เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 100.1
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ทางสภาขุนนางได้จัดการเปิดประชุม จักรพรรดิโยบาเนสตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วยตัวเอง
เพื่อที่จะได้จบการโต้เถียงอันดุเดือดเรื่องทางตะวันออกเมื่อคราวก่อน
“ใบหน้าของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียวันนี้คงคุ้มที่ได้เห็นน่าดูเชียว”
เฟรดริก อังเกนัส พูดเย้ยหยันให้ขุนนางที่นั่งอยู่รอบด้านได้ยิน
“ฮ่าฮ่า! เฝ้ารอชมเลยละครับ!”
พวกคนรอบข้างที่เฝ้ารอเวลานี้อยู่ ต่างก็ยุ่งกับการพูดเสริมขึ้นมากันคนละประโยคสองประโยค
“หึๆ …”
เจ้าตระกูลอังเกนัสสั่นขาไปมา อยากให้การประชุมเริ่มไวๆ ได้แล้ว
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เฟรดริก อังเกนัส แวะมาเยือนพระราชวังบ่อยเสียจนธรณีประตูวังแทบสึก
เขาเข้าพบองค์จักรพรรดิทุกวัน เกลี้ยกล่อมพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เรียกเก็บภาษีจากทางตะวันออก
เพราะเหตุนั้นหลังจากความพยายามของเขา องค์จักรพรรดิที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีความเห็นอะไรนัก ก็เริ่มเอนเอียงมายังฝ่ายตนจนได้
ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องนี้ พระองค์ก็จะเอียงหูรับฟัง พยักหน้าตอบรับไปพลาง แสดงให้เห็นท่าทีตอบรับในด้านบวกเสมอ
ทุกครั้งที่ได้รับความไว้วางใจสั่งสมเพิ่มพูดขึ้นเรื่อยๆ เฟรดริก อังเกนัสก็แทบจะตะโกนกู่ร้องด้วยความดีใจ
ในที่สุดเขาก็จะสามารถเอาชนะรูลลัก ลอมบาร์เดียได้!
เรื่องทางตะวันออกจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
แต่หากประเด็นการเมืองที่กำลังเป็นหัวข้อร้อนแรงอยู่ในตอนนี้จะสามารถกดจมูกของลอมบาร์เดียให้ต่ำลงได้ละก็ มันจะก่อให้เกิดความนัยอันใหญ่หลวง
องค์จักรพรรดิจะต้องช่วยสนับสนุนประคับประคองอังเกนัสแทน อำนาจของลอมบาร์เดียก็จะไม่เหมือนแต่ก่อนเฟรดริกคิดว่าเขาจะหัวเราะเยาะยามเห็นใบหน้าของรูลลัก ลอมบาร์เดีย ในตอนที่จักรพรรดิมีรับสั่งให้ ‘เก็บภาษีจากทางตะวันออกเสีย!’
ยิ่งคิดเช่นนั้นเจ้าตระกูลอังเกนัสก็ยิ่งอดใจรอไม่ไหว แต่แล้วในตอนนั้นเอง ประตูห้องประชุมก็พลันเปิดออก
“อืม?”
แต่องค์จักรพรรดิไม่ได้มาเพียงพระองค์เดียว
รูลลัก ลอมบาร์เดียมาพร้อมกับพระองค์
“ชิส์”
เฟรดริก อังเกนัสไม่ถูกใจภาพตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่เขาก็พยายามอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้
รูลลัก ลอมบาร์เดีย ต่อให้เจ้านั่นมีลิ้นทองพูดคล่องแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะความทุ่มเทที่เขาสั่งสมมาตลอดหลายวันได้แน่นอน
องค์จักรพรรดินั่งลงบนตำแหน่งสูงสุดของโต๊ะ การประชุมจึงเริ่มต้นขึ้น
ประธานในที่ประชุมกล่าวเปิดการประชุมสั้นๆ หลังจากนั้นก็ถึงคราวของจักรพรรดิในทันที
อึก
เฟรดริก อังเกนัสลอบกำหมัดแน่น
“เกี่ยวกับภัยแล้งอย่างหนักทางตะวันออกในปีนี้ เห็นว่าความเห็นของพวกเจ้าแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่ง”
เสียงทุ้มต่ำของโยบาเนสดังก้องไปทั่วห้องประชุม
“ข้าได้อ่านความเห็นของทั้งสองฝ่ายผ่านบันทึกการประชุม และได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว พูดตามตรงเรื่องนี้น่าลำบากใจจนเอนเอียงหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ลำบากทีเดียว”
องค์จักรพรรดิหยุดพูดแค่นั้น ก่อนจะลูบเคราราวกับพระองค์เองก็รู้สึกลำบากใจมากจริงๆ
แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เฟรดริก อังเกนัสก็กระวนกระวายใจจนแทบบ้า
เขากำที่เท้าแขนเก้าอี้แน่นด้วยมือชื้นเหงื่อ
“แต่ข้าได้ตัดสินใจแล้ว”
ในที่สุด!
