เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 124.1
งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีมานี้ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียอย่างอลังการ
วันนี้เป็นงานปาร์ตี้วันเกิดอายุครบสิบแปดปี วันที่ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย บรรลุนิติภาวะและกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว
เดิมทีทุกครั้งที่ถึงงานวันเกิดของบุตรหลานสายตรงในตระกูลลอมบาร์เดีย ก็มักจะจัดงานเลี้ยงอันแสนยิ่งใหญ่กันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ถือเป็นระดับที่แตกต่างกันมากทีเดียว
ข่าวลือกระจายไปทั่วนับตั้งแต่ครึ่งปีก่อนถึงวันเกิด
ข่าวลือที่ว่า แคลอฮัน ลอมบาร์เดีย กำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่อลังการ เพื่องานวันเกิดบรรลุนิติภาวะของบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา
ทั้งยังมีข่าวลืออีกด้วยว่า ชานาเนส ลอมบาร์เดีย ผู้เคยเป็นตำนานในแวดวงชั้นสูง ผู้ได้รับสิทธิเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนถัดไปทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงคนนั้น ก็ให้ความร่วมมือช่วยเหลือแคลอฮันเป็นอย่างดีเช่นกัน
และทันทีที่บัตรเชิญร่วมงานเลี้ยงมาถึง เหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็ได้แต่ตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลกันอีกครั้ง
เพราะกระดาษหนึ่งใบที่แนบมาพร้อมกับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงแผ่นนั้น
กระดาษใบนั้นคือ ‘บัตรแลกเดรสพรีเมียมของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน’
ไม่เกี่ยวกับว่าจะตอบรับเข้าร่วมงานเลี้ยงหรือไม่ แต่ทุกคนที่ได้รับบัตรกำนัลใบนี้สามารถนำไปยังร้านขายเสื้อผ้า แล้วแลกมันเป็นเดรสราคาแพงได้หนึ่งตัวเชียวนะ!
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงความรักอันแสนยิ่งใหญ่ที่มีต่อบุตรสาวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย รวมถึงความจริงที่ว่าทรัพย์สินของแคลอฮันมีมากมหาศาลแค่ไหน
และนี่คือข้อความที่เขียนไว้ท้ายบัตรเชิญ
[สำหรับผู้ที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ทางเราขอมอบบัตรกำนัลจำนวน 10 เหรียญทอง เพื่อนำไปใช้ที่ ‘เพลเลส โฮม &อินทีเรียร์’ เป็นของชำร่วยครับ]
‘เพลเลส โฮม & อินทีเรียร์’ เป็นร้านขายของตกแต่งบ้านชั้นสูงขนาดยักษ์ใหญ่ของร้านค้าเพลเลสที่เพิ่งเปิดตัวในภาคกลางของอาณาจักร
หากเป็นบัตรกำนัลจำนวน 10 เหรียญทองแล้วละก็ มันเป็นยอดเงินที่สามารถนำไปซื้อแจกันหรือกาน้ำชาคุณภาพดีจากร้านค้าแห่งนั้นได้เชียวละ
แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางทราบได้เลยว่า นี่เป็นกลยุทธ์ผลักดันการขายของเทีย โดยการทำให้พวกเขาต้องนำเงินไปใช้จ่ายที่ร้าน มากกว่าจะไปเที่ยวชมร้านเพียงเพื่อใช้บัตรกำนัลจำนวนแค่ 10 เหรียญทองนั่น
พวกเขาก็แค่คิดว่า ‘เห็นว่าเป็นลูกศิษย์ที่เครย์ลีบัน เพลเลส ให้การอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเด็กมาก ที่แท้พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก จนถึงกับทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อวันเกิดของนางเช่นนี้นี่เอง!’ เท่านั้น
และในที่สุดงานวันเกิดก็มาถึงจำนวนของผู้คนที่มาร่วมงานนั้นสูงเป็นอย่างยิ่งถึงขนาดที่ทำให้ต้องรอกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงจะได้เข้าไปในงานเลี้ยง เพราะรถม้าที่จอดรอต่อแถวยาวเป็นหางว่าว
“โถงจัดงานเลี้ยงงดงามและยิ่งใหญ่ตระการตามากเลยนะคะเนี่ย!”
“ไม่รู้ว่าทุ่มเงินไปเท่าไหร่กันแน่นะคะ! ”
“หลานสาวที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียรักมากที่สุดเชียวนะ ตายจริง…”
ผู้คนที่เดินเข้ามาในงานต่างได้แต่อ้าปากค้างหุบไม่ลงไปพักใหญ่
มีคำพูดชื่นชมคำหนึ่งที่พวกเขาต่างพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“สมกับเป็นลอมบาร์เดียจริงๆ !”
