เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 136.2
ณ สำนักงานของร้านค้าเพลเลส
เครย์ลีบันที่กำลังนั่งตรวจงานอยู่ก็ได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างกะทันหัน
ไม่มีการติดต่อมาก่อนล่วงหน้า แขกที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่ร้านค้าคนนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็คือหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักจากตระกูลอังเกนัสนั่นเอง
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าหนุ่ม!”
พวกเขาเคยพบหน้ากันบ้างไม่กี่ครั้งในสมัยที่ดำเนินกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากพอที่จะเรียกว่า ‘เจ้าหนุ่ม’ ได้เสียหน่อย
นัยน์ตาของเครย์ลีบันดุดันขึ้นทันทีที่เห็นหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา
“นั่งลงสิครับ”
แต่ถึงยังไงเครย์ลีบันก็ยังต้องรักษาเกียรติในฐานะประธานร้านค้าเพลเลส เขาจึงเอ่ยอย่างมีมารยาท
แต่ความพยายามของเขากลับอดทนต่อไปได้ไม่นาน
“ว่ายังไงนะครับ”
คิ้วข้างหนึ่งของเครย์ลีบันกระตุกขึ้น เขาเอ่ยถามคล้ายเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว
ท่าทางไม่คุ้นเคยที่ได้เห็น ทำเอาหัวหน้ากลุ่มการค้าผู้แสนขี้ขลาดผวาเฮือก
แต่ยังไงก็ไม่อาจถอยได้เด็ดขาด
เพราะจักรพรรดินีราวีนีซึ่งอยู่ในพระราชวังนั่น น่ากลัวกว่าเครย์ลีบันที่อยู่ตรงหน้าเขาหลายเท่านัก
หลังจากกระแอมไอเคลียร์ลำคอเสียงดังแฮ่ม หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักก็เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าบอกให้ส่งมอบต้นทรีบ้าที่ทางร้านค้าเพลเลสครอบครองอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ มาให้พวกเราอังเกนัสเสีย”
“ไม่สิ ‘ส่งมอบให้ทั้งหมด’ เนี่ยนะ”
เสียงทุ้มต่ำกดลงด้วยความโมโห ในขณะที่นัยน์ตายังคงจับจ้องหัวหน้ากลุ่มการค้าด้วยความไม่พอใจ
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้ ‘ส่งมอบให้’ กันล่ะครับ”
คำถามของเครย์ลีบันทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเชิดหน้าคอตั้งยืดอกตรงก่อนจะเอ่ยตอบ
“เจ้าเอาแต่ปฏิเสธข้อเรียกร้องจากทางกลุ่มการค้าดิวรักของพวกเรา ที่ต้องการใช้ไม้ทรีบ้าในโครงการพัฒนาอังเกนัสมาโดยตลอดไม่ใช่หรือไง”
“แล้วยังไงล่ะครับ”
“ไม่รู้หรือไงว่ากิจการพัฒนาอังเกนัสเป็นกิจการที่องค์จักรพรรดินีเป็นผู้นำโดยตรง ถึงได้กล้าถามกลับมาอย่างหน้าด้านเช่นนั้น”
ตอนนี้ใครกันแน่ที่ทำตัวหน้าด้าน
เครย์ลีบันมองหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักที่นั่งไขว้ห้างพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอกสบายใจ
ไหนดูซิว่าจะเย่อหยิ่งไปได้ถึงไหนเชียว
“…แล้วไง”
“หน็อย!รู้แล้วก็สมควรที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในฐานะพลเมืองของอาณาจักรสิ! ถ้าหากไม่คิดที่จะเป็นศัตรูขวางทางความตั้งใจขององค์จักรพรรดินีแล้วละก็!”
