เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 3 บทที่ 103.1
มันไม่ใช่นัยน์ตาดุดันหรือเย็นชาแต่อย่างใด แต่มันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในชีวิตก่อนเธอไม่เคยได้พบหน้าหญิงชรานางนี้ และยิ่งเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงทั้งยังกุมอำนาจมาได้เป็นระยะเวลานาน ก็ยิ่งชอบคนกล้าและเชื่อมั่นในตัวเอง แต่จะต้องไม่เย่อหยิ่งจองหองเด็ดขาด
เธอสบตากับหัวหน้านางกำนัลพอนต้า อิมพีกร้าตรงๆ ไม่คิดหลบสายตา
จึงทันได้เห็นความสนใจปรากฏขึ้นในตาคู่นั้นของนาง
“ข้าอาจจะเป็นแค่คนชราไม่สำคัญผู้หนึ่ง แต่ข้าจะมาสอนคุณหนูน้อยทุกท่าน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานเปิดตัวในครั้งนี้ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
คำพูดจาฟังดูสุภาพและนอบน้อมเป็นอย่างมาก แต่แววตาของพอนต้ากลับไม่สื่อเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
เธอรู้สึกได้ว่า เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ นี่ นางก็กวาดสายตามองสำรวจผู้เข้าร่วมงานเปิดตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เพื่อการเปิดตัวอย่างประสบความสำเร็จของคุณหนูทุกท่าน โปรดจำใส่ใจเอาไว้ด้วยว่า นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ทุกท่านจะต้องปฏิบัติตนตามธรรมเนียมมารยาทแบบราชวงศ์ เหมือนอย่างที่ต้องทำในวันงานเปิดตัวค่ะ”
ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในวงล้อมกับเด็กคนอื่นๆ ริมหน้าต่าง ก็เดินก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
ผมบลอนด์เงางามดูมีน้ำหนัก นัยน์ตาสีน้ำตาล นางเป็นเด็กผู้หญิงวัยประมาณสิบกลางๆ
“ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับท่านพอนต้ามามากทีเดียวค่ะ”
น้ำเสียงสงบนิ่ง แต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
เป็นประเภทคุ้นเคยกับการได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างเห็นได้ชัด
“เมฟ คาโพเรียค่ะ”
คุณหนูคาโพเรียกล่าวแนะนำตัว นางย่อเข่าลงเล็กน้อย ทักทายอย่างงดงาม
มันคือการทักทายอย่างชนชั้นสูงที่ไร้ที่ติ
“หืม”
ชั่วขณะ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย หน้าผากเองก็ยับย่นลง
“ทะ ท่านพอนต้า?”
นางทำอะไรผิดไปหรือ
คุณหนูคาโพเรียตื่นตระหนก นางเอ่ยเรียกหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ
ท่าทางอีกฝ่ายไม่คิดจะบอกคำตอบง่ายๆ เลยว่านางทำอะไรผิดไป
เพียงแค่มองเหล่าคุณหนูที่ยืนรวมกลุ่มกันเงียบๆ
แทนความหมายว่า จะให้โอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้ง
แต่ในเมื่อคุณหนูคาโพเรียผู้รับบทบาทเป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มถูกเมินเฉยจนต้องอับอายเช่นนั้นแล้ว ย่อมไม่มีใครกล้าก้าวเท้าออกมาเป็นเรื่องธรรมดา
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่แบบนั้น สายตาของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็หันมามองเธอ
ท่าทางไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก
เพราะบางทีนางคงคิดว่าเธอเองก็จะยืนอยู่เฉยๆ เหมือนอย่างคุณหนูท่านอื่นสินะ
เธอยกมือข้างขวาขึ้นวางลงบนตำแหน่งหัวใจ ใช้มือข้างซ้ายจับชายชุดเดรส ก้าวขาขวาไปข้างหลัง ย่อกายลงเล็กน้อย
ไม่ลืมที่จะโค้งศีรษะลงเล็กน้อยอย่างสง่างาม
มันคือการทักทายตามธรรมเนียมของราชวงศ์ที่เธอได้เรียนรู้สมัยที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นของจักรพรรดินีหลายปีก่อน
เมื่อครู่นี้หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็บอกไว้แล้ว
“โปรดจำใส่ใจเอาไว้ด้วยว่า นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ทุกท่านจะต้องปฏิบัติตนตามธรรมเนียมมารยาทแบบราชวงศ์ เหมือนอย่างที่ต้องทำในวันงานเปิดตัว”
“โอ้ว…”
ราวกับในที่สุดก็ได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ายกยิ้มมุมปาก
“คุณหนูท่านนี้มีนามว่าอะไรคะ”
“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียค่ะ ท่านหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า”
อันที่จริงจะเรียก ‘ท่านพอนต้า’ เหมือนอย่างที่คุณหนูคาโพเรียทำก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
แต่ถึงยังไงนางก็เป็นหญิงชราผู้รักษาตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลมากว่า 40 ปี เธอก็แค่อยากจะแสดงความนับถือแก่หญิงชราคนนี้เท่านั้นเอง
เธอเองก็เคยรับหน้าที่ดูแลงานน้อยใหญ่ของคฤหาสน์ลอมบาร์เดียอยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่างานแบบนี้มันเป็นงานที่ลำบากมากแค่ไหน
“คูณหนูลอมบาร์เดียนี่เอง!”
