เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 163.1
เล่ม 4 บทที่ 163.1
ตอนที่ 163
แม่น้ำสายใหญ่ในเมืองหลวงไหลเอื่อยนิ่งสงบ
เครย์ลีบันยืนอยู่ด้านบน เขาก้มลงมองบรรดาชนชั้นสูงที่มารวมตัวกันในโถงจัดงานเลี้ยงด้วยใบหน้าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วว่าแขกเหรื่อที่เขาส่งบัตรเชิญออกไปตอนจัดเตรียมงานเลี้ยงหากไม่มาร่วมงานจะทำเช่นไร
แค่ได้ชื่อว่าเป็นงานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลส ก็มีผู้คนมากมายที่อยากมาร่วมงาน ต่อให้ต้องฉกฉวยเอาบัตรเชิญของคนอื่นก็ยอม
ในสังคมชั้นสูงในตอนนี้ อิทธิพลของคนที่มีนามว่าเครย์ลีบัน เพลเลสนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
บุตรนอกสมรสของโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดผู้โด่งดัง เครย์ลีบัน เพลเลสที่ได้แต่ใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ใต้เงามืดมาโดยตลอดในอดีตคนนั้นในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้เขายืนอยู่เหนือชนชั้นสูงแห่งอาณาจักรแลมบลูในฐานะเครย์ลีบัน เพลเลสแห่งร้านค้าเพลเลสผู้ยิ่งใหญ่
‘และทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะท่านฟีเรนเทียทั้งสิ้น’
ไม่อยากแม้แต่จะจินตนาการถ้าหากเขาไม่ได้พบกับแสงสว่างที่มีนามว่าฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียแล้วละก็ ตอนนี้เขาจะมีชีวิตเช่นไรแค่คิดก็หวาดผวาขึ้นมาแล้ว
สายตาของเครย์ลีบันพลันสบเข้ากับฟีเรนเทียที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพอดี
เครย์ลีบันแอบโค้งศีรษะลงเล็กน้อย
เด็กสาวเองก็ส่งยิ้มงดงามเป็นการทักทายเครย์ลีบันเช่นกันแล้วจึงส่งสัญญาณทางสายตาพยักพเยิดไปยังทางเข้างานเลี้ยงให้เขา
เขารีบหันไปมองทางด้านนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นโรมาเชียร์ ดิลลาร์ดกับรูลลักที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงงานเลี้ยง
ถึงแม้ท่าทางจะดูเหมือนกำลังผ่อนคลายสนุกสนานอยู่กับงานเลี้ยง แต่ฟีเรนเทียกำลังลอบประเมินการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญในแวดวงสังคมอยู่ก่อนแล้ว
เครย์ลีบันยกมือขึ้นตบลงบนหน้าอกเบาๆ แทนความหมายว่า ให้มอบหมายหน้าที่นี้ให้เขาเอง ก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปหารูลลักทันที
“มาแล้วหรือครับ ท่านเจ้าตระกูล”
“อา เครย์ลีบัน งานเลี้ยงวันนี้ก็ยอดเยี่ยมเหมือนเคยนะ ไม่เสียชื่อร้านค้าเพลเลสเลยจริงๆ”
รูลลักยิ้มด้วยความพึงพอใจจากใจจริง
“ชมเกินไปแล้วครับ”
เครย์ลีบันหันไปมองโรมาเชียร์ที่ยืนอยู่ข้างกายรูลลัก
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”
มันเป็นการทำความเคารพอย่างสุภาพนอบน้อม แต่ก็ดูนิ่งเฉยราวกับทักทายคนแปลกหน้า
เครย์ลีบันไม่รู้สึกทรมานยามมองโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด อีกต่อไปแล้ว
ความคิดของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้พบฟีเรนเทีย
“เห็นว่าเป็นงานเลี้ยงที่คุณหนูฟีเรนเทียเป็นผู้จัดเตรียม แล้วข้าจะพลาดได้ยังไงล่ะ”
โรมาเชียร์กล่าวเช่นนั้นในขณะที่เหม่อมองหน้าเครย์ลีบัน
นัยน์ตาคล้ายกับพอจะคาดเดาได้บ้างว่า สิ่งที่ฟีเรนเทียจัดเตรียมเอาไว้ไม่ได้มีแค่งานเลี้ยงเพียงอย่างเดียว
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ด เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทราบว่าเจ้าของที่แท้จริงของร้านค้าเพลเลสเป็นผู้ใด
“ดูเหมือนช่วงนี้จู่ๆ เจ้าจะดูแลเทียของข้าดีมากเลยนะ”
รูลลักเหลือบมองโรมาเชียร์ด้วยหางตาขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก
“ฮ่าฮ่า ข้าทำเช่นนั้นหรือครับ”
โรมาเชียร์รีบตอบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วเมื่อโดนจี้ใจดำ
“ก็เล่นมีความสามารถโดดเด่นมากเลยไม่ใช่หรือครับ ถึงแม้อายุจะยังน้อย แต่ความสามารถนั่นไม่มีใครเทียบได้ทำเอาข้ารู้สึกเหมือนเห็นท่านเจ้าตระกูลตอนยังหนุ่มเลยละครับ”
“อืมม อย่างนั้นหรือ”
รูลลักเบิกตากว้าง ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง ‘ฮ่าฮ่าฮ่า’
“ใช่แล้ว เทียน่ะคล้ายข้าอยู่บ้างสินะ! ใช่!”
ทว่าเบื้องหลังเสียงหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจนั่น กลับแฝงเอาไว้ด้วยความอาลัยบางอย่าง
รูลลักพยักหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปตบไหล่เครย์ลีบันเบาๆ
“เช่นนั้นข้าไม่รั้งตัวคนกำลังยุ่งไว้ก็แล้วกัน เอาไว้ค่อยพบกันทีหลังเถอะ”
“ครับ ท่านเจ้าตระกูล” เครย์ลีบันโค้งศีรษะด้วยความนอบน้อมไล่ตามหลังรูลลักที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยง
หลังจากนั้นเขาจึงค่อยเดินไปต้อนรับผู้คนมากมายที่เริ่มทยอยมาถึงโถงจัดงานเลี้ยงกันแล้ว แต่เครย์ลีบันก็ยังคงไม่ละสายตาห่างไปจากรูลลัก
และในที่สุดเขาก็ได้เห็นเบเจอร์และครอบครัวซึ่งมาถึงช้ากว่าผู้อื่นเดินเข้าไปทักทายรูลลัก
เครย์ลีบันตรวจเช็กจนแน่ใจว่าทุกคนมาถึงแล้ว จากนั้นจึงค่อยเดินตรงไปยังแท่นพิธีประจำงานเลี้ยง
“คุณเครย์ลีบัน”
อาบีน็อกซ์ รูมันที่กำลังสนทนากับแคลอฮันอยู่ใกล้ๆ แท่นพิธีหันไปมองเครย์ลีบัน
ทั้งสองคนมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ไหวกันหรือเปล่าครับ”
แคลอฮันฝืนยิ้มให้กับคำถามของเครย์ลีบันอาบีน็อกซ์เองก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพยักหน้าลง
เครย์ลีบันตบลงบนไหล่ของทั้งคู่เหมือนอย่างที่รูลลักเคยทำกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นพิธีเพียงแค่นั้น
เสียงสนทนาของผู้คนมากมายที่อยู่กันเต็มโถงจัดงานเลี้ยงกลับค่อยๆ เบาลง วงดนตรีเองก็หยุดบรรเลงในทันที
บนใบหน้าของเครย์ลีบันที่ผู้คนทั้งหลายเงยหน้าขึ้นมองแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความมั่นใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
“ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานนะครับ” เครย์ลีบันกวาดสายตามองไปทั่วงานอย่างช้าๆ พลางเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นตอนนี้ก็มาร่วมงานเลี้ยงกันอย่างเต็มรูปแบบกันเลยดีกว่าครับ”
“งานเลี้ยงอย่างเต็มรูปแบบหรือ”
“ยังมีอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ”
ผู้คนต่างก็ได้แต่มองหน้ากันและกันในขณะที่ส่งเสียงฮือฮาไม่หยุด
เครย์ลีบันเฝ้ามองปฏิกิริยาของผู้คนด้วยความสำราญ เขาแสยะยิ้ม ก่อนจะผายมือไปยังฝั่งแม่น้ำ
เรือขนาดใหญ่ยักษ์ค่อยๆ เผยโฉมให้เห็นอย่างเชื่องช้า
“ขอเชิญทุกท่านขึ้นเรือได้เลยครับ”
* * *
คราวนี้บรรดาชนชั้นสูงต่างพากันแตกตื่นของจริง
ทุกคนตกอยู่ในความตื่นเต้นจนส่งเสียงฮือฮากันให้แซ่ด
ทันทีที่เรือลำใหญ่หรูหราส่องแสงให้ความสว่างไปทั่วแล่นเข้าเทียบท่าและทอดสมอเรืออย่างปลอดภัย พวกเขาต่างก็โต้เถียงกันและพยายามแย่งกันขึ้นเรือ
มีหลายคนทีเดียวที่เพิ่งเคยเห็นเรือขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา
ถึงแม้พวกเขาจะหวาดกลัวเล็กน้อยกับสิ่งที่เพิ่งเคยได้สัมผัส แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นราวกับเด็กตัวเล็กๆ
หลังจากผู้คนเริ่มทยอยขึ้นเรือกันทีละคนสองคน เสียงดนตรีบนเรือก็เริ่มบรรเลง
มันแตกต่างจากเสียงเพลงเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง เพลงที่ถูกบรรเลงในคราวนี้เป็นเพลงพื้นบ้านของทางตะวันออกที่เดิมทีมักจะบรรเลงเป็นจังหวะรวดเร็วและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา พวกเขานำมันมาเรียบเรียงปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีของชาวเมืองในอาณาจักร
กระทั่งเหล้าที่แจกจ่ายในงานก็ยังเปลี่ยนเป็นอีกชนิด
ที่โถงงานเลี้ยงริมฝั่งเมื่อครู่นี้เสิร์ฟด้วยไวน์สีแดง แต่บนเรือลำนี้กลับกลายเป็นแชมเปญรสเผ็ดร้อนกับดรายอิ้งไวท์ไวน์ที่เสิร์ฟให้แก่บรรดาแขกเหรื่อ เพื่อให้เข้ากับรสชาติของอาหารนั่นเอง
“นี่มันอะไรกัน”
“อาหารทะเลท้องถิ่นของทางตะวันออกกับซอสส้มครับ…”
นัยน์ตาของผู้คนทั้งหลายต่างก็เบิกกว้างเช่นเดียวกันหมด เมื่อได้ลิ้มรสชาติอาหารที่บรรดาคนงานช่วยแนะนำให้
“อร่อยจัง!”
“เพิ่งเคยได้ลิ้มรสแบบนี้ครั้งแรก เป็นรสชาติที่มีเสน่ห์มากเลยค่ะ!”
ในตอนนั้นเอง ชนชั้นสูงท่านหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดัง
“นี่มันอาหารของทางตะวันออกสินะเนี่ย!”
“ตะวันออกเหรอคะ…”
“ตอนสมัยยังหนุ่มข้าเคยเดินทางไปตะวันออกอยู่หลายหน นี่มันเหมือนกับอาหารที่ข้าเคยกินในสมัยนั้นเลยละ ชื่อของมันคือ… ‘คันทาเต้’ หรือเปล่านะ”
คนคนนี้เป็นชายวัยกลางคนเจ้าของเครายาวที่ถูกตัดแต่งอย่างงดงาม
“อา อาหารตะวันออกมันละเอียดอ่อนมากเลยละ! ข้าไม่อาจลืมรสชาตินั่นได้ จนเอาแต่คิดถึงมันอยู่เรื่อย ไม่นึกเลยว่าจะได้ลิ้มรสเช่นนี้อีกครั้งที่งานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลสเช่นนี้! ฮ่าฮ่า!”