เฟรดริก อังเกนัส ยิ้มมุมปาก ในขณะที่หันไปมองรูลลัก ลอมบาร์เดีย
รูลลักเองก็กำลังมองมาทางด้านนี้เช่นกัน
แต่มันมีอะไรบางอย่างแปลกพิกล
มุมปากข้างหนึ่งของรูลลักค่อยๆ กระตุกขึ้นอย่างเชื่องช้า
หัวเราะทำไม
คนชนะคือข้าต่างหาก
ชั่วขณะ ลางสังหรณ์ร้ายพลันวาบผ่านขึ้นมาตามแนวสันหลัง
และโยบาเนสก็ประกาศแจ้งให้ทราบกันถ้วนหน้า
“ด้วยความสงสารในตัวเหล่าพลเมืองทางตะวันออกที่ได้รับความเจ็บปวดจากภัยแล้ง ปีนี้เราจะไม่เก็บภาษีพวกเขา”
“มะ ไม่ได้!”
เฟรดริก อังเกนัสเผลอตะโกนเสียงดัง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอเสียมารยาท เขาก็รีบยกมือขึ้นตะครุบปากทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
จักรพรรดิขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เหล่าขุนนางต่างหันไปมองเจ้าตระกูลอังเกนัสกันอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่พอใจในคำตัดสินของข้าอย่างนั้นหรือ”
โยบาเนสถามเสียงกราดเกรี้ยว
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น…”
เฟรดริก อังเกนัส รีบใช้หัวสมองคิดหาคำแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ปีก่อนก็เหมือนกัน…ปีก่อนก็ได้ยกเว้นภาษีให้ทางตะวันออกแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าปีนี้ยังทำเช่นนั้นอีก กระหม่อมเป็นห่วงว่าท้องพระคลังจะว่างเปล่า…”
“โฮ่ว ไม่นึกเลยนะ ว่าเจ้าตระกูลอังเกนัสจะรู้จักเป็นห่วงกระเป๋าเงินข้าด้วย”
สุดท้ายท้องพระคลังหลวงที่ว่านั่น อย่างไรก็เป็นทรัพย์สินขององค์จักรพรรดิ
ในเมื่อจักรพรรดิเป็นผู้ออกปากกล่าวว่าจะไม่เก็บภาษีทางตะวันออก ต่อให้ตัวเองต้องเสียผลประโยชน์ก็ตาม ความจริงแล้วคนเป็นขุนนางย่อมไม่สมควรพูดโต้แย้งอะไรอีก
ควรจะทำเพียงแค่หวังว่าภาระภาษีพวกนั้นจะไม่กระเด็นมาตกใส่หัวตัวเองก็พอ
“นะ แน่นอนสิพ่ะย่ะค่ะ อังเกนัสทำเพื่อฝ่าบาทเสมอ…”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเพื่อข้าแล้ว ปีนี้อังเกนัสก็จ่ายภาษีให้เยอะหน่อยก็แล้วกัน”
“…พ่ะย่ะค่ะ”
เฟรดริก อังเกนัสแทบกัดลิ้นตัวเอง แต่เขาก็หลุดพูดมันออกไปแล้ว
“เพราะเจ้าข้าเลยค่อยเบาใจได้หน่อย ขอบใจมาก”
แบบนี้ก็เหมือนกับเขาประกาศต่อหน้าที่ประชุมว่า ปีนี้ตนจะจ่ายภาษีมากกว่าจำนวนที่จำเป็นต้องจ่ายน่ะสิ
“ถ้างั้นข้าขอตัว”
เมื่อหมดธุระ โยบาเนสก็ออกจากห้องประชุมไปในทันที
นี่เขาทำเรื่องบ้าอะไรลงไป
เฟรดริก อังเกนัสทรุดกายนั่งพิงพนักเก้าอี้ เขาได้แต่เหม่อมองภาพตรงหน้า
และสบตากับรูลลัก ลอมบาร์เดียอีกครั้ง
รูลลัก ลอมบาร์เดียกำลังยิ้ม
มันคือรอยยิ้มของผู้ชนะ
รอยยิ้มที่เฟรดริก อังเกนัสเคยคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายได้ใช้มัน ในช่วงเวลาสุดท้ายยามประกาศชัยชนะ ก็คือรอยยิ้มนั่น ที่รูลลักกำลังยิ้มอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
* * *