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ายิ้มด้วยความพอใจ
“เป็นมารยาทตามแบบราชวงศ์ที่สมบูรณ์แบบมากค่ะ ได้เรียนรู้ธรรมเนียมราชวงศ์จากตระกูลลอมบาร์เดียเหรอคะ”
“เปล่าหรอกค่ะ พอดีเมื่อก่อนเคยเข้าวัง ก็เลยได้เรียนจากท่านป้ามาบ้างน่ะค่ะ”
“ท่านป้างั้นก็…..อ๊า ท่านชานาเนส! ”
พอชื่อของชานาเนสหลุดออกมาจากปากเธอ สีหน้าของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็พลันสดใสขึ้นในทันที
“ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสามารถอันแสนยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ในบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่ทางราชวงศ์เคยจัดงานเปิดตัวให้เลยนะคะ ได้อาจารย์ที่ดีมากจริงๆ ค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอย่อเข่าอีกครั้งในขณะที่พูด
หลังจากที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามองเธอด้วยใบหน้าพึงพอใจอีกครั้ง นางก็หันไปพูดกับเหล่าคุณหนูที่รวมตัวกันอยู่ในโถงงานเลี้ยง
“ทุกท่านได้รับเลือกให้เปิดตัวในแวดวงสังคม ด้วยงานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์ ซึ่งเป็นงานเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาณาจักร ถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากเลยใช่มั้ยคะ แต่ว่า”
เสียงของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากดต่ำลง
“ชื่อเสียงที่เล่าขานกันไปของงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์นั้น ย่อมไม่อาจให้ด่างพร้อยจากความผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น ทางเรามีมาตรฐานการคัดเลือกที่เข้มงวดมาก เพื่อให้ได้งานเลี้ยงที่สมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้นต่อไปจนกว่าจะถึงวันงาน ทุกท่านจะต้องมารวมตัวกันที่นี่สัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อเรียนรู้เรื่องต่างๆ มากมายค่ะ”
“ตั้งสัปดาห์ละสองครั้ง…”
“ก็รู้อยู่หรอกว่าต้องเหนื่อย แต่นี่…”
เสียงครวญครางผสมเสียงถอนหายใจดังขึ้นทั่ว
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ายิ้มจางๆ อีกครั้ง ดูเหมือนจะคุ้นชินกับปฏิกิริยาเช่นนั้นเป็นอย่างดี
“ในเมื่อเป็นงานที่เผยให้เห็นถึงก้าวแรกอย่างเป็นทางการในแวดวงสังคมของอาณาจักรแลมบลู จะหละหลวมไม่ใส่ใจไม่ได้หรอกค่ะ”
ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงถึงได้ฟังดูมีเลศนัยชอบกล
เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่มาเสียแล้วสิ
“แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายสำคัญที่สุดในแวดวงสังคม ไม่ใช่การแสดงออกว่าตัวเรายอดเยี่ยมที่สุดค่ะ มันคือความสามัคคีในหมู่ชนชั้นสูงของอาณาจักร การแลกเปลี่ยน การเรียนรู้จากกันและกัน ดังนั้นการติดกระดุมเม็ดแรกให้ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดยังไงล่ะคะ”
สมกับเป็นหัวหน้านางกำนัลประจำพระราชวังมากจริงๆ นางเป็นคนเข้มงวด ทั้งยังยึดติดกับกฎระเบียบ ไม่คิดนอกกรอบ
“วันนี้เป็นวันแรก เพราะฉะนั้นจะให้เวลาทุกท่านได้ทานของว่างเบาๆ ไปพลางในขณะที่ทำความรู้จักกันเองนะคะทางเราจะนำชากับของว่างมาให้ ฉะนั้นกรุณารอที่นี่สักครู่ค่ะ”
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าและเหล่านางกำนัลประจำพระราชวังที่ยืนรออยู่ด้านหลังนาง ต่างพากันเดินออกไปจากโถงงานเลี้ยง
ภายในห้องจึงกลับมาเหลือเพียงแค่กลุ่มคุณหนูที่จะเข้าร่วมงานเปิดตัวอีกครั้ง
จู่ๆ ความเงียบน่ากระอักกระอ่วนและเย็นยะเยือกก็ไหลเวียนไปทั่วโถงงานเลี้ยง
และเมื่อเธอหันหน้าไปทางหน้าต่างโดยไม่ได้คิดอะไร ก็พลันสบตาเข้ากับสายตาหลายคู่ที่มองเธอด้วยความระแวดระวัง ดูแล้วไม่ค่อยจะชอบใจเธอสักเท่าไหร่
“โอ้ เรื่องแบบนี้ก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
สารภาพตามตรง ที่ผ่านมาเธอคุ้นเคยกับการที่คนอื่นๆ ปฏิบัติกับเธอด้วยความใจดีเสียแล้ว
คนในลอมบาร์เดียส่วนใหญ่ปฏิบัติกับเธอเช่นนั้น เครย์ลีบันและทุกคนที่ร่วมงานกันต่างก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันหมด
งานเลี้ยงไม่กี่งานที่เธอได้เข้าร่วมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกชนชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้คุยกับเธอกันทั้งนั้น
แต่ไอ้ท่าทางที่เอาแต่เหลือบมองเธอด้วยหางตา ลอบสำรวจกันอยู่ในตอนนี้ มันเป็นเรื่องจริงสินะ
“แปลกใหม่ดี”
นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าแวดวงสังคม!
รู้สึกเหมือนได้เห็นโฉมหน้าของแวดวงสังคมที่ในชีวิตก่อนเธอไม่เคยได้สัมผัส มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน