เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 123.2
ภายในพระราชวัง องค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางชั้นสูงกำลังเปิดการประชุมใหญ่
ระหว่างช่วงพักเบรกการประชุมที่จัดอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง
จักรพรรดิโยบาเนสกำลังนั่งอยู่ตามลำพังในห้องพักข้างห้องประชุม จมอยู่กับความเบื่อหน่าย
ไม่มีเรื่องน่าสนุกเลย
ทั้งบรรดาคนรักผู้แสนงดงาม ทั้งการล่าสัตว์ที่เคยทำให้เขาใจเต้นจนบ้าคลั่ง มันไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว
“อืมมม”
จู่ๆ จักรพรรดิก็รู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในชีวิต
ในตอนนั้นเอง ผู้ดูแลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแจ้งเขาเสียงค่อยอย่างระมัดระวัง
“ฝ่าบาท”
“อะไร”
“เจ้าชายลำดับที่สองขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าชายลำดับที่สอง?”
โยบาเนสหยัดกายลุกขึ้นในทันที
“สั่งให้เข้ามาได้”
ไม่นานหลังจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เฟเรสเดินเข้ามาด้วยชุดทั่วไปคล้ายกับเพิ่งกลับมาจากทริปท่องเที่ยว
“เหอะ”
โยบาเนสมองภาพตรงหน้า เขาได้แต่หัวเราะเย้ยหยันออกมา
เฟเรสถอดแบบภาพลักษณ์ของอดีตจักรพรรดิมาอย่างเต็มรูปแบบจริงๆ
บิดาของโยบาเนสบุคคลที่ทั้งแสนเย็นชา ทั้งยังโหดเหี้ยมได้แม้กระทั่งกับบุตรของตัวเอง
“กระหม่อมเจ้าชายลำดับที่สองเฟเรส ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เขาค้อมศีรษะด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
มุมปากข้างหนึ่งของโยบาเนสกระตุกขึ้นเฉียงเป็นรอยยิ้ม
ภาพของเจ้าชายลำดับที่สองผู้ซึ่งมีหน้าตาเหมือนบิดาที่มักจะมองเขาด้วยนัยน์ตาเย็นชาอยู่เสมอ กลับนั่งคุกเข่าถวายบังคมทำความเคารพเขาเช่นนี้ มันช่างถูกใจเขามากเสียจริง
จู่ๆ โยบาเนสก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
‘เจ้ายังห่างชั้นนักกับการขึ้นเป็นจักรพรรดิ จงรู้ไว้เสียว่าเจ้าโชคดีเพียงใดที่เกิดมาเป็นบุตรคนโต’ หากอดีตจักรพรรดิผู้เคยกล่าวเสียดสีเขาไว้เช่นนั้น ได้มาเห็นภาพของเฟเรสโอรสของเขาในตอนนี้ละก็ พระองค์จะตรัสเช่นใดกัน
ความเบื่อหน่ายที่เคยทำให้โยบาเนสเซื่องซึมจนถึงเมื่อครู่นี้ พลันจางหายไปราวกับโกหก
“ได้ยินว่าจบการศึกษาติดอันดับท็อป ทั้งทางด้านการทหารและการพลเรือนเลยสินะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แถมยังเรียนจบเร็วขึ้นหนึ่งปี ใช้เวลาเพียงแค่ห้าปีก็จบการศึกษาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แตกต่างจากอาสทาน่าที่เอาแต่ก่อเรื่องไม่หยุดโดยสิ้นเชิง
หากรู้เข้าคงได้เดือดพล่านด้วยความไม่พอใจอีกเป็นแน่
จักรพรรดิครุ่นคิดในขณะที่นึกถึงอาสทาน่า ที่คงจะยังอยู่ในห้องประชุมใหญ่ในตอนนี้
อาสทาน่าผู้ให้ความสนใจเฉพาะเรื่องผู้หญิงกับเรื่องล่าสัตว์ เมื่อไม่นานมานี้ได้เริ่มเข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำในแต่ละเดือน
นั่นเป็นผลมาจากการที่อาสทาน่าเฝ้าอ้อนวอนขอร้องเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
และโยบาเนสย่อมไม่มีทางไม่ทราบถึงแผนร้ายที่อาสทาน่าวางเอาไว้
เจ้านั่นก็แค่อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าตนเองได้นั่งอยู่ข้างองค์จักรพรรดิในการประชุมใหญ่ ซึ่งมีบุคคลสำคัญของอาณาจักรเข้าร่วมเท่านั้นเอง
และเขาก็พอจะคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่า ความคิดที่ว่านั่นย่อมต้องออกมาจากหัวสมองของจักรพรรดินีเป็นแน่
แต่ถึงอย่างนั้นโยบาเนสก็ยังยอมอนุญาต
เพราะอังเกนัสได้มอบสายแร่เอเมรัลด์ซึ่งค้นพบขึ้นมาใหม่ให้แก่กลุ่มการค้าเรดนั่นเอง
แต่อาสทาน่าก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ตลอดการประชุมก็เพียงแค่นั่งเฝ้าเก้าอี้เท่านั้น ไม่อาจแสดงความเห็นใดๆ ต่อหน้าขุนนางชั้นสูงผู้มากประสบการณ์ได้แม้แต่คำเดียว
และท่าทางของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่ทำตัวเช่นนั้น ก็มากพอแล้วที่จะปลุกความทรงจำที่ไม่น่าพอใจนักของโยบาเนสที่เคยหลับใหลอยู่ในส่วนลึกให้ตื่นขึ้นมา
เขาไม่อยากมอบสิ่งที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับพวกอังเกนัสต้องการให้แก่พวกนั้นง่ายๆ
“ลุกขึ้นแล้วตามข้ามา เฟเรส”
โยบาเนสลุกขึ้นจากที่นั่งพลางพูดขึ้น
โยบาเนสพาเฟเรสเดินตามหลังออกไปจากห้อง เขาเปิดประตูห้องประชุมใหญ่ออก
“โอ๊ะ?”
