เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 126.2
แปลกชะมัด
สำหรับท่านปู่แล้ว ปกติท่านเป็นคนไม่ถูกใจใครง่ายๆ ก็จริง แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมจะต้องตั้งแง่จะแทงมีดใส่เฟเรสแบบนั้นด้วย
หรือว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้
จะปล่อยให้เฟเรสมีอคติเกี่ยวกับลอมบาร์เดียไม่ได้นะ
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ด้วยสายตาที่ถึงแม้จะเพียงแค่ครู่เดียว แต่ก็แสนจะดุเดือดนั่น ท่านปู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย
“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหลานสาวของข้า เจ้าชายกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเถอะ”
เป็นการไล่แขกอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าที่นี่คือคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย ดังนั้นเฟเรสก็เป็นเพียงแค่แขกจริงๆ
แต่คนที่สามารถกล่าวเช่นนั้นต่อเจ้าชายของอาณาจักรได้ นอกจากท่านปู่ก็คงไม่มีใครกล้าอีกแล้ว
เธอชี้ไปยังมุมที่สองแฝดกับเครนีย์เดินหายไปเมื่อครู่พลางพูดกับเฟเรส
“สองแฝดกับเครนีย์อยู่ทางด้านโน้นแน่ะ เจ้าไปอยู่คุยกับพวกนั้นก่อนก็แล้วกัน”
“…เข้าใจแล้ว”
เฟเรสค้อมศีรษะให้ท่านปู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศที่เธอบอก
“อะแฮ่ม”
ท่านปู่มองตามหลังเฟเรสไปจนสุดทางด้วยความไม่พอใจนัก แล้วจึงค่อยพาเธอเดินออกมายังระเบียงเงียบสงบไร้ผู้คนแถวนั้น
มันถูกกางคลุมไว้ด้วยผ้าใบผืนหนา มุมนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่พวกเราสามารถสนทนากันได้อย่างสบายใจ
ไม่นานหลังจากนั้น ข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์ก็เดินถือถาดใส่แก้วสองใบกับขวดไวน์เดินเข้ามา
ท่านปู่รับแก้วมาถือไว้ ส่งใบหนึ่งให้เธอ
“เทีย ตอนนี้เจ้าเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ดื่มกับปู่คนนี้สักแก้วได้หรือไม่”
ท่านปู่เผยรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ชอบกล
เธอขอบคุณก่อนจะรับแก้วไวน์มาถือไว้ แล้วจึงค่อยสูดกลิ่นไวน์เข้าจมูก
แต่กลิ่นหอมลึกล้ำนุ่มละมุนนี่มันไม่ธรรมดาเลย เธอจึงหันไปตรวจเช็กขวดไวน์โดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“ว้าว วินเทจ มาร์สหรือคะเนี่ย กลิ่นหอมล้ำลึกที่เหลือค้างอยู่นี่ เป็นไวน์ที่หมักได้ดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ”
ราคาของมันเท่าไหร่กันนะ
“เปิดไวน์ดีๆ แบบนี้ในวันเกิดของข้า ขอบคุณค่ะ…”
สายตาในการมองไวน์พวกนี้ มันเป็นนิสัยที่ติดมาจากชีวิตก่อนของเธอที่มักจะชอบดื่มไวน์เป็นประจำ
ท่านปู่ที่กำลังเฝ้ามองเธออยู่ถามขึ้นในทันที
“…ดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับเหล้าดีทีเดียวนะ เทียของปู่”
“…”
อา ให้ตายเถอะ
ตอนนี้เธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะนะ
“…เคยเห็นในหนังสือน่ะค่ะ ท่านปู่”
ท่านปู่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองเธอด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ
“อืม ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ก็คงเป็นแบบนั้นนั่นแหละ”
“ฮ่าฮ่า…”
ท่านปู่กล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ชนแก้วของท่านเข้ากับแก้วของเธอเบาๆ
เสียงเคร้งกังวานดังก้องไปทั่วบรรยากาศอันเงียบสงบยามค่ำคืนของระเบียงกว้าง
