เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 128.1
บทที่ 128
ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ
ภายในหัวสมองของเครย์ลีบันพลันเกิดคำถามเด้งขึ้นมาทันที
เขากับเจ้าชายลำดับที่สองเองก็ไม่เคยได้พบหน้าทักทายกันอย่างเป็นทางการเสียหน่อย
ก็แค่เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้างตอนสมัยยังอยู่ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย หรือเวลาไปตามงานเลี้ยงเท่านั้นเอง
แล้วทำไมพระองค์ถึงได้ระแวงเขาถึงขนาดนั้นกัน
เครย์ลีบันเก็บซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจ ขณะที่กล่าวทักทายเฟเรสอย่างสุภาพอ่อนน้อม
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง กระหม่อมเครย์ลีบัน เพลเลสพ่ะย่ะค่ะ”
แต่เฟเรสกลับไม่ตอบอะไรเลยสักคำ
พระองค์เพียงแค่มองหน้าเครย์ลีบันนิ่งๆ เท่านั้น
ไม่ได้มีสีหน้าบึ้งตึงหรือขมวดคิ้วแน่นอะไรหรอก มันเป็นเพียงแค่ใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนอย่างที่เคยชินจนติดเป็นนิสัย
แต่แรงกดดันที่กดข่มลงมานั้นกลับสร้างความปั่นป่วนก่อกวนเครย์ลีบันไม่หยุด
ราวกับกำลังสั่งเขาว่า ‘จงยอมนอบน้อมต่อข้าเสีย’ อย่างไรอย่างนั้น
มันทำให้เครย์ลีบันนึกไปถึงวันที่เขายืนอยู่ตรงหน้ารูลลักเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันเขาก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกไป ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
เจ้าชายลำดับที่สองอาจจะน่าทึ่งมากก็จริง แต่ก็ยังเทียบกับรูลลักไม่ได้อยู่ดี
เขารู้ความจริงเรื่องนั้นดี ถึงได้พยายามไม่แสดงท่าทางสั่นไหวอะไรออกไป
และในจังหวะนั้นเอง
จู่ๆ แรงกดดันที่มีต่อเครย์ลีบันก็พลันจางหายไปในพริบตาราวกับเป็นแค่เรื่องโกหก
ที่แท้ก็แค่ตั้งใจจะทดสอบเขาสินะ
เครย์ลีบันตระหนักได้ในที่สุด
“ได้พบบุคคลที่นำพาร้านค้าเพลเลสไปสู่ความสำเร็จได้เช่นนี้ ข้าต่างหากล่ะที่รู้สึกยินดียิ่ง”
“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ถึงจะเก็บพลังที่ใช้กดข่มเครย์ลีบันกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเฟเรสจะยอมโอนอ่อนให้แต่อย่างใด
เครย์ลีบันยังคงรู้สึกได้ถึงความระแวดระวังที่ยังคงเหลือค้างอยู่เหมือนเดิม
และสิ่งนั้นก็ทำให้เกิดเสียงเตือนดังขึ้นในหัวสมองของเครย์ลีบัน
‘คงต้องขอให้คุณเบ๊ตช่วยหาข้อมูลให้แล้วละ’
เครย์ลีบันตั้งใจว่า ทันทีที่งานเลี้ยงจบลง เขาจะส่งสารไปหาเบ๊ตให้ช่วยเหลือเรื่องนี้ในทันที
“ขอร่วมโต๊ะด้วยได้มั้ยครับ”
เฟเรสถามแคลอฮันด้วยความเคารพ
“ยินดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“รบกวนด้วยครับ”
แต่แล้วในตอนนั้นเองที่เฟเรสกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้
ปัง!
คิลลีวูใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างรุนแรง ในขณะที่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยความหงุดหงิด
“อา ทำไมพวกแมลงหวี่แมลงวันถึงได้เยอะขนาดนี้เนี่ย เจ้าก็เห็นใช่มั้ย เมโลน”
“อื้อ แมลงวันตัวใหญ่สุดๆ เอาแต่บินว่อนอยู่เรื่อยเลย”
สองแฝดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดรับส่งกันเองในขณะที่จ้องหน้าเฟเรสไปด้วย
ใครได้ฟังก็ย่อมทราบดีว่าหมายถึงเฟเรสอย่างชัดเจน
“คิลลีวู เมโลน!”
แคลอฮันตำหนิทั้งสองคนเสียงดัง
เสียงดุของแคลอฮันทำให้สองแฝดยอมเก็บสายตาที่จ้องเขม็งไปยังเฟเรสกลับคืนมาก็จริง แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางคุกคามไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม
“…ทั้งสองคน”
เฟเรสเป็นฝ่ายพูดเสียงทุ้มก่อน
“ได้ยินว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินกันแล้ว”
“แล้วไง”
เมโลนถามกลับไปเสียงห้วน
น้ำเสียงนั่นไม่อาจหาความเคารพหรือมารยาทที่พึงมีต่อคนเป็นถึงเจ้าชายได้เลย แต่เฟเรสไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่พูดข้อเสนอของตนออกไปแทน
“เอาไว้มาประลองกันสักครั้ง”
“ประ ประลอง?”
แววตาของสองแฝดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูมาโดยตลอดสั่นระริก
สำหรับคนที่ฝึกฝนการฟันดาบแล้ว การได้ประลองกับบุคคลที่มีความสามารถถือว่าเป็นประสบการณ์อันแสนล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว
เพราะการได้ร่วมประลองเพียงหนึ่งครั้งที่ว่านั่น มันจะช่วยให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าการฝึกฝนหลายปีเสียอีก ถึงจะขึ้นอยู่กับบุคคลและช่วงเวลาการฝึกฝนก็เถอะ
เรื่องที่เฟเรสเป็นอัจฉริยะมากความสามารถสามารถสร้างออร่าได้ตั้งแต่ตอนอายุแค่สิบสองปีเท่านั้น เป็นเรื่องที่โด่งดังมากจนไม่ว่าใครต่างก็ทราบกันถ้วนหน้า
อีกทั้งพวกเขายังได้ทราบผ่านเทียด้วยว่า เฟเรสจบการศึกษาด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนจากอะคาเดมี
ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่เฟเรสเป็นคนที่มีความสามารถนำหน้าสองแฝดไปไกลมากจริงๆ
แล้วนี่พวกเขาจะได้ประลองกับเฟเรสคนนั้นอย่างนั้นหรือ
เฟเรสพูดกระตุ้นทั้งคู่ที่เริ่มใจอ่อนลง
“ข้าน่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าทั้งสองคนได้มากทีเดียวนะ ใช้เวลาสักวันมาประลองกันดีกว่า ว่าไง”
“กรอด”
สุดท้ายเมโลนก็ยอมตกลง
คิลลีวูเองก็ตอบตกลงตามเมโลน
“เอาไว้อีกไม่นานข้าจะแวะไปหาที่กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียก็แล้วกัน”
มุมปากของเฟเรสกระตุกคล้ายจะยิ้มแต่ก็ดูไม่เหมือนรอยยิ้มเสียทีเดียว เขามองสองแฝดที่ยอมพยักหน้าตกลงถึงแม้ใบหน้าของทั้งคู่จะยังคงบึ้งตึงไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่ก็เถอะ
ในตอนนั้นเอง แคลอฮันก็เอ่ยเรียกผู้ดูแลที่เดินถือถาดไวน์เดินผ่านไป แล้วหยิบเอาแก้วไวน์แก้วหนึ่งมาถือไว้
เฟเรสที่นั่งอยู่ข้างแคลอฮันก็เลือกแก้วสำหรับตัวเองด้วยเช่นกัน
และแกว่งแก้วไวน์ในมือเบาๆ ก่อนจะจิบไวน์ลงคอหนึ่งอึก
ท่าทางคล่องแคล่วดูคุ้นเคยมากทีเดียว
แคลอฮันเบิกตากว้างถามเฟเรส
“ดื่มเหล้าด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ดื่มบ้างเป็นครั้งคราวน่ะครับ”
“จะว่าไปตอนนี้เจ้าชายเองก็บรรลุนิติภาวะแล้วนี่นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเผลอลืมอยู่เรื่อยเลย คงเป็นเพราะในหัวเอาแต่จดจำภาพลักษณ์ของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ของกระหม่อมกระมังพ่ะย่ะค่ะ”
แคลอฮันหัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า ก่อนจะถามต่อ
“ที่อะคาเดมีเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ อยู่ตัวคนเดียวในสถานที่ห่างไกลเช่นนั้น คงจะลำบากน่าดูเชียว”
เฟเรสเหม่อมองไปไกลพลางจิบไวน์อีกหนึ่งครั้ง เขากะพริบตาลงอย่างเชื่องช้า
เพราะเขาไม่อาจหาคำตอบให้แก่คำถามของแคลอฮันได้
สำหรับเฟเรสแล้ว อะคาเดมีเป็นสถานที่ที่เขาจำเป็นต้องไป
เขาถูกจักรพรรดินีพยายามขับไล่ไสส่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เลือกจะเดินไปที่นั่นด้วยเท้าของตัวเอง
ดังนั้นเรื่องทั้งหลายที่เขาต้องเผชิญในที่แห่งนั้นก็มีแต่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องเอาชนะมันให้ได้เท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะตัวเขาหรือคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครเคยถามเฟเรสด้วยความเป็นห่วงเลยสักครั้งว่า ‘ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร’
แคลอฮันเอ่ยเรียกเฟเรสที่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าเหม่อมองไปที่ไหน
“เจ้าชาย”
“อา ขออภัยครับ ข้าเพิ่งเคยได้รับคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรก”
“ฮ่าฮ่า สงสัยคงเป็นเพราะเจ้าชายมักจะจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี ทั้งยังใจเย็นเป็นอย่างยิ่งกระมังพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาที่อะคาเดมีสนุกมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
คำถามที่ตอบได้ยากอีกแล้ว
เฟเรสเอียงคอเล็กน้อยขณะที่ถามแคลอฮันกลับไปแทนคำตอบ
“ความสนุกมันเป็นยังไงหรือครับ”
“ความสนุก…ก็หมายถึงมีความทรงจำดีๆ เหลือให้จดจำมากพ่ะย่ะค่ะ หากนึกถึงเรื่องพวกนั้นขึ้นมาก็มักจะทำให้ยิ้มออกมาได้ พวกความทรงจำที่อยากจะจดจำไว้ให้ได้นานๆ”
“อืมมม”
เฟเรสหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลง
“ถ้าหากหมายถึงแบบนั้น ข้าก็คงจะสนุกอยู่เหมือนกันครับ”
เฟเรสได้รับอะไรที่สำคัญมากมายจากอะคาเดมี
ทั้งความรู้ ทั้งประสบการณ์ รวมถึงผู้คน
หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่อาจปล่อยมือไปได้แม้แต่สิ่งเดียว เพื่อเส้นทางที่เขาจะเดินต่อไปในอนาคต
คำตอบของเฟเรสทำให้แคลอฮันยิ้มด้วยความโล่งอก
“ได้คบหาเพื่อนฝูงเยอะเลยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ เพื่อนดีๆ ที่ได้คบหากันในวัยเรียนน่ะ เขาว่าจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตเลยละพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮะฮะ”
สุดท้ายเฟเรสก็หลุดหัวเราะเสียงแผ่ว
มันเป็นเสียงหัวเราะแปลกประหลาดผสมผสานกับเสียงถอนหายใจ