เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 4 บทที่ 165.1
เล่ม 4 บทที่ 165.1
ตอนที่ 165
เธอจับมือลาลาเน่พาเดินเข้าไปในห้อง
“ดื่มนี่ก่อนนะ ลาลาเน่ เช็ดน้ำตาเสียหน่อย”
นัยน์ตาแดงก่ำบวมเป่งยังคงมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ลาลาเน่ดูอ่อนล้าราวกับจะล้มพับลงไปได้ทุกเมื่อ
“…ขอบใจนะ เทีย”
รอยยิ้มที่มีให้นั้นอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรง ปลายนิ้วของลาลาเน่ที่รับแก้วจากเธอไปถือไว้ยังคงสั่นเทาไม่หยุด
“ถ้าตั้งสติได้แล้วละก็ ไหนเล่ามาซิจะต้องหมั้นแล้วเหรอ”
“…อื้อ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”
ลาลาเน่ถอนหายใจเสียงแผ่ว แพขนตายาวงอนสั่นระริก
“เมื่อครู่นี้ข้าบังเอิญไปได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านแม่กับท่านพ่อเข้าน่ะ ดูเหมือนจะพูดคุยกันไปบ้างแล้ว”
การหมั้นหมายโดยไม่รู้จักหน้าค่าตาอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย แต่น่าเศร้าที่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในอาณาจักรแลมบลูแห่งนี้
โดยเฉพาะตระกูลชั้นสูงมากอำนาจ ยิ่งสูงส่งมากแค่ไหน ก็ยิ่งใช้วิธีการจับบุตรหลานของตัวเองแต่งงานเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้
แน่นอนว่ายังพอมีกรณีที่เอาใจใส่บุตรหลานของตัวเอง อนุญาตให้แต่งงานกันด้วยความรัก หรือไม่ก็ให้พบหน้าคู่หมั้นคู่หมายเสียก่อน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจกันอีกทีอยู่บ้าง
แต่เธอไม่หวังเรื่องพวกนั้นจากเบเจอร์กับเซรัลหรอก
“ลาลาเน่ล่ะ อยากจะทำยังไง” เธอเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ข้า…”
อา ให้ตายเถอะน้ำตาที่หยุดไปของลาลาเน่เริ่มไหลเอ่อลงมาอีกครั้ง
เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เงียบๆ
ติ๋ง ติ๋งหยาดน้ำตาเม็ดกลมไหลเอ่อล้นหยดลงมาไม่ขาดสาย ลาลาเน่เอ่ยขึ้นว่า
“…ข้าเองก็คิดอยู่ว่าสักวันวันแบบนี้จะต้องมาถึง ในเมื่อข้าเองก็เติบโตขึ้นมาโดยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ว่าสักวันจะต้องแต่งงานกับคนที่ท่านพ่อท่านแม่เลือกให้”
ต่างจากใบหน้าเศร้าหมอง น้ำเสียงของลาลาเน่นั้นนิ่งสงบมาก
“แต่เพราะข้าได้พบกับท่านอาบีน็อกซ์ ได้รู้ว่าแค่ได้ใช้เวลาร่วมกับใครสักคนก็มีความสุขได้มากมายถึงเพียงนี้เพราะอย่างนั้นถึงได้ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องท่านอาบีน็อกซ์ให้ท่านพ่อท่านแม่ได้ทราบ…”
ลาลาเน่กำผ้าเช็ดหน้าแน่น
“แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ดีใจมากเลยละ เห็นว่าการแต่งงานของข้าจะมีประโยชน์กับท่านพ่อมาก”
“ลาลาเน่…”
“ต่อให้ข้าบอกว่าไม่อยากแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ มันก็คงไร้ความหมายอยู่ดีใช่มั้ย”
ลาลาเน่ยิ้มหมองหม่น วันนี้นางดูตัวเล็กอ่อนแอกว่าที่เคย
“ข้ารู้สึกผิดต่อท่านอาบีน็อกซ์มากเลย จะทำยังไงดีล่ะ คงจะตกใจมากแน่ๆ เขาเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวมากกว่าที่เห็น…”
ในตอนนั้นเองใบหน้าของลาลาเน่ที่เคยนิ่งสงบดั่งคนที่ปลงตกในทุกสิ่ง ก็พลันบิดเบี้ยวไม่น่ามองขึ้นมาด้วยความเสียใจ
ดูเหมือนว่าพอนึกถึงอาบีน็อกซ์ ความรู้สึกต่างๆ ก็กลับตีตื้นขึ้นมาใหม่ จนน้ำตายิ่งไหลรินลงมาหนักกว่าเก่า
“แต่ถ้าไม่ใช่ท่านอาบีน็อกซ์ ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับคนอื่นแล้วจริงๆ นะเทีย ถ้าไม่ใช่เขา ข้าไม่อยาก…”
เธอโอบกอดลาลาเน่เอาไว้แน่นคอยลูบหลังปลอมประโลม รอจนเสียงสะอื้นไห้นั่นหยุดลง
ที่ผ่านมาเธอเองก็พอจะรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งในตัวเองของลาลาเน่อยู่เหมือนกัน
ความคิดที่จะเดินตรงไปบนเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้เพื่อครอบครัวของนาง กับความรู้สึกอยากอยู่ด้วยกันกับคนที่ตัวเองรัก
เพราะไม่อาจเลือกทางใดทางหนึ่งได้ และไม่อาจทิ้งอีกทางได้เช่นกัน ความรู้สึกเช่นนั้นจะทุกข์ทรมานมากเพียงใด
ร่างกายสั่นเทาของลาลาเน่กำลังพูดมันออกมาให้เธอได้รับรู้
เธอเอ่ยกับลาลาเน่ที่เริ่มจะสงบลงและกำลังเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า
“ก่อนอื่น ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง ข้าว่าลาลาเน่ไปบอกความรู้สึกของตัวเองให้ท่านอาบีน็อกซ์ได้รู้จะไม่ดีกว่าเหรอ”
“ทำอย่างนั้นได้เหรอ จะดูน่าละอายใจเกินไปหรือเปล่า”
“หากเป็นท่านอาบีน็อกซ์ละก็ เขาคงรู้สึกเป็นห่วงลาลาเน่มากกว่าอีกนะ แล้วเรื่องแบบนี้น่ะ แป๊บเดียวข่าวก็ลือกันไปทั่วแล้ว ให้เขาได้ยินจากปากลาลาเน่เองโดยตรง ยังไงก็ดีกว่าไปได้ยินจากข่าวลือที่ผู้คนซุบซิบนินทากันไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อา เอายังไงดีล่ะ”
ลาลาเน่ลุกลี้ลุกลนเมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา
“พรุ่งนี้เป็นวันพบปะสโมสรรักการอ่านที่ข้ามักจะไปพบท่านอาบีน็อกซ์ แต่ดูเหมือนท่านแม่ตั้งใจจะพาข้าไปพบฝ่ายนั้นพรุ่งนี้…”
“พรุ่งนี้เลย?”
เร็วมากปกติการตกลงหมั้นหมายระหว่างตระกูล มักจะใช้เวลาตกลงเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยนต่างๆ ทีละข้อสองข้อ
เพราะมันเป็นการแต่งงานเพื่อให้บรรลุเงื่อนไขตามสัญญาอย่างที่บอก
หรือบางทีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อาจจะพูดคุยรายละเอียดทุกอย่างจบลงหมดแล้วก็ได้
ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น
“พรุ่งนี้ข่าวลือคงแพร่ออกไปเหมือนอย่างที่เทียบอกแท้ๆ”
“สถานที่พบปะของสโมสรคือเมืองหลวงใช่มั้ย”
“อื้อ คาราเมล อเวนิวบนย่านการค้าเซดาคิวนาร์”
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเป็นที่นั่นเองเหรอเนี่ย
เธอพยักหน้าลงแล้วเอ่ยกับลาลาเน่
“ลาลาเน่ ถ้าอย่างนั้นเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านอาบีน็อกซ์ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะไปสโมสรการอ่าน แล้วมอบให้เขาแทนเจ้าเอง”
“จริงเหรอ อ๊า ขอบใจมากนะ เทีย!”
ลาลาเน่กระโจนเข้าสวมกอดเธอ
ตกใจหมดเดิมทีลาลาเน่ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้สักหน่อย
สงสัยคงจะเป็นห่วงอาบีน็อกซ์มากจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะรีบไปเขียนจดหมายมาให้ รอหน่อยนะ เทีย”
ลาลาเน่ลุกขึ้นพรวดจากที่นั่งทันที
เธอเดินไปส่งลาลาเน่ แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา เลยเอ่ยถามออกไป
“ว่าแต่อีกฝ่ายเป็นใครกัน”
ในชีวิตก่อน คนที่ลาลาเน่แต่งงานด้วย เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าตระกูลไอบันจากทางเหนือ
พูดให้ถูกก็คือ ตระกูลใต้บังคับบัญชาของไอบัน หรือลูกพี่ลูกน้องของมิเคนเต้ ไอบันนั่นเอง
บางทีคงจะเป็นการจัดการของจักรพรรดินี เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้สิทธิ์การโหวตของเขตเหนือมาไว้ฝั่งตัวเอง
คราวนี้คงไม่ใช่ไอ้เวรนั่นอีกใช่มั้ยเนี่ย
ตอนเดินทางไปไอบันเมื่อคราวก่อน เธอน่าจะจัดการฝังมันให้จมดิน แล้วค่อยเดินทางกลับมาแท้ๆ
แต่แล้วลาลาเน่ก็พูดกับเธอที่กำลังพึมพำเช่นนั้นอยู่ในใจ
“…เจ้าชายลำดับที่หนึ่งน่ะ”
เอกซ์คิวมี? พาร์ดอน?
“วะ ว่ายังไงนะ ใครนะ”
“เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง…”
ไม่ได้ฟังผิดไป
เจ็บท้ายทอยเหมือนโดนใครตีหลังศีรษะเข้าอย่างจัง
“…เหอะ”
พยายามยับยั้งความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจนหอบหายใจด้วยความโมโห แต่เรื่องแบบนี้จะให้เธอยอมทนต่อไปได้ยังไงกัน
เซรัล เบเจอร์
สองคนนั่นคงจะบ้ากันไปหมดแล้วสินะ
กล้าดียังไงถึงคิดจะส่งลาลาเน่ให้ไปแต่งกับไอ้อันธพาลอย่างอาสทาน่า
เธอมองลาลาเน่ที่ยังคงดูงดงามและใสบริสุทธิ์เหมือนเคย แม้ว่านัยน์ตาจะบวมเป่งและแดงก่ำก็ตาม ในขณะเดียวกันก็ลอบประกาศกร้าวสาบานอยู่ในใจ
การแต่งงานครั้งนี้ เธอจะเป็นคนขัดขวางเอง
* * *