เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 125.1
“ไม่ใช่วันเกิดของใครที่ไหน แต่เป็นวันเกิดของฟีเรนเทีย บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย แล้วข้าจะพลาดวันพิเศษเช่นนี้ได้ยังไงล่ะคะ”
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จักรพรรดินีงานยุ่งมาก
นางฉวยโอกาสที่เฟเรสเดินทางไปยังอะคาเดมีรีบชักชวนขุนนางท่านอื่นๆ ให้มาเป็นพวกของนาง
โดยการใช้กลุ่มการค้าดิวรักของตระกูลอังเกนัส และอำนาจของนางที่มีอยู่แล้วในสังคมชั้นสูง ทำให้เหล่าขุนนางทั้งหลายยอมให้การสนับสนุนอาสทาน่าอย่างเต็มรูปแบบ
หลายตระกูลที่ได้รับความเมตตาและเป็นหนี้บุญคุณตระกูลอังเกนัสกับจักรพรรดินีในหลายๆ ด้าน ต่างได้แต่เกรงใจจนต้องเลือกยืนอยู่ฝ่ายนั้นอย่างช่วยไม่ได้
อีกอย่างท่านพ่อเองก็สนใจแต่เรื่องเขตแดนเชซายู นางคงคิดว่าท่านพ่อย่อมห่างไกลกับการลงสมัครแย่งชิงตำแหน่งเจ้าตระกูลเป็นแน่
นางถึงได้พยายามอยากจะสานสัมพันธ์ผูกมิตรกับเธอให้ได้ขนาดนี้
“แถมยังเป็นหลานสาวของเซรัล ลูกพี่ลูกน้องที่ข้าสนิทสนมรักใคร่ด้วยนี่คะ”
จักรพรรดินีราวีนี่กล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ชี้ไปยังเซรัลที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือ
เธอมองเห็นลาลาเน่ยื่นศีรษะออกมาจากด้านหลัง
ในเมื่อส่งเสียงพูดคุยกันไม่ได้ เธอเลยส่งสายตาให้ลาลาเน่เป็นการทักทายแทน ลาลาเน่เองก็ส่งสายตาทักทายกลับมาเงียบๆ อยู่ด้านหลังเซรัลเช่นเดียวกัน
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ ฟีเรนเทีย”
คงกลัวคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกอังเกนัสละมั้ง
ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มอยู่ แต่นัยน์ตากลับไม่ได้สื่อเช่นนั้น ช่างเหมือนกับจักรพรรดินีไม่มีผิดเพี้ยน
เซรัลไม่ได้คล้ายกับจักรพรรดินีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก
หลังจากขึ้นเป็นจักรพรรดินีของอาณาจักร ราวีนี่ อังเกนัสก็ยังคงทะเยอทะยาน คอยผลักดันตระกูลของตัวเอง
และไม่คิดเก็บซ่อนมันเลยแม้แต่น้อย
เซรัลเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
“เบเจอร์งานยุ่งเลยมาไม่ได้ แต่ก็ย้ำข้าเสียตั้งหลายรอบ ให้มาบอกสุขสันต์วันเกิดฟีเรนเทียแทนเขาน่ะค่ะ”
หลังจากชานาเนสขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล เบเจอร์ก็เดินทางไปพักร้อนที่เขตแดนอังเกนัส
และกระทั่งผ่านไปหนึ่งปีถึงได้เดินทางกลับมา แต่เบเจอร์กลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไม่สิ ทั้งเซรัล ทั้งเบเจอร์ ต่างก็เปลี่ยนไปกันหมด
คล้ายกับโครงสร้างอำนาจระหว่างคู่สามีภริยาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป เบเจอร์เริ่มเชื่อฟังคำพูดของเซรัลในทุกๆ เรื่อง
ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างไม่เที่ยวไปก่อเรื่องที่ไหนอีก หรือกระทั่งเรื่องใหญ่ๆ อย่างคำแนะนำทางธุรกิจ เขาก็ได้รับมันมาจากเซรัลทั้งสิ้น
เพราะอย่างนั้นกิจการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของลอมบาร์เดียที่เบเจอร์เป็นผู้รับผิดชอบ จึงได้เข้าไปพัวพันข้องเกี่ยวกับอังเกนัสในหลายๆ ด้าน
แต่เพราะเมื่อรวมอำนาจของสองตระกูลเข้าด้วยกัน มันก่อให้เกิดการเกื้อกูลเป็นอย่างมาก ทำให้ภายในลอมบาร์เดียเองก็ไม่ได้มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด
“ข้านำของขวัญไปไว้ที่ห้องให้แล้ว เอาไว้ไปลองเปิดดูนะมันเป็นเซตเครื่องประดับมุกชั้นยอดที่ข้าตั้งใจหามา หวังว่าฟีเรนเทียจะชอบนะคะ”
เซรัลจงใจพูดเสียงดังให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ได้ยิน
