เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 134.2
“…นั่นก็คือคำอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ค่ะ แน่นอนว่าถ้าหากต้องการแผนงานอย่างละเอียดละก็ ข้าสามารถส่งไปให้ที่กลุ่มการค้าได้นะคะ”
เธออธิบายแผนงานสั้นๆ แต่กระชับได้ใจความให้โรมาเชียร์ ดิลลาร์ด ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียได้ฟัง
“นี่มันช่าง…เป็นความคิดที่สร้างสรรค์มากเลยครับ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพึมพำเสียงแผ่วด้วยความประทับใจ
เธอรู้ดีว่าเขาชื่นชมเธอจากใจจริง
เพราะในระหว่างที่เธออธิบายให้ฟัง นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทั้งยังส่องประกายวาววับอยู่หลายครั้งทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดก็ยังคงลังเลเหมือนเคย
“หัวหน้ากลุ่มการค้ากำลังกังวลเรื่องใดหรือคะ”
“อืมม ข้าเองก็ทราบว่ามันเป็นความคิดที่ดีครับ แต่สงสัยว่าสุดท้ายแล้วมันจะปรับเอาไปใช้ได้จริงมากแค่ไหนกัน ไปรษณีย์ที่ผู้คนไม่คุ้นเคยเลยสักนิดนั่น พวกชนชั้นสูงจะใช้งานมันมากแค่ไหน…”
เธอส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไปอย่างหนึ่งนะคะ ชนชั้นเป้าหมายของกิจการไปรษณีย์น่ะ ไม่ได้มีแค่ชนชั้นสูงเท่านั้นหรอกค่ะ อาณาจักรในปัจจุบัน ‘เงิน’ ไม่ใช่เอกสิทธิ์เฉพาะของพวกชนชั้นสูงอีกต่อไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ จำนวนสามัญชนที่ได้รับเงินเดือนจากกลุ่มการค้าต่างๆ หรือกระทั่งพระราชวังเองก็มีไม่น้อยเลยนะคะ”
“มันก็จริงอยู่หรอก แต่ว่า…”
“อีกอย่าง ตอนนี้ข้าแค่กำลังยื่นข้อเสนอให้กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียเข้ามาเป็นหลังคาครอบคลุม ‘การใช้งานได้จริง’ ที่กล่าวมาเมื่อครู่นี้อยู่ค่ะ เพราะสุดท้ายในช่วงแรกเริ่มธุรกิจ ความหลากหลายของสินค้าที่สามารถสั่งซื้อได้ผ่านไปรษณีย์มันจะกลายเป็น ‘การใช้งานได้จริงของไปรษณีย์’ ยังไงล่ะคะ”
“อืมม”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ด ยังคงไม่อาจตัดสินใจได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อครู่
เธอเองก็กลุ้มใจอยู่เหมือนกัน
เจ้าตระกูลดิลลาร์ดที่เธอเคยรู้จัก ไม่ใช่คนสองจิตสองใจแบบนี้
หากมองเห็นโอกาสแล้วละก็ เขาจะพุ่งกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
เรื่องนั้นเจ้าตระกูลคนนี้ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าสู่วัยชราก็น่าจะเป็นเหมือนกันนี่นา
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า มีเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกต่อต้านไม่อยากจับมือของเธอ ในฐานะผู้รับผิดชอบกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียที่แสนยิ่งใหญ่อยู่สินะ
เธอตัดสินใจเอ่ยถามโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดออกไปตรงๆ
“สิ่งที่หัวหน้ากลุ่มการค้าเป็นกังวลคือกิจการไปรษณีย์ หรือว่าคือข้ากันแน่คะ”
“ระ เรื่องนั้น”
ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสับสนปนละอายใจนั่น มันช่วยตอบคำถามที่แท้จริงในใจเขาออกมาหมดแล้ว
ไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซ้ำ ก็คงจะไม่เชื่อใจเธอนั่นแหละ
เธอเอ่ยว่าเสียงนิ่ง
“ถ้าบอกกันตามตรงข้าจะรู้สึกขอบคุณมากเลยค่ะ ท่านเจ้าตระกูลดิลลาร์ด”
“หากกล่าวเช่นนั้น…”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดลังเลไปชั่วครู่ เพียงไม่นานก็เปิดปากพูดตรงประเด็นราวกับตั้งใจแน่วแน่แล้ว
“กิจการขนส่งรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าไปรษณีย์นั่น เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคิดถึงได้ทั้งนั้นครับ ข้าทราบดีว่าคุณหนูฟีเรนเทียเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีความสามารถทางด้านธุรกิจด้วย ตกใจมากเลยละครับ แต่ว่า…”
ได้เวลาพูดใจความหลักเสียที
“ข้าเป็นพ่อค้าครับ และพ่อค้าทั้งหลายย่อมคิดว่าประสบการณ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้วครับ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดเอ่ยว่าอย่างระมัดระวัง
“ต่อให้ฉลาดแค่ไหน ต่อให้เป็นคนที่สามารถคิดค้นไอเดียแปลกใหม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าหากไม่มีประสบการณ์ ข้าก็ไม่อาจเชื่อใจได้เต็มร้อยครับ”
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
มันเป็นทัศนคติที่สมกับเป็นพ่อค้าเสียจริง เพราะประสบการณ์ที่ได้จากการวิ่งเต้นลงมือจัดการทุกสิ่งด้วยตัวเอง และบาดแผลรอยช้ำที่ได้จากสนามจริงนั้น สำหรับพวกพ่อค้าแล้วถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้
พูดในอีกแง่หนึ่งก็คือ โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดคนนี้เองก็เป็นคนที่มีเครดิตในฐานะพ่อค้ามากประสบการณ์คนหนึ่งด้วยเช่นกัน
สำหรับเธอนี่ถือเป็นเรื่องดีทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้นจะบอกว่า ปัญหาคือเรื่องที่ข้าไร้ประสบการณ์เหรอคะ”
“ครับ ถ้าให้พูดกันตามตรงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับกำไรขาดทุนของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียโดยตรง ข้าหวังว่าคุณหนูจะเข้าใจ…”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาแล้วสินะคะเนี่ย”
“ครับ”
เธอพูดเน้นย้ำอย่างชัดเจนทีละคำ เพื่อให้โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดที่ถามกลับมาด้วยความงุนงงได้ยินชัดแจ้งเต็มสองหู
“เพราะข้ามีประสบการณ์มากเลยละค่ะ”