เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 141.2
“อาจารย์เครย์ลีบันคิดที่จะขายต้นทรีบ้าในครอบครอง กลับคืนไปให้พวกตระกูลทางเหนือรวมถึงตระกูลไอบัน เพื่อให้พวกเขานำไปใช้ในการฟื้นฟูสิ่งก่อสร้างค่ะ ขายให้โดยไม่คิดค่าขนส่งด้วย และข้าก็อยากให้ลอมบาร์เดียเข้ามาร่วมในเรื่องนี้ค่ะ”
“ฟังดูไม่เหมือนกับบอกให้ลอมบาร์เดียเป็นผู้ซื้อไม้ส่งไปทางเหนือเลยนะ”
“สิ่งที่เขตแดนซึ่งประสบภัยต้องการมากพอกันกับวัสดุที่แข็งแกร่ง ยังมีนายช่างมากฝีมืออยู่ด้วยไม่ใช่เหรอคะ ท่านปู่”
“พูดถึงนายช่างวิศวกรทั้งหลายของกลุ่มก่อสร้างลอมบาร์เดียนี่เอง”
ว่าแล้วเชียวท่านปู่มองความคิดของเธอออกได้ในทันทีเลย
“แน่นอนว่าคงจะงานยุ่งเพราะโครงการพัฒนาอังเกนัสด้วย แต่ว่า…”
เธอพึมพำเสียงค่อย ในขณะที่แอบลอบสังเกตท่าทีของท่านปู่ไปด้วย
เป็นอย่างที่เธอคิดไม่มีผิด
พอเรื่องโครงการพัฒนาอังเกนัสหลุดออกมาจากปากเธอ ใบหน้าของท่านปู่ก็พลันบึ้งตึงในทันที
เบเจอร์ไม่เพียงแต่ทำสัญญาน่าขันอย่างการรับเงินค่าจ้างในภายหลัง แต่ในตอนนี้ยังขาดวัสดุอย่างไม้ขึ้นมาอีก ทำให้การก่อสร้างทั้งหมดต้องหยุดชะงัก
ท่านปู่เองก็คงจะกังวลมากทีเดียวแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
เพียงไม่นานท่านปู่ก็เอ่ยว่าเสียงขรึม
“นายช่างกลุ่มที่สองกำลังจะเดินทางไปสมทบกับทางภาคตะวันตกพอดี ให้พวกเขาแวะเขตเหนือเสียก่อน ก็ไม่เสียหายอะไรนัก”
“ถ้าอย่างนั้น…?”
“ได้ ปู่จะส่งสารไปหาเครย์ลีบันเอง”
เรียบร้อย
แบบนี้ทางเขตเหนือโดยเฉพาะตระกูลไอบันก็จะติดหนี้บุญคุณทั้งลอมบาร์เดียและร้านค้าเพลเลสในคราวเดียว
“อ๊า คงจะเท่น่าดู”
“เท่หรือ หมายถึงอะไร”
“การประชุมใหญ่ในอีกไม่กี่วันให้หลังน่ะค่ะ ถ้าท่านปู่พูดว่า ‘ลอมบาร์เดียจะช่วยเหลือทางเขตเหนือเช่นนี้!’ คงจะดูเท่มากเลยละค่ะ!”
ความเท่เหนือระดับ ต่างชั้นกับพวกขุนนางคนอื่นๆ ที่เอาแต่หวาดกลัวว่าจะต้องเสียเงินสักเหรียญในการให้ความช่วยเหลือกู้ภัย!
นี่แหละ ถึงจะสมกับเป็นลอมบาร์เดีย!
“ฮ่าฮ่า เด็กคนนี้นี่นะ”
ท่านปู่หัวเราะฮ่าฮ่า ดูจะชอบใจกับคำพูดของเธอ
เธอฉวยจังหวะนี้ยื่นข้อเสนอเพิ่มทันที
“ก่อนจะถึงการประชุม ท่านปู่เรียกตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันมาพูดคุยด้วยตัวเองก่อนดีมั้ยคะ เดิมทีข่าวดีๆ แบบนี้ ต้องบอกกันต่อหน้าถึงจะถูกไม่ใช่เหรอคะ!”
ไม่รู้หรอกว่ามีคำกล่าวเช่นนั้นอยู่จริงๆ หรือเปล่า แต่มันก็ต้องทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ!
คำพูดของเธอทำให้ท่านปู่หยุดคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองทำดูเป็นยังไงล่ะ”
“…คะ”
“เจ้าลองพูดกับตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเองโดยตรงเป็นเช่นไร”
คราวนี้เธอตกใจมากจริงๆ
ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าตระกูลไอบันมาเองก็เถอะ แต่ยังไงก็เป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ตัวแทนเจ้าตระกูล’ อย่างเป็นทางการ
สนทนากับคนเช่นนั้นโดยตรงอย่างนั้นเหรอนี่มันเรื่องใหญ่สุดๆ ไปเลย!