ปฏิกิริยาของเครย์ลีบันที่ไม่แม้แต่จะสะดุ้งสะเทือนแม้ว่าตนจะใช้คำว่า ‘จักรพรรดินี’ เข้าข่ม ทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักตวาดเสียงดังลั่นเป็นการสั่งสอน
“พวกพ่อค้าหนุ่มๆ ก็เป็นแบบนี้!จิ๊ๆ”
หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ
แต่เครย์ลีบันก็ยังคงไม่เปลี่ยนท่าทีอยู่ดี
เพราะเขาทราบดีว่า หัวหน้ากลุ่มการค้าก็แค่อิจฉาที่เขาประสบความสำเร็จได้ทั้งๆ ที่อายุยังน้อยเท่านั้นเอง
“อะ แฮ่ม”
เมื่อเห็นว่าเครย์ลีบันเงียบไปไม่พูดอะไร หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักผู้ไร้ซึ่งไหวพริบก็ประเมินว่าอุปสรรคที่ขวางหน้าแผนการของตนคงหมดไปแล้ว
ถ้าหากเป็นเมื่อสมัยก่อนที่เจ้าหนุ่มนี่ยังทำงานข้างกายรูลลักในฐานะคนของลอมบาร์เดียมันก็อีกเรื่อง
แต่ตอนนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกับลอมบาร์เดียอีกต่อไปแล้ว
ยังไงก็ต้องเกรงอกเกรงใจราชวงศ์อย่างแน่นอน
เพราะอย่างนั้นหัวหน้ากลุ่มการค้าจึงปรับเสียงเข้ม แล้วเป็นฝ่ายเปิดปากพูดเตือนในฐานะผู้อยู่เหนือชั้นกว่า
“ข้ารู้หมดแล้วว่า นอกจากที่ต้องส่งไปให้เขตแดนเชซายู เจ้ายังเหลือไม้ทรีบ้าอยู่อีกมาก ดังนั้นจงขายพวกมันให้อังเกนัสเสียเถอะ นั่นถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่หรือไง”
“มีธุระแค่นั้นใช่มั้ยครับ”
เครย์ลีบันถามเสียงเรียบ
แต่หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเข้าใจว่าตนคว้าชัยชนะมาได้แล้ว จึงคิดก้าวล้ำเส้นไปอีกหนึ่งก้าวอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ไม่ ยังมีอีกเรื่อง เห็นว่าเจ้ายังคงกว้านซื้อต้นทรีบ้าทางเหนืออยู่ตลอด ต่อไปอย่าได้คิดเข้ามาแข่งขันกับกลุ่มการค้าดิวรักในการประมูลอีก”
“เพราะฉะนั้นหมายความว่าให้หลีกทางอย่าได้ขัดขวาง เพื่อให้กลุ่มการค้าดิวรักได้ผูกขาดต้นทรีบ้าแต่เพียงผู้เดียว?”
“ใช่ นั่นคือรับสั่งขององค์จักรพรรดินี”
หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง ทำตัวราวกับว่าตัวเองเป็นจักรพรรดินีเสียเอง
ท่วงท่าที่แสดงออกมามันบ่งบอกหมดทุกอย่าง
กลุ่มการค้าดิวรักไม่ได้มายังร้านค้าเพลเลสในวันนี้ เพื่อที่จะติดต่อค้าขายกันอย่างเที่ยงธรรม
พวกเขามาเพราะต้องการใช้นามของจักรพรรดินี เข้าข่มขู่เครย์ลีบันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“แล้วคิดจะซื้อเท่าไหร่ล่ะครับ”
มันต้องแบบนี้สิ
หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“ราคาประมูลทั่วไปอยู่ที่ 20 เหรียญเงินต่อ 50 ท่อนไม่ใช่หรือ”
ไม่ใช่เสียหน่อย นั่นมันเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ ราคาการประมูลระยะหลังมานี่เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวแล้ว
“เช่นนั้นรวมกับค่าใช้จ่ายที่พวกเจ้าเก็บรักษามันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ราคา 25 เหรียญเงินต่อ 50 ท่อนก็น่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมดี”
หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักกล่าวราวกับใจกว้างมากเสียเต็มประดา
“แต่ข้าจะให้ทางร้านค้าเพลเลสเป็นพิเศษก็แล้วกัน 30 เหรียญเงินต่อ 50 ท่อน…”
“100 เหรียญทอง”
เครย์ลีบันพูดตัดประโยคของหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรัก
“อะไร 100 เหรียญทองหรือ”
“ราคาต่อไม้ทรีบ้า 50 ท่อน ที่ทางร้านค้าเพลเลสกำหนดไว้ครับ”
“นี่ล้อข้าเล่นหรือไง”
“หน้าข้าดูเหมือนคนล้อเล่นมั้ยล่ะครับ”
นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันส่องประกายดุดันขึ้นมาในขณะที่ถามกลับเสียงห้วน
“อะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นก็ 50 เหรียญเงินต่อ 50 ท่อน…”
“100 เหรียญทอง”
“นี่เจ้า!ได้! งั้นก็ 70 เหรียญเงินต่อ 50 ท่อน…!”
