เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 150.2
“ละ ลอมบาร์เดีย…”
ราโมนาตกใจจนพูดตะกุกตะกัก
เพราะบรรยากาศที่แผ่กระจายรอบตัวและเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทำให้นางเองก็คิดอยู่ว่าคนตรงหน้าน่าจะเป็นชนชั้นสูงแต่คนที่อยู่ตรงหน้านางคือ ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ‘คนนั้น’ อย่างนั้นหรือเนี่ยในไอบันช่วงนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้อย่างแน่นอน
ตัวแทนตระกูลลอมบาร์เดียผู้เดินทางมาให้ความช่วยเหลือเขตแดนเหนือ บุตรสาวเพียงคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ผู้เป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันและสหายในวัยเยาว์ของเจ้าชายเฟเรส
ราโมนาได้แต่ยืนนิ่งไม่อาจลบสีหน้าโง่งมไปจากใบหน้าได้เลย
“ความช่วยเหลือไปถึงพวกเด็กๆ ไม่มากพอเหรอคะ เห็นเมื่อครู่นี้บอกว่าต้องเย็บเสื้อผ้า…”
“อ๊ะ… พวกเด็กๆ ที่นี่ได้รับเสื้อผ้ากันคนละชุดน่ะค่ะ และได้รับผ้าสำหรับตัดเย็บชุดเพิ่มก็จริง แต่ว่า…”
มอบผ้าให้พวกเด็กๆ ที่บ้านถูกฝังอยู่ใต้ดินถล่ม หรือบางทีกระทั่งครอบครัวของพวกเขาก็อาจจะอยู่ใต้นั้นไป พวกเขาย่อมไม่มีทางตัดเย็บเสื้อผ้าขึ้นมาได้เองอยู่แล้ว
“เจ้าหน้าที่คนไหนจัดการงานแบบนี้เนี่ย”
“คะ”
ฟีเรนเทียพึมพำอะไรบางอย่างที่นางไม่อาจทราบความหมายได้ ก่อนจะเอ่ยถามราโมนา
“เมื่อครู่นี้บอกว่า ทำงานให้กับกลุ่มการค้าโมนัคใช่มั้ยคะ ดูเหมือนกลุ่มการค้าโมนัคจะไม่ค่อยว่างช่วยเหลือเด็กๆ พวกนี้สินะคะ”
คำถามตรงไปตรงมาของฟีเรนเทียทำให้ราโมนารู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย แต่ก็ยังแก้ตัวออกไป
“ขะ ข้าเองก็ใช้เงินส่วนตัวซื้ออาหารให้พวกเด็กๆ …”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่คุณราโมนา แต่เป็นกลุ่มการค้าโมนัคค่ะ เรื่องแค่นั้นก็น่าจะพอช่วยได้นี่นา”
“รายได้ของกลุ่มการค้าจะนำไปใช้เพื่องานที่ใหญ่กว่านั้นน่ะค่ะ”
“งานใหญ่กว่านั้น…” ฟีเรนเทียมองราโมนาด้วยนัยน์ตาแปลกพิกล
ไม่ใช่โมโหเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ถลึงตาจ้องกันด้วยความขุ่นเคือง
แต่ไม่รู้ทำไมภายใต้แววตานั่น ถึงได้ทำให้ราโมนารู้สึกตัวหดลีบลงเสียได้
“ลองถามคุณ…เจ้าของร้านค้าดูสักครั้งนะคะ เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เสียดายเงินพวกนั้นหรอกค่ะ”
“รู้จักท่านเจ้าของกลุ่มการค้าของพวกเราด้วยเหรอคะ”
ลุงโนเชียร์รู้จักกับท่านนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
ราโมนาเอียงคอด้วยความงุนงง
“อ๊ะ พอดีว่า…นิดหน่อยน่ะค่ะ เมื่อก่อนหน้านี้เคยพบกันในงานเปิดตัวกิจการน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นนี่เอง…”
“อะแฮ่ม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระต้องทำ ทำเรื่องดีๆ แบบนี้ เหนื่อยหน่อยนะคะ”
“เป็นเกียรติที่ได้พบค่ะ ท่านฟีเรนเทีย” ราโมนากล่าวลาอย่างนอบน้อม
มันเป็นมารยาทที่สามัญชนพึงกระทำต่อชนชั้นสูง
“อืมม”
ฟีเรนเทียหยุดชะงักไปชั่วขณะ มองภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยว่า
“แล้วพบกันใหม่นะคะ คุณหนู”
“ค่ะ ท่านฟีเรนเทีย”
ราโมนาโค้งศีรษะลงโดยไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วนางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่นี้ฟีเรนเทียใช้คำเรียกขานนางว่าอะไร
“…หรือจะพูดผิด”
ในตอนที่นึกขึ้นได้จึงรีบเงยหน้าขึ้น แต่ฟีเรนเทียก็กำลังเดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ไกลๆ โดยมีไวโอเล็ตจากร้านค้าเพลเลสคอยดูแลอยู่ข้างกายเสียแล้ว
ไวโอเล็ตกำลังช่วยจัดการความเรียบร้อยของชุดที่ฟีเรนเทียสวมอยู่ด้วยความรักใคร่ ฟีเรนเทียเองก็ดูเหมือนจะกำลังสั่งงานอะไรบางอย่างกับไวโอเล็ตอยู่
ภาพที่เห็นนั่น ดูแล้วช่างเหมือนกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์และผู้ดูแลประจำตัวจริงๆ ราโมนาจึงได้แต่อ้าปากค้าง
