เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 158.2
เล่ม 4 บทที่ 158.2
พวกเราออกมาจากบ้านแล้วพากันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทาง
บางครั้งก็พบพวกลูกจ้างในคฤหาสน์ที่บังเอิญเดินผ่านมา พวกเขามองเธอกับอาบีน็อกซ์ด้วยนัยน์ตาแฝงความอยากรู้อยากเห็น
เธอเดินไปรอบๆ คฤหาสน์โดยจงใจใช้เส้นทางที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากพอสมควร
อาบีน็อกซ์กอดซองเอกสารที่เธอมอบให้เขาเมื่อครู่นี้ไว้แนบอกขณะเดียวกันก็เริ่มเล่าเรื่องราวทางตะวันออกให้เธอฟัง
“ถึงแม้จะไม่ใช่เขตแดนของตระกูลรูมัน แต่หากมุ่งหน้าไปตามชายหาดเหนือขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะพบกับเขตแดนคิทอเวลครับ ชายทะเลสีเขียวมรกตของที่นั่นน่ะมีชื่อเสียงโด่งดังแม้กระทั่งในเขตแดนตะวันออกด้วยกันเองครับ!”
“อ๊ะ เขตแดนของคุณหนูทิลเลียน่า คิทอเวลสินะคะ”
“ครับ ใช่แล้วละครับ ยังจำทิลเลียน่าได้ด้วยเหรอครับเนี่ย!”
“จำได้สิคะ เพราะนางข้าถึงเปิดตัวได้อย่างรอดปลอดภัยเชียวนะ จนถึงเมื่อหลายปีก่อนพวกเรายังส่งจดหมายหากันอยู่เลย…”
“ที่จริงแล้วทิลเลียน่าน่ะ เดิมทีร่างกายค่อนข้างอ่อนแอครับ เมื่อสามปีก่อนก็ป่วยหนัก แน่นอนว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วละครับ!”
“เหรอคะ โล่งอกไปทีค่ะ”
ระหว่างที่เดินสนทนากันไป เธอก็มาถึงสถานที่เป้าหมายในที่สุด
เรือนกระจกของลาลาเน่ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกมาทางด้านหลังของคฤหาสน์รอง
ลองแอบมองจากไกลๆ ดูเหมือนลาลาเน่กำลังตั้งอกตั้งใจดูแลดอกไม้ในกระถางอยู่
วันนี้ก็ยังคงงดงามเช่นเคย ไม่แพ้ดอกไม้ที่เจ้าตัวดูแลอยู่เลยสักนิด
“และที่เขตแดนรูมันของพวกเราก็ยังมีอาหารอร่อยๆ อีกมากมาย…”
อาบีน็อกซ์ยังคงเล่าเรื่องเขตแดนตะวันออกอย่างกระตือรือร้น โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าพวกเราเดินมาถึงไหนกันแล้ว
ดูเหมือนจะได้ยินเสียงของอาบีน็อกซ์ จู่ๆ ลาลาเน่ก็เงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา
เพล้ง-!
ลาลาเน่ตกใจจนเผลอทำกระถางดอกไม้ตกลงพื้น
“โอ๊ะ”
อาบีน็อกซ์หยุดชะงักคำพูดทันที เขาหันไปมองลาลาเน่ด้วยนัยน์ตาเบิกกว้างเช่นกัน
อาบีน็อกซ์หยุดยืนขยี้ตาอยู่สองสามรอบ เมื่อตระหนักได้ว่านั่นคือลาลาเน่ตัวจริงเสียงจริง เขาก็รีบวิ่งตรงไปหานางทันที
และคว้ามือลาลาเน่มาจับไว้ ก่อนจะเริ่มสำรวจไปทั่วตัว พลางตะโกนถามเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านลาลาเน่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ บาดเจ็บตรงไหนมั้ยครับ”
“ค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรค่ะ…”
ใบหน้าของลาลาเน่ถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำ ไม่อาจแม้แต่จะดึงมือที่ถูกกอบกุมเอาไว้ออก
“อ๊ะ! ขะ ขออภัยครับ!”
อาบีน็อกซ์เองก็ตระหนักได้ว่าเผลอทำอะไรลงไป จึงรีบปล่อยมือออก แล้วก้าวถอยห่างไปข้างหลังหนึ่งก้าว
แน่นอนว่าใบหน้าของเขาเองก็แดงก่ำไม่แพ้ลาลาเน่เลยละ
“ว่าแล้วเชียว เป็นแบบนี้จริงด้วย”
นับตั้งแต่ตอนที่ได้ยินอาบีน็อกซ์เล่าเรื่องผู้หญิงที่ชอบให้ฟังตอนอยู่ที่ไอบัน เธอก็คิดอยู่ว่าผู้หญิงที่เขาชอบช่างคล้ายคลึงกับลาลาเน่เสียจริง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลาลาเน่จริงๆ เสียด้วย
“พะ พวกนี้เดี๋ยวข้าเก็บให้เองครับ ไปรอทางด้านโน้นก่อนเถอะครับ!”
“มะ ไม่ค่ะ! ข้า…”
“ไม่ครับ!มือจะบาดเจ็บเอาได้นะครับ! เดี๋ยวข้าทำเองครับ!”
ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็ออกตัวขอเป็นฝ่ายเก็บเศษกระถางที่แตกแทนกันและกัน วุ่นวายกันใหญ่
ลาลาเน่กับอาบีน็อกซ์ที่หน้าแดงก่ำพอกันทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากจริงๆ
เธอเฝ้ามองทั้งสองคนจากไกลๆ
“เหมาะสมกันดีนะเนี่ย”
ลาลาเน่เป็นบุคคลที่เหมือนกับดอกไม้ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีด้วยความทุ่มเทในเรือนกระจกของเจ้าตัว
สำหรับลาลาเน่แล้ว อาบีน็อกซ์ก็เป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่ช่วยสาดส่องลงมา
เธอไม่อยากเห็นลาลาเน่ต้องถูกทิ้งขว้างอยู่ลำพังในสถานที่อันไกลโพ้น เหมือนอย่างในชีวิตก่อนอีกต่อไปแล้ว
ใช่
สำหรับลาลาเน่แล้ว ตะวันออกย่อมดีกว่ามากๆ
สายลมอันแสนอบอุ่น เสียงเพลงหวานหู หากเป็นที่นั่นแล้วละก็ ลาลาเน่ก็คงจะสามารถเบ่งบานได้อย่างงดงามโดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดไม่ใช่หรือ
“หนังสือที่ให้ยืมมาครั้งก่อน ข้าอ่านจบแล้วละค่ะ ท่านอาบีน็อกซ์”
“ดีใจจริงๆ ครับที่ถูกใจ!”
เธอเฝ้ามองทั้งสองคนอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะปลีกตัวออกมาเงียบๆ
ถึงแม้จะเพียงครู่เดียว แต่ก็อยากจะให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามสบายเสียหน่อย
เพราะเมื่อครู่นี้เธอจงใจพาอาบีน็อกซ์เดินไปรอบๆ คฤหาสน์แล้ว ดังนั้นคนอื่นๆ ในคฤหาสน์ก็จะคิดว่า อาบีน็อกซ์มายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเพื่อพบเธอไม่ใช่ลาลาเน่
การที่เธอทำแบบนั้นแล้วพาตัวอาบีน็อกซ์มาที่เรือนกระจกของลาลาเน่แห่งนี้
มันเป็นเรื่องที่เธอสามารถทำเพื่อลาลาเน่ได้ในตอนนี้
เดินเรื่อยเปื่อยตามสวนอยู่ตามลำพัง ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ
ลาลาเน่กับอาบีน็อกซ์อย่างนั้นหรือ
ขนาดคิดอีกครั้ง เรื่องนี้ก็ยังอยู่เหนือความคาดหมายสุดๆ แต่ทั้งสองคนก็เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากจริงๆ
เอาไว้เดี๋ยวเธอคงต้องลองถามลาลาเน่สักหน่อยแล้วละสิเนี่ย
“ที่บอกว่ามีพูดคุยเรื่องคู่หมายนั่น มันเป็นไอ้หนุ่มหน้าไหนกัน”
ผู้ชายคนเดียวกับในอดีตตอนนั้นหรือเปล่า หรือว่าคนอื่น
แค่คิดก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแล้ว
เบเจอร์ ไอ้สารเลว
ในชีวิตใหม่นี่ ก็ยังคงพยายามจับคู่ลาลาเน่ให้แต่งงานกับคนแปลกๆ อีกสิ
ปลายเท้าบดขยี้หินก้อนเล็กที่กลิ้งอยู่ด้วยความหงุดหงิด
พอได้ทำแบบนั้นแล้ว ถึงจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระก็เถอะ แต่ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาได้หน่อย
เธอค่อยๆ เดินตรงกลับบ้านของตัวเองอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ครุ่นคิดไปว่า ต่อไปคงจะต้องเรียกอาบีน็อกซ์มาที่คฤหาสน์บ่อยๆ เสียแล้ว
และพบว่ามีใครคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ
“สวัสดี เทีย”
เฟเรสยืนถือกล่องเค้กจากร้านคาราเมล อเวนิวไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาแวะมาหาเธอเป็นการส่วนตัว