เธอเหลือบมองสายตาของท่านปู่เล็กน้อยในขณะที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ
ว่าแล้วเชียว นี่แหละไวน์ของแพงละ
ถึงแม้จะเป็นแอลกอฮอล์ที่แฝงไปด้วยฤทธิ์ร้อนแรง แต่รสชาติของมันดีมากเสียจนทำให้อยากจะดื่มลงไปเรื่อยๆ ไม่หยุด
แลบลิ้นเลียริมฝีปากลิ้มรสชาติของไวน์ที่ยังคงเหลือค้างอยู่บนนั้น แต่แล้วท่านปู่ก็พูดกับเธอ
“ยังไม่ได้มอบของขวัญวันเกิดให้เจ้าเลย มีอะไรที่อยากได้บ้างหรือเปล่า”
แสงไฟส่องสว่างออกมาจากข้างในงานเลี้ยงก่อให้เกิดแสงและเฉดเงาพาดผ่านลงบนใบหน้าของท่านปู่
“หากมีสิ่งใดที่อยากได้ ก็บอกปู่ได้ทุกเรื่อง”
ไม่ได้แค่พูดออกมาเฉยๆ
ท่านปู่คือเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย
หากเป็นสิ่งที่เธอต้องการแล้วละก็ ท่านมีความสามารถมากพอที่จะหาให้เธอได้ทุกอย่างจริงๆ
เพราะอย่างนั้นบนใบหน้าของท่านปู่จึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง แม้แต่เงาบนใบหน้าก็ไม่อาจเก็บซ่อนมันไว้ได้
จะขออะไรดีล่ะ
ชั่วขณะเธอถึงกับเผลอไผลคิดขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์
ขอทองแท่งสักหีบดีมั้ย
หรือจะขอที่ดินเล็กๆ ในเขตแดนลอมบาร์เดียสักผืน ที่พอจะใช้กินอยู่ได้สบายดีล่ะ
บางทีไม่ว่าเธอจะขออะไร ท่านปู่ก็คงจะยอมให้เธอได้ทุกอย่างเป็นแน่
แต่สิ่งที่เธอต้องการมันไม่ใช่ของเล็กๆ พวกนั้นหรอก
เงินน่ะ เธอมีมากพอแล้ว ผืนดินที่จะเอาไว้ใช้ตั้งตัวปักหลักปักฐาน ก็มีเขตแดนเชซายูของท่านพ่ออยู่แล้วเหมือนกัน
สิ่งที่เธอต้องการ มีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น
แค่ลอมบาร์เดีย
อีกอย่างท่านปู่น่ะ ถ้าหากเธอขอของทั่วไปเรียบง่ายเป็นของขวัญวันเกิดแล้วละก็ ท่านคงได้รู้สึกผิดหวังแหง
แววตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความสนอกสนใจของท่านปู่ที่กำลังมองเธออยู่ในยามนี้ มันกำลังบอกเช่นนั้น
ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องตอบรับความคาดหวังนั่นเสียหน่อย
เพราะเธอเป็นหลานสาวผู้แสนดียังไงล่ะ
เธอยกไวน์ขึ้นดื่มอีกหนึ่งจิบ ก่อนจะถามท่านปู่
“ตั้งแต่วันนี้ข้าก็ถือเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะคะ ท่านปู่”
“ใช่แล้วละ เจ้าอายุสิบแปดแล้ว”
ใบหน้าของท่านปู่ที่พยักหน้าตอบรับดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งเธอพูดประโยคถัดไป
“ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็มีสิทธิเต็มตัวแล้วสินะคะเนี่ย”
“…สิทธิ?”
“ค่ะ สิทธิที่จะมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะทายาทของเจ้าตระกูล สิทธิในการบริหารจัดการกิจการของลอมบาร์เดียค่ะ”
จุดเริ่มต้นของทั้งชานาเนส ทั้งเบเจอร์ในวัยเยาว์ต่างก็เริ่มต้นเหมือนกันหมด
ใช้สิทธิในฐานะทายาท เริ่มก้าวเท้าเข้าสู่สายงานที่ตัวเองมีความสามารถและให้ความสนใจ
ดังนั้นหากผลลัพธ์ออกมาดี ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตัวเองรูปแบบหนึ่ง
นั่นคือวิธีการที่ลอมบาร์เดียจะก้าวเท้าเปิดเผยตัวเองสู่โลกภายนอก
“…”
นัยน์ตาของท่านปู่ที่มองใบหน้าของเธอสั่นไหวไปครู่หนึ่ง
“ข้าไม่อยากได้สิ่งอื่นอีกแล้วค่ะ”
ข้าต้องการลอมบาร์เดียค่ะ
ตระกูลที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เพราะฉะนั้น
เธอฉีกยิ้มสงบนิ่งไปทางท่านปู่พลางพูดขึ้น
“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ได้โปรดอนุญาตให้ข้าได้ใช้สิทธิของตัวเองด้วยเถอะนะคะ ท่านปู่”