“100 เหรียญทอง ถ้าจ่ายเงินจำนวนนั้นไม่ได้ ก็ออกไปจากที่นี่ซะ”
เครย์ลีบันจ้องหัวหน้ากลุ่มการค้าเขม็งในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า
“ไม่สิ ต่อรองอะไรกันด้วยวิธีการเช่นนี้…!”
หัวหน้ากลุ่มการค้าตื่นตระหนก พยายามพูดท้วงติงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“คิดว่าที่ทางฝ่ายหัวหน้ากลุ่มการค้าพูดมาแต่ละประโยคเมื่อครู่นั้น มันสามารถเรียกว่า ‘ต่อรอง’ ได้หรือไงล่ะ”
เครย์ลีบันกระตุกยิ้ม
“ใช้นาม ‘จักรพรรดินี’ เข้าข่ม ทำตัวราวกับต้องการขโมยของกันหน้าด้านๆ ด้วยราคาที่เป็นไปไม่ได้ แค่นั้นไม่พอ ยังสั่งให้หลีกทางเมื่อเห็นกลุ่มการค้าดิวรักในการประมูลอีกเนี่ยนะ”
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทุเรศ
เครย์ลีบันพูดจบแล้วก็หัวเราะเยาะเสียงดัง ‘เหอะ’
และชี้ตรงไปที่ประตูพลางเอ่ยขึ้นว่า
“100 เหรียญทองต่อ 50 ท่อน ถ้าจ่ายไม่ได้ก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
“เฮ้ ประธานร้านค้าเพลเลส!”
“ดูเหมือนไม่คิดที่จะออกไปสินะ”
เครย์ลีบันจ้องหัวหน้ากลุ่มการค้าที่ยังคงนั่งส่งเสียงโวยวายอยู่กับที่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกระตุกเชือกสีแดงท่ามกลางเชือกหลายเส้นที่ห้อยอยู่ข้างเก้าอี้
ผ่านไปไม่นานชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หลายคนก็ตบเท้าเดินเสียงดังตึงตังเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
“เรียกหรือครับ ท่านเครย์ลีบัน”
“หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักจะกลับแล้ว ส่งแขกหน่อย”
คำพูดของเครย์ลีบันส่งผลให้สายตาดุดันของชายหนุ่มทั้งหลายจับจ้องไปที่หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักกันอย่างพร้อมเพรียง
“ลุกสิครับ”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำร้านค้าเพลเลสเอ่ยเสียงดัง
“ระ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ตระกูลอังเกนัสของข้าไม่มีวันลืมแน่!”
ถึงแม้จะหวาดกลัวจนต้องลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักก็ยังตะโกนเสียงแข็ง
เครย์ลีบันยืนกอดอกมองภาพตรงหน้านิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ไยดี
“เพราะคำพูดเมื่อครู่นี้ ต่อไปกลุ่มการค้าดิวรักจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของต้นทรีบ้าในการประมูลทางเหนือครับ”
“…ว่าไงนะ”
“เพราะไม่ว่าจะต้องทุ่มเงินเท่าไหร่ งานประมูลที่กลุ่มการค้าดิวรักเข้าร่วม พวกเราร้านค้าเพลเลสจะประมูลแย่งชิงมันมายังไงล่ะครับ”
“นะ นั่นมัน…”
เครย์ลีบันส่งยิ้มให้แก่หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักที่ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอทำเรื่องอะไรลงไป แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“และถ้าหากต่อไปจักรพรรดินีโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ถามหัวหน้ากลุ่มการค้าว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ละก็ ข้าหวังว่าหัวหน้ากลุ่มการค้าจะตอบกลับไปว่า ‘กระหม่อมดันเข้าไปยุ่มย่ามกับร้านค้าเพลเลส’ ด้วยนะครับ”
คำพูดของเครย์ลีบันทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าจินตนาการถึงอนาคตของตัวเองขึ้นมาได้
ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักซีดเผือดไร้สีเลือด แข้งขาพลันอ่อนแรงจนเหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องลากตัวหิ้วออกไปจากร้าน