เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 135.1
ตอนที่ 135
“พูดเรื่องอะไรกัน…”
เธอยิ้มกว้างหันไปมองเครย์ลีบันที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ข้าก็มีคิดเผื่อไว้แล้ว ถึงได้ขอร้องให้เครย์ลีบันมาร่วมประชุมด้วย ค่อยโล่งอกหน่อยค่ะ”
เครย์ลีบันเองก็มองตอบเธอยิ้มๆ
“ท่านฟีเรนเทียมักจะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้เหมือนมองเห็นเสมอเลย ตอนนี้ข้าไม่ตกใจแล้วละครับ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดมองเธอกับเครย์ลีบันที่กำลังสนทนากันอย่างอบอุ่นด้วยนัยน์ตาไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งๆ พวกเขามีความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่อาจารย์กับลูกศิษย์เท่านั้น
แต่บรรยากาศระหว่างที่สนทนากลับดูตรงกันข้ามเสียได้ ก็สมควรแล้วที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมา
เธอเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงนิ่งสงบ เพื่อที่จะได้ช่วยจบความสับสนของหัวหน้ากลุ่มการค้า
“ท่านเจ้าตระกูลโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด”
“ครับ…?”
“จำกิจการเหมืองแร่เพชรของร้านค้าเพลเลสได้มั้ยคะ”
“แน่นอน…ครับ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพยักหน้าตอบ
“ข้ารู้มาว่าท่านก็อยู่ที่งานประมูลเหมืองแร่ด้วย ไม่ทราบว่าคิดยังไงเหรอคะ”
“ข้าคิดว่า กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียของพวกเราที่เคยปล่อยปละไม่สนใจร้านค้าเพลเลสซึ่งเป็นแค่ร้านค้ามือใหม่ในตอนนั้น ได้รับบทเรียนที่เหมาะสมแล้วครับ หลังจากนั้นพวกเราเองก็ปรับปรุงตัวเอง และปรับเปลี่ยนความคิดใหม่เช่นกันครับ”
พอเธอถาม เขาก็ตอบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
แต่ใบหน้าก็ยังคงสับสนอยู่เหมือนเดิม ด้วยไม่อาจเชื่อมโยงได้ว่า การที่ร้านค้าเพลเลสมีวันนี้ได้ มันไปเกี่ยวอะไรกับเธอกัน
เธอเอ่ยให้ความกระจ่างแก่หัวหน้ากลุ่มการค้า
“กิจการเหมืองแร่เพชร เป็นธุรกิจแรกของข้าค่ะ”
“ธุรกิจแรก…”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพึมพำคำพูดประโยคสุดท้ายของเธอเสียงแผ่ว เขาส่ายหน้าไปมา
“ขออภัยครับ ข้าไม่ค่อยเข้าใจที่คุณหนูกล่าวนัก รบกวนช่วยกล่าวอีกครั้งได้มั้ยครับ”
“ก็บอกว่าไม่อาจเชื่อถือข้าได้ เพราะข้าไร้ประสบการณ์ไม่ใช่เหรอคะ ประสบการณ์ย่อมเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้วละค่ะ เรื่องนั้นข้าเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นถึงได้ยอมบอกความลับอย่างหนึ่งให้ได้ทราบยังไงล่ะคะ”
เธอลดระดับเสียงลง
“เจ้าของที่แท้จริงของร้านค้าเพลเลสก็คือข้า ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียคนนี้ค่ะ”
“จะ…เจ้าของที่แท้จริง?”
นัยน์ตาสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหวของหัวหน้ากลุ่มการค้าหันขวับไปมองเครย์ลีบันทันที
“ที่คุณหนูพูดเป็นเรื่องจริงหรือ”
เครย์ลีบันตอบทันที
“คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่าข้าให้การอบรมสั่งสอนท่านฟีเรนเทียก็จริง แต่ที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามครับ ทุกวัน ทุกวัน ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมายจากท่านฟีเรนเทีย”
“ตะ แต่คุณหนูยังเด็กอยู่เลย จะทำแบบนั้น…”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพูดตะกุกตะกักไม่เป็นประโยคด้วยความตกตะลึง
แต่เครย์ลีบันกลับพูดตอกย้ำอย่างหนักแน่น ฟังดูเลือดเย็นไร้หัวใจต่อผู้เป็นบิดา
“สำหรับท่านฟีเรนเทียแล้ว อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขครับ เครย์ลีบัน เพลเลสยืนยันได้”
“หรือบางทีคุณหนูอาจจะแค่คอยช่วยเหลือเจ้าของกลุ่มการค้าเพลเลส…”
เครย์ลีบันส่ายหน้าปฏิเสธความสงสัยที่ฟังดูมีเหตุผลของหัวหน้ากลุ่มการค้า
“เหมืองแร่เพชรที่ทำให้ร้านค้าเพลเลสมีวันนี้ได้ การค้าช่วยเหลือภาคตะวันออกที่แห้งแล้ง รวมถึงสมาคมทุนการศึกษาร้านค้าเพลเลสที่เริ่มจัดตั้งเมื่อปีก่อน ทั้งหมดเป็นผลงานของท่านฟีเรนเทียครับ คุณหนูบริหารจัดการร้านค้าเพลเลสด้วยตัวเอง”
“เห อย่าชมกันมากขนาดนั้นสิคะ คนที่ลงมือทำงานกันอย่างขันแข็ง ช่วยกันผลักดันร้านค้าเพลเลสมาถึงจุดนี้ได้ คือไวโอเล็ตกับเครย์ลีบันต่างหากล่ะคะ”
“ข้าเพียงแค่พูดความรู้สึกที่แท้จริงเท่านั้นเองครับ ท่านฟีเรนเทีย”
เครย์ลีบันพูดเช่นนั้น ในขณะเดียวกันก็ส่งยิ้มมองเธอด้วยนัยน์ตาอบอุ่น
กรี๊ด ว่าแล้วเชียวคนหล่อเนี่ย อายุมากขึ้นก็ยังดูเท่อยู่ดี
รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่มีจางหายไปเลย!