โถงจัดงานเลี้ยงประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยทองคำ
โคมไฟระย้าทำจากเพชรขนาดใหญ่ห้อยอยู่ตรงกลางโถงจัดงาน ยามต้องแสงส่องประกายแวววาวเสียจนทำให้นัยน์ตาพร่าเจิดจรัสยิ่งกว่าโต๊ะและผ้าม่านที่ทอจากทองคำที่ว่าหรูแล้วเสียอีก
กระทั่งขอบหน้าต่างเองก็เช่นกันพวกเขาเคลือบมันด้วยทองคำเพื่อวันนี้เป็นพิเศษ ช่วยเสริมความหรูหราให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น
ในแก้วแชมเปญที่เหล่าผู้ดูแลประจำคฤหาสน์ถือเดินไปมาเพื่อเสิร์ฟให้แขกเหรื่อ ยังมีฟองสีทองอร่ามลอยผุดขึ้นมาอีกด้วย
มันเป็นความเวอร์วังอลังการที่เหนือชั้นยิ่ง ทุกอย่างนี่หากไม่ใช่ลอมบาร์เดียแล้วละก็ ย่อมไม่มีใครสามารถเลียนแบบจัดงานเช่นนี้ขึ้นมาได้อีก
“วันนี้คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย จะสวมใส่ชุดใดกันนะคะ”
“ต้องจดจำชุดที่คุณหนูลอมบาร์เดียใส่ให้ดี จะได้นำไปให้ดีไซเนอร์และช่างตัดเย็บเดรสของข้าสร้างออกมาให้บ้าง”
เหล่าเลดี้ทั้งหลายที่กำลังยุ่งอยู่กับการชื่นชมงานเลี้ยง ต่างคอยื่นคอยาวพยายามมองหาฟีเรนเทียกันใหญ่
“อ๊ะ อยู่ตรงนั้นค่ะ!”
หญิงนางหนึ่งพบว่าฟีเรนเทียยืนอยู่บริเวณโต๊ะอาหาร นางชี้นิ้วไปทางด้านนั้นทันที
และความเงียบก็พลันกลืนกินกลุ่มของพวกนางไปครู่หนึ่ง
“…ทำไมทั้งๆ ที่มันดูคลาสสิก แต่กลับดูแปลกใหม่ได้ล่ะคะเนี่ย”
“ไม่ว่าจะเป็นลวดลายตรงแขนเสื้อหรือบริเวณหน้าอกที่ถูกเปิดกว้าง กลับยิ่งทำให้ดูงดงามและมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจมากเลยค่ะ!”
มันแตกต่างจากสไตล์นิยมอย่างสิ้นเชิง แต่แปลกที่พวกนางกลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับสไตล์ที่ได้เห็น
นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่สังคมชั้นสูงให้ความสนใจในตัวฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย
“เรื่องเดรสก็เรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ดูเหมือนคุณหนูลอมบาร์เดียจะงดงามมากเป็นพิเศษเลยนะคะ”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดที่ใครบางคนพูดขึ้น
“เมื่อครู่นี้ข้าเองก็คิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน…เดิมทีก็เป็นคนงดงามอยู่แล้ว แต่วันนี้งามมากจริงๆ ค่ะ”
“โดยเฉพาะนัยน์ตากลมโตกระจ่างใสคู่นั้น ผิวขาวเนียนนั่นอีก ขนาดข้าที่เป็นผู้หญิงยังได้แต่มองตาค้างเลยนะคะ”
“แล้วก็ยังมีบรรยากาศอะไรบางอย่างที่ดูพิเศษด้วยค่ะ ถึงแม้จะเป็นแค่คุณหนูตัวน้อย แต่กลับไม่อาจเข้าใกล้ได้ง่ายๆ …”
ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดนั่น
“ดูจากที่บรรดาลูกพี่ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างกายต่างก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันหมด มันคงจะเป็นเอกลักษณ์พิเศษของลอมบาร์เดียกระมังคะ”
ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง
เหล่าเลดี้ที่รวมตัวกันอยู่มุมหนึ่ง ทุกคนได้แต่เหม่อมองฟีเรนเทียตาไม่กะพริบ
ในตอนนั้นเอง สงสัยว่าคงจะรู้สึกได้ถึงสายตาของพวกนางที่มองจากไกลๆ
ฟีเรนเทียจึงหันมามองพวกนาง ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย
“อา…”
รอยยิ้มนั่นช่างแสนงดงาม จนทำให้พวกนางลืมไปเสียสนิทเลยว่าถูกจับได้ที่แอบมองเสียแล้ว
เมื่อฟีเรนเทียที่หันมายิ้มให้หันหน้ากลับไปสนทนากับลูกพี่ลูกน้องทั้งหลาย เลดี้ที่อายุค่อนข้างน้อยคนหนึ่งที่มองฟีเรนเทียจนตาค้าง ก็รีบยกชายชุดเดรสหนักๆ ขึ้น พลางพูดว่า
“ไม่ได้การแล้วค่ะ ต้องเข้าไปดูเดรสชุดนั้นใกล้ๆ หน่อยแล้ว”
หลังจากนั้นสาวๆ ที่ช้ากว่านางไปก้าวหนึ่ง ก็รีบร้อนวิ่งตามหลังหญิงสาวนางนั้นไป ขณะเดียวกันก็พร่ำพูดไปด้วยว่า
“ข้าไปด้วยค่ะ!”
* * *