“ท่านนั้น เจ้าชายลำดับที่สองหรือ”
เหล่าขุนนางที่นั่งสนทนากันอยู่ เพียงครู่เดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเฟเรสเป็นใคร พวกเขาเงียบเสียงลงในทันที
“เจ้าชายลำดับที่สองเฟเรสจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยผลการศึกษาอันยอดเยี่ยม และได้เดินทางกลับมายังพระราชวังแล้ว”
โยบาเนสสวมหน้ากากบิดาผู้รักใคร่ในตัวบุตรชาย เขายิ้มกว้าง ประกาศแจ้งให้ทุกคนได้ทราบกันถ้วนหน้า
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
“ลำบากมากแล้วพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง! ”
เหล่าขุนนางต่างแย่งกันพูดสรรเสริญแสดงความยินดี
เฟเรสยืนเอามือไขว้หลัง เขาเพียงแค่พยักหน้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เท่านั้น แต่โยบาเนสกลับยิ่งรู้สึกถูกใจในความเย่อหยิ่งของเฟเรส
“เพียงแค่ไม่กี่ปี เติบโตมากขึ้นเยอะเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อีกไม่นานแวดวงสังคมคงได้เกิดเรื่องคึกคักเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ ฮ่าฮ่า! ”
มีคนไม่น้อยเลยที่ถึงกับหยอกล้อเฟเรสด้วย
แต่ก็เป็นอย่างที่คนพวกนั้นพูดจริงๆ เฟเรสดูดีมาก ถึงแม้จะยังอยู่ในชุดง่ายๆ สบายๆ เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากทริปท่องเที่ยวก็ตาม
ดูสง่างามสมกับเป็นเจ้าชาย
มันทำให้พวกขุนนางรู้สึกพึงพอใจในตัวเขาโดยอัตโนมัติ
เฟเรสตอบรับสายตามากมายที่มองมาที่เขาอย่างเป็นมิตร ในขณะเดียวกันก็มองหารูลลัก ลอมบาร์เดียท่ามกลางกลุ่มขุนนางมากมาย
ชั่วขณะ นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสพลันส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เฟเรสผู้รักษาท่าทางเย่อหยิ่งมาโดยตลอด กลับค้อมศีรษะคำนับไปทางรูลลัก
มันเป็นการทักทายที่ต่างจากการผงกศีรษะให้แก่ขุนนางท่านอื่นๆ อย่างแน่นอน
สำหรับคนอื่นๆ แล้ว การแสดงออกเช่นนั้นของเฟเรส พวกเขาย่อมมองมันเป็นเพียงแค่การทักทายด้วยความเคารพต่อผู้ที่เป็นเสมือนกับผู้ปกครองของเขา ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อเฟเรสเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
โยบาเนสเหลือบมองอาสทาน่า
นั่นไงล่ะ
ถึงแม้จะพยายามแสร้งทำเป็นสงบนิ่งอย่างสุดความสามารถ แต่ใบหน้าของอาสทาน่ากลับขึ้นสีแดงก่ำเสียแล้ว
ทั้งๆ ที่อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเก็บสีหน้าของตัวเองได้อยู่ดีเนี่ยนะ
โยบาเนสเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความรู้สึกไม่พอใจนัก
และพูดกับเฟเรสเสียงดัง จงใจให้ทุกคนในห้องประชุมได้ยินกันอย่างชัดถ้วน
“วันนี้เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว กลับไปพักที่วังโฟอิรัคก่อนเถอะ ตั้งแต่เดือนหน้า เจ้าชายลำดับที่สองเองก็จะเข้าร่วมการประชุมด้วยละ”
ตึง
ราวกับมีก้อนหินก้อนยักษ์หล่นลงมากลางห้องประชุมใหญ่
ทุกคนต่างเหลือบมองไปทางอาสทาน่าด้วยนัยน์ตาตกใจโดยไม่รู้ตัว
เพราะเรื่องที่อาสทาน่าได้สิทธิเข้าร่วมการประชุมสภาขุนนางใหญ่จากจักรพรรดิโยบาเนสมาอย่างยากลำบาก เป็นเรื่องดังที่ใครๆ ก็ทราบกันทั้งนั้น
ท่ามกลางความเงียบและความอลหม่านที่เกิดขึ้นในจิตใจของทุกคน โยบาเนสพูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
“ไว้จัดที่ให้เจ้านั่งข้างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งก็แล้วกัน”
เฟเรสเหลือบมองใบหน้าของอาสทาน่าที่ขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง แต่ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ พูดอะไรไม่ออกสักคำ ก่อนจะหันไปหาองค์จักรพรรดิ
เฟเรสคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วโค้งศีรษะลง
ผ้าคลุมสีดำสะบัดพลิ้ว
และพูดด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพ
“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
สิทธิเข้าร่วมที่อาสทาน่ากับอังเกนัสกระเสือกกระสนจนคว้ามาได้อย่างยากลำบาก เฟเรสกลับได้รับมันมาอย่างง่ายดายเพียงแค่หายใจเท่านั้น