สำหรับนางแล้ว ไวโอเล็ตเป็นคู่แข่งที่นางไม่ได้อยากมี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนร้านค้าเพลเลส
“ว่าแล้วเชียว เป็นท่านที่น่าทึ่งจริงๆ …” ราโมนารู้สึกอยากจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แต่ก็นะ เพราะเป็นคนแบบนั้นยังไงล่ะ ถึงกลายเป็นสหายที่เจ้าชายหวงแหนได้
ไวโอเล็ตเดินตรงเข้ามาหาราโมนาซึ่งกำลังปลอบใจตัวเองที่ดันรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
“คุณราโมนา”
“คะ คุณไวโอเล็ต”
ไวโอเล็ตเป็นคนที่ขนาดผู้หญิงด้วยกันมองยังรู้สึกว่านางช่างแสนเท่นัก นางกำลังยิ้มใจดีให้แก่ราโมนา
“ใกล้ๆ นี่มีอาคารที่ทางร้านค้าเพลเลสของพวกเราเป็นเจ้าของอยู่ค่ะ ถ้าเป็นที่นั่น พวกเด็กๆ น่าจะวิ่งเล่นกันได้อย่างปลอดภัยนะคะ คิดเช่นไรคะ”
“จริงหรือคะ ขอบคุณค่ะ คุณไวโอเล็ต!”
“รอตรงนี้สักครู่นะคะ”
ไม่นานหลังจากนั้น ราโมนาก็เรียกพวกเด็กๆ ให้มารวมตัวกัน แล้วพากันเดินตามไวโอเล็ตไปยังสถานที่ดังกล่าวทันที
“ว้าว…”
มันเป็นอาคารสองชั้นขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกใช้งาน
แต่ภายในกลับถูกทำความสะอาดและจัดการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งยังอบอุ่นไปด้วยแสงแดดที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาในตัวตึก
“ว้าว น่าทึ่งสุดๆ !”
“ไม่หนาวเลยสักนิด!”
พวกเด็กๆ ตื่นเต้นจนหัวเราะคิกคัก วิ่งเล่นกันไปทั่ว
“อยู่ที่นี่กันไปก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะนำเก้าอี้ที่นั่งสบาย หรือผ้าห่มผืนหนาๆ มาให้นะคะ และก็…”
ทันทีที่ไวโอเล็ตยกมือขึ้นให้สัญญาณ คนหลายคนก็เดินถือกล่องขนาดใหญ่เดินกรูเข้ามา ก่อนจะวางพวกมันลงแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
“นี่อะไรเหรอคะ ท่านไวโอเล็ต”
“เสื้อผ้าของพวกเด็กๆ ค่ะ เสื้อผ้าพวกนี้เป็นชุดสำเร็จรูปของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน เพราะฉะนั้นสามารถสวมใส่ได้ทันที”
“อ๊า…” ราโมนาตกใจจนยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปาก
“พวกเด็กๆ จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ค่ะ!” นัยน์ตาของราโมนาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณนะคะ คุณไวโอเล็ต!” ราโมนาเอาแต่ผงกหัวขอบคุณไม่หยุด
ไวโอเล็ตยิ้มมองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ของพวกนี้ ไม่ใช่ข้าหรอกค่ะที่เป็นคนมอบให้ คุณราโมนา”
“ถ้าอย่างนั้น…”
“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย อยากช่วยเหลือคุณราโมนาที่ทำเรื่องดีๆ แบบนี้ เลยไหว้วานข้าให้นำพวกมันมาให้น่ะค่ะ”
“ทั้งอาคารหลังนี้ ทั้งเสื้อผ้าพวกนั้นก็ด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ ท่านฟีเรนเทียเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของท่านเครย์ลีบัน เพลเลส ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสน่ะค่ะ แน่นอนว่ายังเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันด้วยค่ะ”
“ยะ อย่างนั้นนี่เอง…”
ราโมนามองเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ในอาคาร สลับกับเสื้อผ้าที่วางกองพะเนินอยู่มุมหนึ่ง
บุคคลที่สามารถทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพียงแค่คำพูดคำเดียว
นี่สินะ อำนาจของคนที่มีนามว่า ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย
ในตอนที่ราโมนากำลังคิดแบบนั้น ไวโอเล็ตก็ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่ามา
“ดูเหมือนคุณราโมนาจะทำให้ท่านฟีเรนเทียประทับใจมากนะคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแท้ๆ ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ”
ไวโอเล็ตกล่าวชมจากใจจริง แต่สีหน้าของราโมนากลับไม่อาจสดใสได้อย่างที่เคย
‘คนแบบนั้นเป็นสหายของเจ้าชาย… ‘
ใจของราโมนาที่เคยสะอาดและสดใสเหมือนดังท้องฟ้าปลอดโปร่งยามแดดออก กลับปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มเสียแล้ว