เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 141.1
ตอนที่ 141
“หืม ไหนดูสิ ปู่เองก็อยากลองฟังดูเหมือนกันว่าหลานสาวปู่มีความคิดอะไรดีๆ”
ท่านปู่เอ่ยกับเธอ
ก่อนอื่นปฏิกิริยาของท่านปู่ก็ไม่ได้แย่นักอันที่จริงเธอเองก็ไม่ได้ใจกล้าอะไรขนาดนั้นหรอก ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้จึงค่อยลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกได้หน่อย
การเสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องทางเหนือให้ท่านปู่ฟัง มันเป็นคนละเรื่องกับการขอใช้อำนาจในฐานะทายาทของเจ้าตระกูล เพื่อเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของลอมบาร์เดียอย่างสิ้นเชิง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป ก่อนจะเปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง
“ที่จริงแล้ว อาจารย์เครย์ลีบันมักจะถามความเห็นข้าเกี่ยวกับงานของร้านค้าอยู่บ่อยๆ น่ะค่ะ”
“เครย์ลีบันน่ะหรือ”
ท่านปู่เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเครย์ลีบันเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่ท่านปู่ให้การยอมรับ
แต่เครย์ลีบันคนนั้นกลับปรึกษาหารือเรื่องงานกับเธอ
เธอรู้สึกได้ว่า แววตาของท่านปู่ที่มองเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ค่ะ และเมื่อเช้าก็เหมือนกัน เกี่ยวกับเรื่องดินถล่มทางเหนือน่ะค่ะ”
“อืมม งั้นเหรอ เทียเองก็ได้ยินแล้วสินะ”
“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ ค่ะ”
ท่านปู่มองใบหน้าเศร้าหมองของเธอพลางพยักหน้าลง
“เพราะฉะนั้นระหว่างที่ปรึกษากันอยู่ ก็มีพูดถึงหลายเรื่องค่ะ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งร้านค้าเพลเลส ทั้งลอมบาร์เดียเลยค่ะ”
ท่านปู่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่มองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง
เอาแต่ยิ้มกว้างมองเธอ และเพียงไม่นานก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง ‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ แต่มันมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากภาพลักษณ์ปกติของท่านปู่ที่เธอเคยเห็นนัยน์ตาคู่นั้นดูจริงจังและลึกซึ้งกว่าอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ก่อนหน้านั้นปู่มีเรื่องอยากจะถาม เทีย”
ท่านปู่ถามเธอเสียงทุ้ม
“จากเหตุดินถล่มทางเหนือในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าพวกเราลอมบาร์เดียควรจะแสดงท่าทีเช่นไร”
“ช่วยทางเหนือสิคะ เหตุดินถล่มมันก่อให้เกิดความเสียหายมากเลยไม่ใช่เหรอคะ”
โล่งอกที่เจ้าตระกูลไอบันยอมฟังไวโอเล็ต เลยไม่เกิดความเสียหายถึงชีวิตเหมือนชีวิตก่อน
แต่ถึงยังไงผู้คนมากมายก็ต้องสูญเสียรากฐานในการดำรงชีวิตไปอยู่ดี
“ข้าคิดว่าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับวิกฤตของผู้ปกปักรักษาอาณาจักรเขตแดนใดเขตหนึ่งไม่ได้ค่ะ”
“เพราะเหตุใดกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราที่อยู่ห่างไกลแบบนี้เสียหน่อย”
“อาณาจักรอาจจะแบ่งออกเป็นแต่ละภาค ตะวันออกตะวันตก ใต้ เหนือ และกลางก็จริง แต่ก็ตัดขาดจากกันไม่ได้ค่ะ”
ไม่ว่าจะชอบหรือเกลียดกันแค่ไหน ตระกูลต่างๆ ก็ต้องเกี่ยวพันกันด้วยการค้าและสายสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบอยู่ดี
จะถอยห่างอยู่เฉยๆ ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของทางเหนือที่แสนห่างไกลไม่ได้เด็ดขาด
“ดูแค่เหมืองแร่อย่างเดียวก็ได้ เขตเหนือต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด กิจการเหมืองแร่ลอมบาร์เดียของพวกเราถึงจะกลับมาเป็นปกติได้นี่คะดังนั้นก็ต้องม้วนแขนเสื้อขึ้น ออกตัวให้ความช่วยเหลือถึงจะถูก แต่ว่า”
“แต่?”