และจักรพรรดินีก็เอ่ยเสริมต่อ
“ส่วนของขวัญของข้า ข้าตั้งใจว่าจะให้ยืมบ้านพักตากอากาศของอังเกนัสสักเดือนหนึ่งน่ะค่ะ คิดว่ายังไงบ้างคะ ฟีเรนเทีย”
“บ้านพักตากอากาศที่ว่า…”
“เกาะพีพอร์ทที่มีน้ำพุร้อนยังไงล่ะคะ”
สิ่งที่ทางเขตแดนอังเกนัสซึ่งไม่อาจเพาะปลูกได้ดี ทั้งยังไม่มีแร่ธาตุใดๆ ให้ขุดเจาะกำลังพยายามผลักดันอยู่ในช่วงนี้ ก็คือกิจการน้ำพุร้อนนั่นเอง
ถึงแม้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มีเพียงแค่ข่าวลือเล่ากันไปปากต่อปากเท่านั้น แต่หากผ่านไปไม่กี่ปี มันคงได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนของพวกชนชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
หากอังเกนัสเริ่มต้นธุรกิจการท่องเที่ยวโดยการใช้รถม้าชั้นสูงของตระกูล พาเหล่าชนชั้นสูงเดินทางมายังเขตตะวันตกเพื่อเที่ยวชมน้ำพุร้อนได้สำเร็จ คาดว่าพวกเขาจะต้องกอบโกยเงินทองได้มากมายมหาศาลเป็นแน่
แต่มันก็เป็นเรื่องในอีกหลายปีให้หลังอยู่ดี
“อยากลองไปมากเลยเพคะ! ขอบพระทัยเพคะ องค์จักรพรรดินี”
ให้ตายเธอก็ไม่มีวันไปหรอก แต่ในเมื่อมีคนมองอยู่เยอะ คงต้องยอมรับมันเอาไว้ก่อน
พอเธอจับชายกระโปรงกล่าวขอบพระทัย นัยน์ตาสีฟ้าของจักรพรรดินีก็รีบกวาดสายตามองรอบด้านอย่างรวดเร็ว
คงคิดที่จะตรวจเช็กดูว่ามีคนมากมายกำลังฟังบทสนทนาของพวกเราอยู่หรือเปล่า
แน่นอนว่าในเมื่อนี่เป็นงานวันเกิดของเธอ แถมจักรพรรดินียังพาสหายสนิทล้อมรอบซ้ายขวาเดินมาแบบนี้ ความสนใจของทุกคนที่นี่ก็ย่อมพุ่งมาตรงด้านนี้อยู่แล้ว
อา โชคร้ายชะมัด
รู้สึกสังหรณ์ร้ายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
สายตาของคนจำนวนมากเกินไปมารวมกันที่ตรงจุดนี้
และราวีนี่ย่อมไม่มีทางยอมพลาดโอกาสนี้แน่
เธอพูดเพื่อปลีกตัวหลบออกไปจากที่นี่
“ขอให้วันนี้สนุกกับงานเลี้ยงนะเพคะ หม่อมฉันขอตัว…”
“ในเมื่อตอนนี้ฟีเรนเทียเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว คงได้เวลาหาคู่ครองที่เหมาะสมแล้วสินะคะ”
พูดพล่ามเรื่องอะไรอีกเนี่ย
เธอเงยหน้าจ้องจักรพรรดินีราวีนี่ที่กำลังพูดเรื่องไร้สาระด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
มันห่วยแตกมากเสียจนเธอเกือบลืมเก็บสีหน้าของตัวเอง
“หม่อมฉันยังไม่คิดเรื่องแบบนั้น…”
“ในเมื่อท่านแคลอฮันไม่ค่อยมีความสนใจด้านนั้นเสียเท่าไหร่ หากองค์จักรพรรดินีช่วยออกหน้าให้ คงเป็นเรื่องที่ดีต่อฟีเรนเทียมากทีเดียวนะคะ”
เฮ้ย
ราวกับตกลงกันไว้อยู่ก่อนแล้ว เซรัลรีบพูดเสริมขึ้นทันที
“อย่างนั้นเหรอคะฟีเรนเทียคิดยังไงบ้างล่ะคะ”
จักรพรรดินีราวีนี่ถามในขณะที่มองหน้าเธอ
นางไม่ได้คิดถามความเห็นของเธอจริงๆ หรอก
ท่านพ่อที่เป็นผู้ปกครองของเธอก็ไม่อยู่ตรงนี้ในตอนนี้ ต่อให้เธอบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะพ้นช่วงวัยแต่งงานไป
ขนาดลาลาเน่ที่อายุมากกว่าเธอสี่ปี ยังไม่ได้ถูกกำหนดคู่ครองเลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้นจักรพรรดินีราวีนี่ก็จงใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าผู้คนมากมาย
เพื่อให้เธอไม่อาจพูดปฏิเสธออกไปได้
แถมอีกฝ่ายเป็นถึงจักรพรรดินี ต่อให้ภายหลังท่านพ่อกับท่านปู่ทราบเรื่องนี้เข้า ก็ยังหาหนทางแก้ไขยากอยู่ดี
นัยน์ตาของจักรพรรดินีส่องประกายระยิบระยับยามแย้มรอยยิ้มมองหน้าเธอ
ในเมื่อท่านปู่ที่พอจะต่อกรกับจักรพรรดินีได้ก็ไม่อยู่แถวนี้เสียด้วย นางคงคิดว่าเธอจะยอมพยักหน้าตกลงเพราะบรรยากาศรอบตัวกดดันสินะ
“เรื่องหาคู่ครองให้ฟีเรนเทีย มอบให้เป็นหน้าที่ข้าดีมั้ยคะ”
แต่นางยุ่งผิดคนแล้ว