เธอเหม่อมองท่านปู่ที่เฝ้ารอเธออยู่เงียบๆ ไม่เร่งรัดอะไร
ท่านปู่จะคิดว่าเธอจะตอบอะไรกันนะ
ภายใต้ใบหน้าที่ยังคงดูอ่อนโยนเหมือนเคยนั่นจะคาดหวังอะไรอยู่
เธอเอ่ยตอบออกไปอย่างมั่นใจ
“หากเชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าก็จะขอลองทำให้เต็มที่เลยค่ะ ท่านปู่”
ในวินาทีนั้นเอง ทั่วทั้งใบหน้าของท่านปู่ก็เบิกบานไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“อืม งั้นก็ให้เจ้าลองรับหน้าที่นี้ดูสักครั้งก็แล้วกัน เทีย”
ท่านปู่ตบไหล่เธอเบาๆ
* * *
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน ลอนเชนต์ ไอบันกำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองของวังจักรพรรดินีด้วยใบหน้านิ่งเกร็ง
หลังจากทราบข่าวน่าสลดในที่ประชุมเมื่อวาน เขาก็คิดอะไรไม่ออก สติล่องลอยจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปได้ยังไง
หลังจากออกจากพระราชวัง เดินทางกลับคฤหาสน์ เขาก็ได้รับสารที่บอกเรื่องราวโดยละเอียดมากขึ้นจากบิดาผู้เป็นเจ้าตระกูลไอบัน
เทียบกับขนาดของดินถล่มแล้ว โล่งอกที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตมากมายอะไรขนาดนั้น
ได้ยินว่าเป็นเพราะใครสักคนจากร้านค้าเพลเลสนี่แหละ ที่เข้ามาช่วยแจ้งข่าวเตือนให้พวกเขาตั้งตัวรับมือล่วงหน้าได้ทันเวลา
สะพานที่เชื่อมต่อเส้นทางการค้าถูกตัดขาด กำแพงป้อมปราการสำคัญของทางเหนือก็พังครืนลงมาอยู่หลายแห่ง
แต่ของพวกนั้น…หากพลเมืองยังปลอดภัยดี ยังไงก็ยังพอจะฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ
ในจุดนี้จะกล่าวว่าเหตุดินถล่มคราวนี้ สวรรค์ได้ทรงประทานความช่วยเหลือลงมาให้ก็ได้
แต่หัวใจของลอนเชนต์กลับหนักอึ้ง ไม่สัมพันธ์กับเรื่องพวกนั้น
การที่ฝนตกลงมาหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันอาจจะเป็นประสงค์ของสวรรค์ก็จริง แต่การบุ่มบ่ามตัดต้นไม้ในภูเขาอย่างไร้หัวคิด มันเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้ลงมือกระทำ
เป็นเรื่องที่ตระกูลไอบันเป็นคนตัดสินใจ
เพื่อที่จะส่งมอบไม้ให้แก่อังเกนัส เขาถึงกับดึงตระกูลอื่นๆ เข้ามาช่วยด้วย
ไม่เพียงแค่ที่ดินตระกูลไอบันเท่านั้น กระทั่งภูเขาในครอบครองของตระกูลอื่น พวกเขาก็ยังดึงดันให้ช่วยกันโค่นต้นทรีบ้าลง เพื่อตัดเป็นท่อนไม้ส่งให้แก่อังเกนัส
“เฮ้อ…”
เกี่ยวกับเหตุดินถล่มคราวนี้ ทุกคนในตระกูลไอบันจำเป็นต้องรับผิดชอบ
เรื่องนั้นกระทั่งตัวลอนเชนต์ ไอบันเองก็เช่นกัน
เมื่อไม่นานมานี้ลอนเชนต์เป็นคนส่งสารกลับไปหาตระกูล บอกให้พวกเขาเพิ่มการตัดไม้ เพื่อตอบสนองกับข้อเรียกร้องของอังเกนัส
แต่ที่เขามาเยือนวังจักรพรรดินีในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อกล่าวโทษอังเกนัสแต่อย่างใด
เช้าตรู่วันนี้มีสารฉบับหนึ่งจากไอบันส่งมาถึงเขา
ทันทีที่ได้รับสารฉบับนั้น ลอนเชนต์ ไอบันก็วิ่งมายังวังจักรพรรดินีในทันที
แต่กว่าจะได้พบจักรพรรดินี เวลาก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงให้หลังอย่างเพลานี้
เพราะจักรพรรดินีจะตื่นบรรทมหลังเที่ยงวัน
ราวกับเป็นเรื่องปกติ กระทั่งนางกำนัลที่ช่วยเอาขนมกับน้ำชามาให้ลอนเชนต์ระหว่างรอ ก็ดูสงบเสงี่ยมไม่ได้กระวนกระวายใจอะไร
โดยไม่ได้รู้เลยว่าในใจลอนเชนต์ร้อนเป็นไฟแค่ไหน
แต่จะบุ่มบ่ามไปปลุกจักรพรรดินีให้ตื่นก็ไม่ได้
บางทีปล่อยให้จักรพรรดินีได้หลับใหลอย่างสบายใจต่ออีกเสียหน่อย นั่นอาจจะเป็นความเห็นใจที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะช่วยพระองค์ได้
เพราะต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็จะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี
“องค์จักรพรรดินีเสด็จ”
ในตอนนั้นเองจักรพรรดินีราวีนี่ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
“มีธุระอะไรตั้งแต่เช้าแบบนี้คะเนี่ย ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน”
“เรื่องนั้น…”
ลอนเชนต์ไอบันได้แต่ลังเลว่าจะเปิดปากพูดเรื่องนี้ออกไปยังไงดี
และต้องขยับปากอยู่หลายครั้ง กว่าจะพูดคำคำนั้นออกไปได้
ข่าวน่าสลดที่ส่งตรงมาจากเขตแดนไอบัน
“เสียใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี เจ้าตระกูลอังเกนัสเสียชีวิตจากเหตุดินถล่มในครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ”