เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 160.1
เล่ม 4 บทที่ 160.1
ตอนที่ 160
อีกด้านหนึ่ง เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ของตระกูลอังเกนัสในเมืองหลวง
“นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
น้องชายของจักรพรรดินี หรือก็คือเจ้าตระกูลอังเกนัสคนใหม่ ดิวอิจ อังเกนัสตวาดเสียงดังลั่นใส่บุคคลที่ขวางหน้าเขาอยู่ในตอนนี้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินตระกูลอังเกนัสแท้ๆ แต่กลับมาควบคุมตัวเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือ!”
ดิวอิจ อังเกนัส เพียงแค่ตั้งใจจะออกไปจากห้องทำงานเพื่อเข้าร่วมวงสังคมเท่านั้นเอง
จนกระทั่งเจอเข้ากับอีเดน ครูสผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินประจำตระกูลอังเกสยืนขวางอยู่หน้าประตู
ครูสไม่แม้แต่จะขยับกายสักนิด ถึงแม้จะได้ยินคำสั่งให้หลีกทางของเจ้าตระกูลก็ตาม
หัวหน้ากองกำลังอัศวินสวมชุดเกราะตัวหนา ร่างกายสูงใหญ่ดั่งภูเขายืนตระหง่านก้มมองดิวอิจอังเกนัสด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เฮ้! มีคนขัดคำสั่งเจ้าตระกูลอังเกนัสอยู่ตรงนี้! มาลากตัวมันไปเดี๋ยวนี้!”
ตะเบ็งเสียงดังจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นบนลำคอ แต่บริเวณโถงทางเดินว่างเปล่าก็ยังคงไร้วี่แววของผู้คน
ราวกับทุกคนต่างก็หลบหนีไปจากบริเวณนี้ เพราะรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิวอิจ อังเกนัสกันอยู่แล้ว
บรรยากาศรอบตัวทำให้จู่ๆ ก็พลันรู้สึกขนลุกชันขึ้นมา
“คราวนี้รู้แล้วใช่มั้ย ดิวอิจ”
คนที่เผยโฉมปรากฏกายออกมาให้เห็นจากบริเวณหัวมุมอย่างช้าๆ ก็คือ จักรพรรดินีราวีนี่ซึ่งสวมผ้าบางปิดบังใบหน้าเอาไว้
“ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของตระกูลอังเกนัสตัวจริง”
“ทะ ท่านพี่ทำเช่นนี้กับข้าได้ยังไงกันพ่ะย่ะค่ะ!”
“อา ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่เจ้าคิดที่จะไม่เชื่อฟังคำของข้าที่สั่งให้เลื่อนวันจ่ายเงินลงทุนให้กลุ่มก่อสร้างลอมบาร์เดียไม่ใช่หรือไง”
“แต่นี่ก็ถึงวันนัดหมายแล้ว อีกอย่างทางลอมบาร์เดียเองก็เอาแต่เร่งรัดมาอยู่เรื่อย แล้วจะไม่…”
“สุดท้ายดูเหมือนเจ้าจะเกรงกลัวลอมบาร์เดียมากกว่าข้าอย่างนั้นสินะ”
จักรพรรดินีราวีนี่แสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ดิวอิจ”
ดิวอิจ อังเกนัสมองราวีนี่ด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบส่ายหน้าหวือ
“ข้าไม่เข้าใจท่านพี่เลยพ่ะย่ะค่ะติดค้างหนี้ลอมบาร์เดียกับเซอเชาว์เอาไว้ตั้งมากมาย ไม่รู้สึกอึดอัดใจบ้างเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรให้ต้องอึดอัดใจกัน ถ้ากิจการทางตะวันตกสำเร็จเมื่อไหร่ ก็เหลือแค่กอบโกยผลประโยชน์เท่านั้นเอง”
ตึก ตึก
เสียงจังหวะฝีเท้าของจักรพรรดินีราวีนี่ยามย่างกรายเดินเข้าหาดิวอิจดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน
“น้องชายผู้น่าสมเพชของข้าช่างทึ่มทื่อเสียเหลือเกิน เจ้านี่สมกับเป็นบุตรชายของท่านพ่อเสียจริง”
จักรพรรดินีเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ
“กิจการท่องเที่ยวตะวันตกน่ะ มันไม่ใช่แค่กิจการท่องเที่ยวทั่วไปหรอกนะ ผู้คนรวมตัวกันที่ใด เงินทองก็ย่อมไหลมาเทมาที่นั่น บนผืนดินที่ไม่อาจทำได้กระทั่งเพาะปลูกพวกนั้น ถ้าสร้างมันเป็นเมืองใหญ่ขึ้นมาย่อมเกิดปาฏิหาริย์แน่นอนปาฏิหาริย์ที่ข้าเป็นผู้สร้างขึ้นยังไงล่ะ ดังนั้นไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกังวลหรอก ดิวอิจ”
นัยน์ตาสีฟ้าส่องประกายเย็นชายามเหลือบมองดิวอิจ อังเกนัส
“นอกจากความโง่เขลาของตัวเจ้าเอง”
จักรพรรดินีราวีนี่ยกมือขึ้นตบลงบนแก้มของดิวอิจ อังเกนัสเสียงดังแปะ แปะ
และมองใบหน้าของน้องชายที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธผสมความหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็เดาะลิ้นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“คราวนี้ข้าจะยอมหลับตาไม่มองความผิดพลาดของเจ้าก็แล้วกัน แต่มันจะไม่มีครั้งที่สองอีก เข้าใจหรือไม่”
จักรพรรดินีกระซิบเสียงแผ่วลง
“ต่อไปเจ้าแค่ทำตามที่ข้าสั่งก็พอ แค่นั้นเจ้าก็จะสามารถดื่มด่ำกับชีวิตในฐานะเจ้าตระกูลอังเกนัสได้อย่างมีความสุข”
จักรพรรดินีกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้แก่อีเดน ครูส
หัวหน้ากองกำลังอัศวินประจำตระกูลอังเกนัสที่ยืนขวางหน้าดั่งภูเขาสูงใหญ่ยอมหลีกทางให้อย่างง่ายดาย
จักรพรรดินีมองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ แล้วจึงหมุนตัวเดินจากไป
แต่ดิวอิจกลับตะโกนเสียงดัง
“บะ แบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“เฮ้อ จะพูดอะไรอีกล่ะ ดิวอิจ”
สุดท้ายบนใบหน้าของจักรพรรดินีที่หยุดเดินก็เหลือแต่ความหงุดหงิดไม่พอใจอย่างรุนแรง
การจะเปลี่ยนตัวเจ้าตระกูลอังเกนัสนั้นง่ายดายยิ่ง
แค่ให้เจ้าตระกูลอังเกนัสคนปัจจุบันเสียชีวิตลง หรือตกอยู่ในสภาพที่ไม่อาจทำหน้าที่ในฐานะเจ้าตระกูลอีกต่อไปก็เรียบร้อย
“เรื่องกิจการอาจจะเป็นไปได้แค่ทำตามที่ท่านพี่บอกก็จริง แต่เรื่องบัลลังก์คิดจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะต้องทำให้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งขึ้นเป็นองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”
“…แล้วยังไง” นัยน์ตาของจักรพรรดินียามถามกลับไปด้วยเสียงเอื่อยๆ เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
“ระหว่างพวกชนชั้นสูง ในตอนนี้ต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องความเหมาะสมของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันเอาแต่เที่ยวเล่นล่าสัตว์กับพวกชนชั้นสูงรุ่นเยาว์คนอื่นๆ อย่างเดียวเลยมิใช่หรือ ถ้าสั่งให้พระองค์ได้ศึกษาเรียนรู้เสียหน่อยตั้งแต่ตอนนี้…”
เพียะ! จักรพรรดินีเดินพุ่งเข้าไปหาดิวอิจอย่างรวดเร็วจนเกิดสายลมพัด และง้างมือตบลงไปที่แก้มของดิวอิจสุดแรงแหวนวงหนาบนนิ้วเรียวของหญิงสาวขูดเข้ากับผิวเนื้อบนใบหน้าของผู้เป็นน้องชายจนเลือดไหลซิบ
“ลามปามนัก กล้าดียังไงมาปากพล่อยพูดถึงโอรสข้าเช่นนี้”
จักรพรรดินีราวีนี่จ้องดิวอิจเขม็งด้วยนัยน์ตาดุดัน
แต่มันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ
นัยน์ตาที่ดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยโทสะรุนแรงคู่นั้น มันกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มขบขันเสียได้
ดิวอิจรู้จักสีหน้านั่นดีมันเป็นใบหน้าที่ราวีนี่มักจะเสแสร้งแสดงออกมาในยามก่อเรื่องอะไรสักอย่างเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็กกันอยู่
“ท่านพี่…?”
“ยังคงช่างสังเกตเหมือนเคยเลยนะ ดิวอิจ” จักรพรรดินีแสยะยิ้มเมื่อถูกจับได้
รอยยิ้มน่าขนลุกจนทำเอาสั่นสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง
“ฝ่าบาทไม่มีทางแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองเป็นรัชทายาทอย่างแน่นอน ไอ้เด็กชั้นต่ำนั่นเกิดมาผิดที่ผิดทางเอง และต่อให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมา…” นัยน์ตาของจักรพรรดินีทอประกายแฝงความนัยบางอย่าง
“สุดท้ายโอรสของข้าก็จะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้อยู่ดี ดังนั้นเจ้าชายไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งสิ้น”
“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ…”
“ต่อให้ทำแค่เรื่องที่เจ้าตัวเขาชอบเหมือนในตอนนี้ก็พอแล้ว ก็เหมือนเจ้ายังไงล่ะ”
“อา…”
ในตอนนั้นเองดิวอิจถึงได้รู้ว่าจักรพรรดินีวางแผนอะไรไว้ เขาก้าวถอยห่างไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ
จักรพรรดินีแสยะยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า “เพราะมารดาคนนี้จะจัดการทุกอย่างให้เอง”
* * *