เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 5 บทที่ 190.1
เล่ม 5 บทที่ 190.1
ตอนที่ 190
“หลบไป หลบ!”
เบ๊ตยกมือขึ้นปิดปากแน่น เมื่อได้เห็นเทียถูกอัศวินอุ้มกลับเข้ามา
เพราะหากไม่ทำแบบนี้ เขาคงได้เผลอหลุดเสียงกรีดร้องออกมาแน่
“พาคุณหนูไปนอนที่เตียงก่อน!”
เครย์ลีบันวิ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาเอ่ยสั่งอัศวินลอมบาร์เดียเสียงดัง
“ท่านฟีเรนเทีย ได้ยินเสียงข้ามั้ยครับ ท่านเทีย!”
นัยน์ตาของเด็กสาวปิดแน่นไม่มีสัญญาณตอบรับต่อเสียงแห้งผากด้วยความสิ้นหวังของเครย์ลีบัน
“เร็วเข้า! รีบไปเชิญดอกเตอร์เอสทีร่ามา!”
พ่อบ้านที่รีบร้อนวิ่งตามเข้ามาทีหลังด้วยความตกใจ รีบออกคำสั่งข้ารับใช้ทันที
แต่ท่ามกลางความโกลาหลตรงหน้า เบ๊ตได้แต่ยกมือปิดปากแน่น ยืนตะลึง ไม่อาจแม้แต่จะหายใจได้อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง
‘ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า’
เขาประมาทเอง
ระยะหลังมานี่เขามัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการขยายเครือข่ายข้อมูลข่าวสารไปทางเขตแดนเหนือ
เพราะฉะนั้นผลของการเมินเฉยไม่ติดตามการเคลื่อนไหวของจักรพรรดินีในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็คือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเขาในตอนนี้
“เจ้าชายอยู่ที่ไหน”
“พาไปพักที่ห้องข้างๆ ก่อนแล้วครับ แต่เลือดไหลออกมามากเกินไป…”
“ให้ตายสิวะ!”
เครย์ลีบันสบถเสียงดัง
มือของชายผู้มักจะนิ่งเฉยจนเย็นชาอยู่เสมอกำลังสั่นเทาไม่หยุด
นัยน์ตาที่ถูกกลืนกินไปด้วยความหวาดกลัวได้แต่เฝ้ามองฟีเรนเทียที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเผือดจนไม่น่าแปลกใจหากนางจะหมดสิ้นลมหายใจไปในตอนนี้ มันบีบรัดลำคอของเครย์ลีบันจนตีบตันไปหมด
“ดอกเตอร์เอสทีร่าอยู่ที่ไหน!”
ช่วงเวลาที่ต้องเฝ้ารอแพทย์นั้นช่างยาวนานราวกับนิจนิรันดร์เหลือเกิน
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็พึมพำเสียงแผ่วด้วยความตกใจ
“ทะ…ท่านแคลอฮัน…”
ไหล่ของเครย์ลีบันกระตุกเกร็ง สะดุ้งเฮือกใหญ่
พอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาก็ปรากฏภาพของแคลอฮันที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงประตู
แคลอฮันกำลังยืนมองบุตรสาวที่หมดสติไปโดยไม่อาจแม้แต่จะกะพริบตาด้วยความสิ้นหวัง
“ขออภัยครับ”
เครย์ลีบันก้มหน้านิ่งกล่าวเช่นนั้น
เขาไม่อาจทำหน้าที่ผู้ช่วยของท่านฟีเรนเทียได้ดีพอ
ไม่มีหน้าไปมองแคลอฮันได้หรอก
เพราะเขาทราบดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเพียงใด และแคลอฮันรักใคร่ในตัวบุตรสาวมากเพียงใด
ขนาดที่คนอื่นๆ ต่างก็คิดว่า หากแคลอฮันจะเป็นลมสลบไปเสียตรงนั้นก็ไม่ถือว่าแปลก
ทว่า
แกรก
แคลอฮันกลับเดินเข้ามาข้างใน แล้วปิดประตูห้องลงทันที
“พ่อบ้าน”
น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกก็นิ่งสงบเหลือเกิน
“เรียกดอกเตอร์เอสทีร่ามาหรือยัง”
“ครับ ท่านแคลอฮัน”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ารีบออกไปสั่งให้คนที่รู้เรื่องนี้ปิดปากเงียบเดี๋ยวนี้”
“…ครับ?”
“โดยเฉพาะท่านพ่อ จะให้ล่วงรู้ไปถึงหูท่านไม่ได้”
“ทะ…ทราบแล้วครับ”
พ่อบ้านรีบวิ่งออกไปจากห้อง ส่วนแคลอฮันก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงเงียบๆ
หันมาสบตากับเครย์ลีบันชั่วครู่ แต่นัยน์ตาสีเขียวส่องประกายเย็นชาก็แค่หันกลับไปมองเทียอีกครั้งเท่านั้น
โล่งอกที่ผ่านไปไม่นานเอสทีร่าก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้อง
“ทะ…ท่านฟีเรนเทีย…!”
ตื่นตระหนกกับภาพของเทียที่หมดสติไปเพียงชั่วครู่
เอสทีร่าเริ่มลงมือตรวจอาการของเทียทันที
และพบเข้ากับบาดแผลบริเวณปลายนิ้วที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำอย่างรวดเร็ว
“น่าจะเป็นเพราะแผลนี่…”
อัศวินที่ถอยห่างไปรออยู่ด้านหลังส่งมีดสั้นให้เอสทีร่า
“ก่อนจะหมดสติไป คุณหนูพูดเกี่ยวกับเรื่องยาพิษครับ”
“…ยาพิษ?”
แคลอฮันที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เงียบๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นครั้งแรก
เครย์ลีบันกับเบ๊ตเองก็ขยับกายเดินเข้ามาใกล้เช่นกัน
เอสทีร่ารับมีดสั้นมาถือไว้อย่างระมัดระวัง นางเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ออก แล้วเริ่มตรวจโน่นนี่พลางเอ่ยพูด
“น่าจะถูกพิษของมดทีทีน่ะค่ะ”
“นั่นมันพิษร้ายถึงตายไม่ใช่หรือครับ?”
เบ๊ตเอ่ยถามเสียงสั่น
“ค่ะ แต่โล่งอกที่ข้ามียาถอนพิษอยู่”
“งั้นก็สามารถรักษาได้ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ คงจะลำบากไปพักใหญ่ แต่จะดีขึ้นแน่นอนค่ะ”
แคลอฮันตัวเซไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากเอสทีร่า
เขาโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเอสทีร่ายืนยันว่าเทียจะต้องหายดีเป็นแน่
“บางทีเจ้าชายเองก็คงจะถูกพิษชนิดเดียวกัน เดี๋ยวข้านำยาถอนพิษไปให้ทางนั้นก่อนนะคะ”
เอสทีร่าพูดทิ้งท้ายแบบนั้น ก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งเหมือนอย่างตอนที่เข้ามาในห้อง
“เทีย…”
แคลอฮันที่เคยยืนห่างจากเตียงราวกับหวาดกลัวที่จะเข้าไปใกล้บุตรสาวที่นอนหน้าซีดราวกับคนตายอยู่บนเตียง จึงค่อยเริ่มเดินช้าๆ ไปอยู่ข้างกายบุตรสาว
และยื่นมือที่สั่นเทาออกไปลูบหน้าผากของเทียอย่างอ่อนโยน
ผู้คนที่เหลืออยู่ในห้องต่างก็ได้แต่ยืนเงียบเหม่อมองฉากความรักของพ่อลูกอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าขยับกายไปไหน
* * *
แควก
กางเกงที่เจ้าตระกูลเซอเชาว์สวมอยู่ถูกฉีกออกลวกๆ เผยให้เห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากผิวเนื้อที่ถูกฟัน
สมแล้วที่เป็นดาบของเจ้าชายลำดับที่สอง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจึงต่างชั้นกับบาดแผลทั่วไปอย่างมาก และกำลังทรมานเขาให้เจ็บเจียนตาย
แต่ในเมื่อมันเป็นบาดแผลที่ต้องเก็บเป็นความลับ จึงไม่อาจเรียกตัวแพทย์ให้เข้ามารักษาได้ ชานตั้น เซอเชาว์ จึงได้แต่เทเหล้าฤทธิ์แรงราดลงไปบนนั้น
“กรอด!”
เจ็บปวดราวกับผิวเนื้อลุกไหม้ เสียงครางทุ้มต่ำด้วยความปวดร้าวดังลอดไรฟัน
ชานตั้น เซอเชาว์ กรอกเหล้าฤทธิ์แรงขวดเดียวกันใส่ปาก
หากเป็นอัศวินทั่วไปที่ไม่รู้วิธีใช้ออร่าปกป้องร่างกายตัวเองแล้วละก็ บางทีอาจถูกฟันขาขาดเสียตรงนั้นแล้วก็เป็นได้
นักฆ่าสวมหน้ากากสีดำเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายชานตั้นที่กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดเหล้าที่ไหลเลอะลงมาบริเวณมุมปากลวกๆ
“ทำไมถึงไม่สังหารทิ้งล่ะครับ”
น้ำเสียงหยาบห้วนบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังไม่พอใจอย่างรุนแรง