“แต่ข้าคิดว่าเรื่องให้ความช่วยเหลือเขตเหนือครั้งนี้ ยังมีหนทางที่ลอมบาร์เดียของพวกเราจะได้ประโยชน์อยู่ค่ะ”
ท่านปู่ส่งเสียงคราง ‘อืม…’ พลางพยักหน้าลง ก่อนจะเอ่ยถาม
“เช่นนั้นอะไรคือสิ่งที่ต้องทำเป็นเรื่องแรก ในการลงมือช่วยเหลือเขตเหนือล่ะ”
“การบูรณะค่ะ”
เธอตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“การช่วยเหลือในการบูรณะสิ่งก่อสร้าง เพื่อให้ผู้คนทางเหนือได้ลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยกำลังของตัวเอง เป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรกค่ะ และถ้าจะมีอีกอย่าง…ก็คือความรับผิดชอบค่ะ”
“รับผิดชอบ”
ท่านปู่ลูบเคราสั้นในขณะที่เอ่ยเสียงทุ้ม
“ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าตระกูลไอบันเป็นผู้สั่งให้มีการเพิ่มปริมาณการตัดไม้มากขึ้น ความรับผิดชอบในฐานะเจ้าเมืองใหญ่ย่อมมีมากตามไปด้วย”
“นอกจากไอบันแล้ว ข้าคิดว่ายังมีอีกตระกูลหนึ่งที่ต้องแบ่งเบาความรับผิดชอบเรื่องเหตุดินถล่มค่ะ”
เธอมองท่านปู่ด้วยนัยน์ตาไม่เหลือรอยยิ้ม
“ท่านปู่ล่ะคะ คิดยังไง”
“…ความคิดของหลานเองก็เหมือนกับความคิดปู่ แบบนี้ช่างดีเสียจริง”
ท่านปู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากทั้งสองข้างจะกระตุกยิ้ม
เธอเองก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสมากกว่าเดิม
“แน่นอนว่ายังไงก็ต้องช่วยเหลือทางเหนือให้ฟื้นตัวได้อย่างปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ!”
“ใช่ ใช่แล้ว!”
“และในขั้นตอนนั้น พวกเราลอมบาร์เดียก็เอาเครดิตให้ตัวเองด้วยค่ะ!”
“เอาเครดิตยังไงรึ”
ท่านปู่เท้าข้อศอกลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้ สองมือประสานกันไว้กลางอากาศ ขณะที่เอ่ยถามขึ้น
มันเป็นหนึ่งในนิสัยที่เคยชินของท่านปู่เวลาตั้งใจอยู่กับอะไรสักอย่าง
“ร้านค้าเพลเลสครอบครองท่อนไม้ทรีบ้าเอาไว้เป็นจำนวนมากค่ะ ท่านปู่ อาจารย์เครย์ลีบันบอกว่าอยากจะคืนมันกลับไปให้ทางเหนือค่ะ”
“เครย์ลีบันคิดแบบนั้นเหรอเนี่ย เป็นเรื่องที่ไม่สมกับเป็นเขาเลยจริงๆ แต่ก็น่าชื่นชมนัก”
ท่านปู่ยกยิ้มพลางกล่าวเช่นนั้น
“ใช่มั้ยล่ะคะ ขายให้อังเกนัสตอนนี้น่าจะได้เงินไม่อั้นเลยแท้ๆ”
หากเป็นนิสัยของเครย์ลีบันละก็ บางทีคงจะยอมขายไม้พวกนั้นให้อังเกนัสโดยไม่ลังแลแม้แต่นิดเดียวไปแล้ว
เพราะจะได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นจำนวนมหาศาล
ยิ่งตอนนี้ปริมาณความต้องการของต้นทรีบ้าทางเหนือมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าที่มีอังเกนัสย่อมต้องวิ่งเต้นจนนัยน์ตาลุกเป็นไฟ กระเสือกกระสนต้องการไขว่คว้าครอบครองมันให้ได้มากที่สุดอยู่แล้ว
แต่คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดของร้านค้าเพลเลสคือเธอคนนี้
และต้นทรีบ้าพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอตั้งใจรวบรวมไว้เพื่อเหตุดินถล่มที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ตั้งแต่แรก
ไม่เสียดาย ‘เงินที่ควรจะหามาได้’ เลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการรีดไถเงินจากพวกอังเกนัส