เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 121.1
เธอนั่งหลับตาพิงพนักเก้าอี้ตัวนุ่มนั่งสบาย
รู้สึกได้ถึงสายลมแผ่วเบาที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ สัมผัสอ่อนโยนทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าโดยธรรมชาติ
เหตุผลที่เธอชอบใจที่วันเกิดของเธออยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็เป็นเพราะพอถึงช่วงเวลาประมาณนี้ ดอกไม้มักจะบานจนได้กลิ่นหอมของมันลอยมาตามสายลมยังไงล่ะ
“งื้อ…”
ในตอนนั้นเอง เด็กน้อยที่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเธอก็เริ่มขยุกขยิกขยับกายไปมา
“เมริลลีน ตื่นแล้วหรือ”
“หาว”
เมริลลีนฟันยังไม่ขึ้น เด็กน้อยอ้าปากกว้างหาวหวอด แทนคำตอบในคำถามของเธอ
“สบายดีมั้ย เมริลลีน”
พอเธอแตะแก้มยุ้ยของเด็กน้อยเบาๆ นัยน์ตาดั่งมุกดำก็มองสบตาเธอ
“แอ๊ะ-!”
“ฝันดีเหรอเรา”
เธอประทับริมฝีปากจุมพิตลงบนหน้าผากเนียนของเด็กน้อยที่ยิ้มกว้างมองหน้าเธอ
เพราะกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเด็กทารก ทำให้เธอหลุดยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
“เมริลลีนของเราเหมือนใครถึงได้งามขนาดนี้น้า”
“แอ๊ะ อู้ๆ ! ”
เด็กน้อยยื่นมือเล็กจิ๋วมาหาเธอ
สำหรับเด็กทารกตัวน้อยที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกมาได้ไม่นาน นี่เป็นวิธีการแสดงออกที่ทุ่มเทแรงใจมากทีเดียว
“เหรอ เจ้าเองก็ชอบข้ามากเหมือนกันสินะ เมริลลีน”
เธอจับมือเล็กข้างนั้นเอาไว้ แล้วจุมพิตลงไปบนอุ้งมือนุ่มนิ่มอีกครั้ง
เด็กน้อยดิ้นเตะเท้าไปมา คงจะจั๊กจี้น่าดู
“เอาละ ระวังอย่าให้ข้าวของเสียหายนะ!”
ได้ยินเสียงคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่ด้านนอกตะโกนกันเสียงดัง แต่ภายในห้องของเธอกลับเงียบสงบ แตกต่างจากภายนอกที่โหวกเหวกเสียงดังราวกับอยู่กันคนละโลก
“เมริลลีน พวกเรามาฝึกกันอีกรอบดีมั้ย”
เมริลลีนที่กำลังเล่นกับปอยผมยาวของเธอ เงยหน้าขึ้นมองเธอเมื่อได้ยินเธอถามขึ้น
“เอาละ พูดตามข้านะ ‘แม่’ ‘แม่’ ”
เพราะมันเป็นคำที่เธอเองก็ไม่เคยได้ลองเรียกเหมือนกัน คำที่ติดอยู่บนริมฝีปากจึงให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
แต่สำหรับเมริลลีนแล้ว นางมีแม่ที่จะมอบความรักที่ยิ่งกว่าใครให้
“เห็นปากข้าขยับมั้ย เมริลลีน แบบนี้นะ แม่ แม่”
“แหม คุณหนูละก็ ข้าบอกแล้วไงคะว่านางยังเยาว์นัก กว่าจะพูดได้คงอีกนานเลยค่ะ”
ลอรีลเดินกลับเข้ามาในห้อง หลังจากเอาแจกันดอกไม้ไปเปลี่ยนน้ำ
“ไม่หรอก เมริลลีนเป็นอัจฉริยะนะ ลอรีล ถ้าพูดให้ฟังแบบนี้บ่อยๆ นางจะพูดได้เร็วกว่าคนอื่น”
“ห้ามไม่ได้เลยจริงๆ”
ถึงแม้ลอรีลจะพูดเหมือนตำหนิเธอ แต่รอยยิ้มกลับไม่จางหายไปจากใบหน้า บ่งบอกว่าอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบใจหรอกที่เธอทำตัวแบบนี้น่ะ
ยังไงก็ไม่มีมารดาคนไหนในโลกใบนี้ที่ไม่ชอบ เมื่อได้ยินคำพูดบอกว่าลูกตัวเองเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว
“หากอยากทำให้คุณหนูพอใจ เจ้าต้องรีบโตไวๆ นะ เข้าใจมั้ย เมริลลีน”
เมริลลีนเป็นบุตรคนแรกซึ่งถือกำเนิดจากลอรีลที่เพิ่งแต่งงานออกเรือนไปเมื่อสามปีก่อน
ลอรีลได้แต่งงานโดยเกิดจากความรัก อีกฝ่ายเป็นอัศวินซึ่งเป็นถึงหัวหน้าหน่วยกองกำลังอัศวินประจำลอมบาร์เดีย พรินท์ เดวอน
เขาเป็นบุตรชายคนที่สามของตระกูลเดวอน หนึ่งในตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย เช่นเดียวกันกับตระกูลของลอรีล
ตระกูลเดวอนเป็นตระกูลที่รับผิดชอบด้านการคมนาคมและกิจการขนส่งของลอมบาร์เดีย เมื่อสี่ปีก่อน เจ้าตระกูลเดวอนที่นอนป่วยมานานได้จากโลกใบนี้ไป คลังก์ผู้เป็นบุตรชายคนโตจึงขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าตระกูลแทน
พรินท์ เดวอน สามีของลอรีลคนนี้ เป็นน้องชายคนสุดท้องของคลังก์
เมริลลีนลืมตาดูแสงอาทิตย์ของโลกมาได้ห้าเดือนแล้ว นางมีเรือนผมสีข้าวโอ๊ตเหมือนลอรีล มีนัยน์ตาสีดำสนิทเหมือนพรินท์ เป็นเด็กที่น่ารักมากจริงๆ
“เมริลลีน มาหาแม่สิคะ!”
เมริลลีนที่ถูกอุ้มอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดของแม่ยิ้มกว้าง พยายามยื่นมือออกไปหาลอรีล
เธอใช้มือช้อนก้นของเมริลลีน ส่งตัวนางให้กับลอรีลพลางพูดขึ้น
“เดี๋ยวข้าจะแวะไปที่ร้านค้าสักครู่นะ เจ้าอยู่เล่นกับเมริลลีนที่นี่ไปก่อน แล้วพอถึงเวลาเลิกซ้อมของพรินท์ก็เลิกงานไปพร้อมกันเลยละ ลอรีล”
“ก็ว่าทำไมถึงได้ใส่เสื้อผ้าสำเร็จรูป จะออกไปอีกแล้วเหรอคะ งั้นข้าไปด้วยดีมั้ยคะ ฝากเมริลลีนเอาไว้สักครู่ก็ไม่น่ามีปัญหา”
“ไม่ได้ ลอรีลยังอยู่ในช่วงลาพักหลังคลอดนะ ลืมไปแล้วหรือไง”
“แต่…”
คำพูดปฏิเสธของเธอทำให้ลอรีลมีสีหน้าอยากร้องไห้ นางได้แต่ลูบกลีบดอกไม้ที่ไร้ซึ่งความผิดจนมันช้ำไปหมด
“พรุ่งนี้เป็นวันพิเศษด้วย อีกอย่างช่วงนี้แทบไม่ได้เจอหน้าคุณหนูเลยนะคะ”
“เมื่อสัปดาห์ก่อนข้าเพิ่งไปเที่ยวเล่นบ้านเจ้าเองไม่ใช่หรือไง”
“นั่นไงล่ะคะ! ไม่ได้พบหน้ากันตั้งหนึ่งสัปดาห์! ทานอาหารตรงเวลาบ้างหรือเปล่า หรือจักรพรรดินีกลั่นแกล้งอะไรคุณหนูในงานเลี้ยงไหนอีกหรือเปล่า ข้าเป็นห่วงแทบแย่เลยนะคะ! ”
“…ข้าเป็นคนที่ใครคิดจะแกล้งก็แกล้งได้หรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ว่า…”
ตั้งแต่แรกแล้ว ลอรีลคอยดูแลเธอเหมือนดูแลน้องตัวน้อยที่อายุห่างกันมากมาโดยตลอด
แต่ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่คลอดเมริลลีนกลับกลายเป็นว่าดูจะเป็นห่วงเธอหนักกว่าเก่าซะงั้น
“งั้นไว้พบกันพรุ่งนี้นะ ลอรีล!”
“ทราบแล้วค่ะ คุณหนู ข้าจะเตรียมเดรสกับเครื่องประดับสำหรับวันพรุ่งนี้เอาไว้ให้ก่อนกลับนะคะ”
“อื้อ เมริลลีนก็ด้วย ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ! ”
หลังจากโบกมือให้กับทั้งสองคน เธอก็เดินออกมาข้างนอก
ปกติคฤหาสน์ก็มีคนเข้าออกตลอดทั้งวันอยู่แล้ว แต่วันนี้ยิ่งมีมากกว่าเดิมหลายเท่า
เธอสวมเสื้อคลุมทับเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มักจะสวมเป็นประจำ ก่อนจะดึงฮู้ดขึ้นมาสวมทับศีรษะ
โล่งอกที่คนงานซึ่งมารวมตัวกันเพื่องานในวันพรุ่งนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอเดินผ่านไปข้างๆ พวกเขาในขณะที่กำลังสนทนากันอยู่
“พรุ่งนี้ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียคงจะมีงานใหญ่สินะคะเนี่ย”
“หืม? นี่เจ้าทำงานโดยไม่ได้รู้เรื่องนั้นงั้นหรือ”
“ต้องมีคนบอกสิ ถึงจะทราบได้”
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 18 ปีของคุณหนูลอมบาร์เดียน่ะ เป็นวันที่บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดียบรรลุนิติภาวะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว”
“อ๊า เพราะอย่างนั้นถึงได้จัดงานยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้…”
ใช่แล้วละ
ในที่สุดพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ วันที่เธอจะอายุครบสิบแปดปี และได้รับการยอมรับในฐานะผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวยังไงล่ะ
* * *