เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 156.1
ตอนที่ 156
สิ่งที่ปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหลเป็นเพียงแค่เสียงแผ่วเบามากจนแทบไม่ได้ยิน
เสียง ‘แกรก’ จากการหมุนลูกบิดประตูแล้วปล่อยมือออก
เมื่อฟื้นคืนสติจากเสียงนั่น เธอก็ลืมตาขึ้น
แต่ตรงหน้าเธอยังคงมืดเหมือนเดิม
ชั่วขณะเธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
หรือเธอจะแค่ฝันไปเอง
ที่จริงแล้วเธอยังถูกขังอยู่ในรถม้าอย่างนั้นเหรอ
แต่สัมผัสอ่อนนุ่มของผ้าห่มยามที่มือเอื้อมออกไปสัมผัสตามสัญชาตญาณ ก็ทำให้เธอรู้ความจริงว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ร่างกายที่กระตุกเกร็งจึงค่อยผ่อนคลายลงด้วยความโล่งใจและพลันนึกขึ้นมาได้
เธอขยับมือขึ้นลูบบริเวณนัยน์ตา
ว่าแล้วเชียว ถูกปิดตาเอาไว้ด้วยที่ปิดตานี่เอง
เพราะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน หากลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นแสงสว่างในทันที อาจจะทำให้นัยน์ตาได้รับบาดเจ็บได้
ใครบางคนช่วยทำแบบนี้ให้เพื่อเธอ
พอคิดได้แบบนั้นก็ค่อยรู้สึกวางใจขึ้นมาและเริ่มรู้สึกได้ถึงข้อมูลต่างๆ รอบกายผ่านทางโสตประสาทด้านอื่นแทนการมองเห็น
กลิ่นฟืนยามเปลวไฟแผดเผา
สัมผัสนุ่มและอบอุ่นของชุดเครื่องนอน
และเสียงพูดคุยห่างออกไปไม่ไกลนัก
“ทำไมยังไม่ฟื้นอีก ไม่ใช่ว่าได้รับบาดเจ็บหนักตรงไหนหรือ”
อ๊ะ คิลลีวูนี่นา
“นอนมาสามวันแล้วนะ ไม่ต้องปลุกเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำกว่าเสียงของคิลลีวูเล็กน้อย นั่นเมโลนแน่ๆ
“ท่านฟีเรนเทียเพียงแค่เหนื่อยล้าค่ะ บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บก็มีแค่หน้าผากเท่านั้น อย่ากังวลเลยค่ะ”
เอสทีร่าเองก็มาด้วยเหรอเนี่ย
พอได้ยินเสียงของผู้คนที่คุ้นเคยดังขึ้นมาแทนความเงียบทำเอาเธอได้แต่หลุดยิ้ม
รู้สึกราวกับต่อให้นอนอยู่แบบนี้อีกหลายชั่วโมงแอบฟังพวกเขายังทำได้เลย
“ทั้งสองท่านไหล่เป็นยังไงบ้างคะ”
เอสทีร่าเอ่ยถาม
“ข้าไม่เป็นไร แต่คิลลีวูร้องครวญครางทั้งคืนเลยครับ”
เมโลนตอบ
“อืมม สงสัยคงเป็นเพราะใช้ออร่ามากขนาดนั้นเป็นครั้งแรก ขอครีมทาแก้ปวดเพิ่มอีกหน่อยได้มั้ยครับ ดอกเตอร์เอสทีร่า มันทั้งเย็นสบายและยังได้ผลดีด้วย”
“ได้สิคะ จะเอากี่กระปุกก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นทาให้หนาๆ เลยไม่ต้องเสียดายนะคะ ท่านคิลลีวู”
ท่าทางเอสทีร่าจะพูดถึงยาขี้ผึ้งสินะ
ในตอนนั้นเอง เมโลนก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านอาเองก็ต้องทาด้วยไม่ใช่เหรอครับ เมื่อวานก็ยุ่งอยู่กับการตอบจดหมายจนดึกดื่นเลยนี่นา”
“ฮ่าฮ่า งั้นข้าเองก็ทาสักหน่อยดีมั้ยนะ เริ่มรู้สึกปวดข้อมือขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว”
อ๊ะ ท่านพ่อ
เสียงอ่อนโยนเจือเสียงหัวเราะนั่น เป็นเสียงของท่านพ่อแน่ๆ
ระยะทางมาถึงไอบันนี่ก็ตั้งไกล แล้วนี่มาได้ยังไงกันเนี่ย
“มีจดหมายถามข่าวคราวของท่านฟีเรนเทียส่งมาเยอะมากเลยเหรอคะ”
เอสทีร่าถามท่านพ่อ
“อย่าให้พูดเลยครับ ท่านพ่อ พี่ชานาเนส กระทั่งลาลาเน่กับเครนีย์ก็ด้วย วันหนึ่งส่งนกพิราบด่วนบินจากลอมบาร์เดียมาถึงที่นี่กันตั้งหลายรอบเลยละครับ ถ้าคุณเครย์ลีบันไม่ช่วยข้าตอบจดหมาย คงได้ถ่างตาทั้งคืนแน่กว่าจะตอบหมดนั่น”
“ทุกท่านเป็นห่วงกันมากนี่คะ หุหุ ถ้าท่านฟีเรนเทียฟื้นขึ้นมา ทุกคนคงจะได้ยินเหมือนกันหมดแน่เลยค่ะ ว่าทำไมถึงได้ใช้นกพิราบด่วนกันพร่ำเพรื่อแบบนั้น”
“ฮ่าฮ่า น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ”
เสียงหัวเราะของท่านพ่อทำเอาเธอหลุดหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่พยายามกลั้นไว้แทบตาย
“จดหมายที่ถูกส่งมาคราวนี้ ข้าจะเป็นคนตอบเองนะคะ พ่อ”
“เทีย!”
เมื่อได้ยินเสียงทุกคนรีบวิ่งกรูกันมายังเตียงที่เธอนอนอยู่ทันที
“นี่ยังอยู่ไอบันใช่มั้ยคะ ทุกคนมาทำอะไรกันที่นี่คะเนี่ย”
เธอหัวเราะพลางเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าต้องวิ่งมาทันทีที่ได้ยินข่าวเทียสิ!”
“ใช่แล้วละ!จากลอมบาร์เดียมาถึงที่นี่ พวกเราใช้เวลาแค่สี่วันเองนะ!”
“รู้มั้ยว่าพวกเราเป็นห่วงเทียมากแค่ไหน”
สองแฝดรีบแย่งกันตอบอย่างรวดเร็ว
“ข้ามาถึงเมื่อวานนี้ค่ะ ท่านฟีเรนเทีย เพราะนั่งรถม้ามาเลยมาถึงช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่หรอก จากลอมบาร์เดียมาถึงที่นี่ข้ายังใช้เวลากว่าสิบวันเลยละมั้ง ถ้ามาถึงเมื่อวาน แสดงว่าเจ้าเองก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยสินะ ขอบใจมาก เอสทีร่า”
“ที่ปิดตาคงอึดอัดมากใช่มั้ยคะ ข้าปล่อยให้ในห้องมืดก็จริง แต่แสงก็อาจจะแรงไป เลยปิดเอาไว้ก่อนน่ะค่ะอีกเดี๋ยวพอตกค่ำค่อยลองถอดที่ปิดตาออก ก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้วนะคะ”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
เธอสนทนาอยู่กับเอสทีร่า แล้วจู่ๆ ก็พลันนึกขึ้นมาได้
ว่ามีใครคนหนึ่งเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
“พ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“…เทีย”
โธ่…ว่าแล้วเชียว เสียงของท่านพ่อสั่นเครือเจือไปด้วยเสียงสะอื้นไห้
ท่านพ่อผู้แสนขี้แยของเธอ
“ข้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย คงจะตกใจมากเลยใช่มั้ยคะ ขอโทษนะคะ”
เธอหันหน้าไปมองฝั่งที่ได้ยินเสียงของท่านพ่อ จงใจยิ้มสดใสให้ท่านเห็นพลางเอ่ยว่า
“ไม่สิ ทำไมถนนต้องถล่มลงมาตอนข้าผ่านพอดีด้วยนะ โชคไม่ดี…”
ได้แต่หยุดชะงักพูดอะไรต่อไม่ออกเพราะปลายนิ้วสั่นเทาที่เอื้อมมาสัมผัสเรือนผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากของเธอเล็กน้อย
“…ใช่แล้ว โล่งอกไปทีที่ไม่เป็นอะไร โล่งอกจริงๆ”
ต่อให้ไม่มองก็รู้ได้ว่าตอนนี้ท่านพ่อมีสีหน้าแบบไหน
เธอกุมมือของท่านพ่อเอาไว้ในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พ่อ”
ท่านพ่อเอาแต่ลูบหน้าผากเธอโดยไม่พูดอะไร
ฝ่ามือใหญ่ของท่านพ่อทำให้เธอรู้สึกโล่งใจได้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ท่านอีกครั้ง
พอได้ดื่มด่ำกับความสุขที่เกิดขึ้นอยู่อย่างนั้นสักพัก จู่ๆ ความอยากรู้อยากเห็นเรื่องอื่นก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“แล้วท่านมิเคนเต้ ไอบันล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง ฝ่ายนั้นปลอดภัยดีมั้ยคะ”
คำตอบดังขึ้นมาจากเอสทีร่า
“เพราะปล่อยให้ขาหักอยู่หลายวัน คงจะมีผลข้างเคียงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็กำลังฟื้นตัวอย่างราบรื่นดีค่ะ”
“ผลข้างเคียงที่ว่า…”
“บางทีขาข้างหนึ่งอาจจะเดินกะเผลกน่ะค่ะ”
“อา…”
ก็ว่ารูปทรงขาดูแปลกไปนิดหน่อย ที่แท้ขาก็หักนี่เอง
ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมสภาพถึงได้ดูย่ำแย่กว่าเธอมากนัก
“แล้วเฟเรสล่ะคะ”
“ทำไมจู่ๆ ถามถึงเจ้าชายล่ะ”
ท่านพ่อถามเธอด้วยความสงสัย
“ข้าถูกฝังอยู่ข้างใต้นั่น เฟเรสไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ อยู่แล้วนี่คะ”