และเธอก็ละสายตาออกจากเครย์ลีบัน หันไปถามโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดที่นั่งอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“ว่ายังไงล่ะคะ ท่านเจ้าตระกูลดิลลาร์ด ระดับนี้ก็ถือว่าข้าพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้างเหมือนกันนะคะ”
* * *
บุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ฟีเรนเทียคนนี้มองอย่างไรก็ถอดแบบมาจากแคลอฮันผู้เป็นบิดาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตากลมโตสีเขียวคู่นั้น หรือกระทั่งวิธีการยิ้มนั่น ก็ยังเหมือนกัน
แต่นัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างเหลือล้น ช่างแตกต่างจากแคลอฮันที่มักจะถ่อมตนเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสิ้นเชิง
‘แต่กลับเหมือน…’
แต่แล้วโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดก็พลันนึกขึ้นได้ว่าฟีเรนเทียคนนี้ดูคล้ายใครกันแน่
‘ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย’
“…ครับ”
“ถึงแม้ข้าจะบอกว่าตัวเองมีประสบการณ์หลายอย่างก็เถอะ แต่การจะเชื่อใจข้าแล้วร่วมทำกิจการใหม่ไปด้วยกัน มันก็คงจะยากอยู่ดีสินะคะ แต่ว่า”
นัยน์ตาสีเขียวส่องประกายระยิบระยับด้วยความมั่นใจในความสำเร็จคู่นั้น มันมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้คนที่ผ่านเรื่องลำบากมาทุกเรื่องอย่างโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด ยังต้องยอมกระโจนลงสู่หลุมพราง
“คนที่คิดวิธีการที่เรียกว่าไปรษณีย์ขึ้นมาอาจจะเป็นข้าก็จริง แต่สุดท้ายคนที่จะขับเคลื่อนกิจการนี้ก็คือลอมบาร์เดียค่ะไม่ว่าจะเป็นตระกูลเดวอนผู้รับผิดชอบด้านขบวนเดินทางขนส่งของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย หรือตระกูลเฮย์ลิ่งผู้สร้างบุคคลมากความสามารถมากมาย ถ้าไม่อาจเชื่อใจข้าได้ ก็ขอให้เชื่อมั่นในตัวพวกเขาเถอะค่ะ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดที่นั่งเหม่อรับฟังคำพูดของฟีเรนเทียเองก็เผลอพยักหน้าตกลงโดยไม่รู้ตัว
ที่ฟีเรนเทียพูดออกมาไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่จุดเดียว
แต่เขาก็ยังคงเหม่อลอยราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน
ปกติแล้วต่อให้เก็บซ่อนบางสิ่งไว้ในกระเป๋า สุดท้ายมันก็ยังคงเผยตัวตนออกมาให้เห็นเป็นรูปทรงนูนขึ้นมาอยู่ดี
แล้วนี่อะไรกัน ที่ผ่านมาเขาเผลอมองข้ามคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ
ทำเอารู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่เคยเชื่อมั่นมาตลอดว่าตัวเองก็มีนัยน์ตาเฉียบแหลมในการมองผู้คนมากพอควร
“เร็วๆ นี้ข้าจะกลับมาพบอีกครั้งพร้อมกับเอกสารข้อเสนอโดยละเอียดของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียครับ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพูดเช่นนั้นก่อนจะกล่าวลาอย่างสุภาพ ท่าทางแตกต่างจากตอนแรกที่เดินเข้ามาในห้องรับรองเป็นอย่างยิ่ง
เครย์ลีบันเองก็เดินตามหลังเขาออกไป