไหนกันแน่เนี่ย
ชานาเนสพูดราวกับตอบความสงสัยของเธอ
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเจ้าเก็บซ่อนความลับอะไรอยู่ แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นเด็กที่พิเศษมาก และข้ายังรู้ดีด้วยว่าเจ้าเป็นเด็กที่รักในลอมบาร์เดียมากเหมือนกับข้า”
ชานาเนสลูบผมเธอ ดูเหมือนว่านางจะดีใจมากจริงๆ
“ดังนั้นเทีย เจ้าขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนต่อไปเถอะ”
“…แล้วท่านป้าล่ะคะ เจ้าตระกูลคนต่อไปไม่ใช่ข้า แต่ควรจะเป็นท่านป้าชานาเนสไม่ใช่เหรอคะ”
ชานาเนสเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของเธอ ก่อนจะหัวเราะเสียงค่อย
“ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกเช่นไร ยามได้ยินเจ้าบอกให้เป็นเจ้าตระกูลเช่นนี้”
ชานาเนสเหม่อมองสองแฝดที่กำลังใช้ดาบฟันกันอย่างหยอกล้ออยู่กลางสนาม
“แต่ข้าเพียงแค่หวังว่าบุตรชายของข้าจะไม่ต้องใช้ชีวิตเช่นเดียวกันกับข้าก็เท่านั้น”
“ชีวิตแบบเดียวกับท่านป้าเหรอคะ”
“ชีวิตที่ต้องหวาดระแวงเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน เพราะความโลภอยากเป็นผู้สืบทอดยังไงล่ะ”
ใบหน้าของชานาเนสยามกล่าวเช่นนั้นแฝงไปด้วยความโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง
นัยน์ตาสั่นไหวคล้ายกับนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาหนึ่งในอดีต
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าชนะแล้ว!”
“อีกรอบ! เอาใหม่อีกรอบ!”
ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของสองแฝด
ชานาเนสจึงค่อยกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง สายตาของนางยังคงจับจ้องอยู่ที่ลานกว้าง
“ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสดใส ซื่อตรง ได้ไล่ตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนาก็พอ”
ชานาเนสกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเธอด้วยนัยน์ตาสงบเยือกเย็น
“แต่ตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย สำหรับคนที่ต้องการมัน ย่อมเป็นเป้าหมายที่ยั่วยวนใจเหนือสิ่งใด ใช่มั้ยล่ะ เทีย”
จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเธอคืออายุ
เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะยอมฝากฝังตระกูลไว้กับเด็กอายุแค่สิบสองปีอยู่แล้ว
และสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้ย่อมต้องเป็นเวลานั่นเอง
แต่ชานาเนสกลับบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดนั่นให้เธอ
ยื่นมือออกมาหาเธอ บอกว่าจะเป็นกองกำลังพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่เธอ
“ดีค่ะ”
ไม่มีทางที่เธอจะไม่ยื่นมือออกไปจับมือข้างนั้นเอาไว้อยู่แล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด ชานาเนสเป็นคนที่เชื่อถือได้
บางทีนอกจากท่านพ่อแล้ว นางอาจจะเป็นคนเพียงคนเดียวในลอมบาร์เดียแห่งนี้ ที่เธอสามารถไว้ใจได้อย่างสนิทใจก็ได้
เธอหยิบคุกกี้ขึ้นมากัดแทนนม เคี้ยวกลืนมันลงคอ แล้วพูดต่อ
“หากช่วยยื้อเวลาให้ข้า ข้าจะตอบแทนด้วยการเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ลอมบาร์เดียเลยค่ะ”
“เจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์?”
“ค่ะ ข้าจะทำให้ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่ เอาให้มากกว่าตอนนี้อีกค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ”
ตกใจหมด
จู่ๆ ชานาเนสก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
เธอเพิ่งเคยเห็นชานาเนสที่ปกติเพียงแค่ยิ้มจางเล็กน้อยอยู่ทุกวัน หัวเราะเสียงดังแบบนั้นเป็นครั้งแรก
“ดี เทีย หากเป็นเจ้าย่อมเป็นไปได้แน่ หากเป็นเจ้าแล้วละก็”
ชานาเนสลูบศีรษะเธอพลางพูดขึ้น
“ถ้างั้น ท่านป้า”
“หืม”
“ในเมื่อยอมเชื่อมั่นในตัวข้า ดังนั้นข้าก็จะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ท่านป้าก็แล้วกันค่ะ”
คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอทำเอาชานาเนสได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัย
“ลอมบาร์เดีย เขต 8 บ้านสองชั้นหลังคาสีส้ม บรีเก้น”
“เขต 8 งั้นก็… หมายถึงเขตบ้านพักของสามัญชนหรือ ชื่อบรีเก้นที่อาศัยอยู่ที่นั่น”
“ค่ะ ใช่แล้วละค่ะ ชีวิตของคนคนนั้น ข้าขอมอบเป็นของขวัญให้ท่านป้าค่ะ”
“เทีย มนุษย์ไม่อาจมอบเป็นของขวัญ…”
“คนร้ายที่ปลอมแปลงเช็คค่ะ”
ชานาเนสหยุดพูดในทันที
“ท่านป้ามีสิทธิเลือกในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลค่ะ จะจับบรีเก้นส่งตัวให้ทหาร ให้เขาถูกลงโทษในฐานะคนร้าย หรือว่า…”
“หรือว่า?”
“จะให้เขาทำงานให้กับธนาคารลอมบาร์เดีย สร้างเช็คที่ไม่มีวันปลอมแปลงได้”
“อา…”
ชานาเนสมองเธอด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย หลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชม