เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 5 บทที่ 211.1
เล่ม 5 บทที่ 211.1
เล่ม 5 บทที่ 211.1
ตอนที่ 211
ราวกับเกิดเสียงฟิ้วดังขึ้นมา
เสียงของสายตาของผู้คนที่เคยจับจ้องมาที่เธอ ต่างก็พุ่งความสนใจไปที่ชานตั้น เซอเชาว์ กันอย่างพร้อมเพรียงยังไงล่ะ
“อะ…อะไรกัน…”
ดิวอิจ อังเกนัส อ้าปากพะงาบๆ หลังจากนั้น จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ว่ามั้ยครับ เจ้าตระกูลเซอเชาว์…”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์กำลังมองเธอด้วยนัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย
ใบหน้าตื่นตกใจ
เธอส่งยิ้มหวานไปทางชานตั้น เซอเชาว์
เป็นไง ตกใจใช่มั้ยล่ะ
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีแค่เขากับเฟเรสเท่านั้นที่รู้ เพราะพวกเขาลอบวางแผนทำกันเองอย่างลับๆ แค่สองคน โดยเก็บเงียบไม่ยอมปริปากบอกใคร
ถึงขนาดเล่นละครตบตาแสร้งทำเป็นศัตรูต่อกันเลยด้วย
เธอหันหน้าไปมองเฟเรส
“…!”
ปฏิกิริยาของเฟเรสเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเจ้าตระกูลเซอเชาว์เท่าไหร่
ตกใจมากเสียจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ทำท่าราวกับจะลุกขึ้นมาอยู่แล้วนั่น
“เจ้าตระกูลเซอเชาว์…”
ดิวอิจเอ่ยเรียกชานตั้น เซอเชาว์ เสียงสั่นเทา เหมือนคนที่ต้องเป็นพยานในฉากคนรักนอกใจตัวเอง
“นะ…นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ท่านเจ้าตระกูลเซอเชาว์”
แต่ชานตั้น เซอเชาว์ กลับไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าเจ้าตระกูลอังเกนัส
เขายังคงมองเธอด้วยนัยน์ตาสั่นไหวอยู่อย่างนั้น
“พูดออกไปสิคะ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
“…ที่รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกล่าวมานั้นถูกต้องแล้วครับ”
เสียงทุ้มต่ำของชานตั้น เซอเชาว์ ดังก้องไปทั่วห้องประชุม
ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ
ตึก ตึก
ในจังหวะที่ก้มลงไปมองรองเท้าของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ เพราะเสียงฝีเท้าก้าวเดินที่ฟังดูหนักแน่นเป็นพิเศษนั่นแหละ เธอถึงได้ตระหนักขึ้นมาได้
ชานตั้น เซอเชาว์ ผู้ซึ่งภายนอกอาจจะสวมเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง หากแต่รองเท้าที่เขาสวมอยู่คู่นั้น มันเป็นรองเท้าทหารคู่ใหญ่ที่กองกำลังอัศวินสวมใส่กัน
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ลุกเดินออกมาจากที่นั่ง ก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าเจ้าตระกูลบราวน์ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนแท่นยกระดับ
“ฮะ…เฮือก…”
และการกระทำถัดมาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ก็ทำให้เกิดเสียงอุทานด้วยความตื่นตกใจดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ
“ชานตั้น เซอเชาว์ หัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์รุ่นที่ 41 แห่งอาณาจักรแลมบลู ขอคำนับเจ้าตระกูลบราวน์ครับ”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ผู้เป็นเสมือนดั่งอาวุธร้ายชนิดหนึ่งที่แม้จะไม่มีอาวุธสังหารในมือกำลังโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อม เขายกมือข้างหนึ่งที่กำหมัดแน่นขึ้นแนบอกแกร่ง
มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการแสดงความจงรักภักดีที่พวกอัศวินประจำการมักจะใช้กัน
ทั้งๆ ที่ตอนนี้ชานตั้น เซอเชาว์ ได้ละทิ้งช่วงเวลาสมัยที่เคยเป็นอัศวินราวกับลืมเลือนมันไปจนหมดสิ้น แล้วหันมาใช้ชีวิตในฐานะเจ้าตระกูลเซอเชาว์แล้วแท้ๆ
“ในฐานะบุคคลที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นผู้ถือครองดาบในอาณาจักรแห่งนี้ การได้ตอบแทนพระคุณของตระกูลบราวน์ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าตระกูลบราวน์คนนี้ ดูราวกับคนที่ไม่เคยสูญเสียช่วงเวลาในการเป็นอัศวินไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ขะ…ขอบคุณครับ…”
เจ้าตระกูลบราวน์เอ่ยเสียงสั่นเทา
ชานตั้น เซอเชาว์ โค้งคำนับเจ้าตระกูลบราวน์อีกครั้ง ก่อนจะหยิบเอกสารหลายฉบับที่เก็บไว้ในอกเสื้อออกมา
“โปรดดูสิ่งนี้เถอะครับ ท่านประธานคิลเลียน”
มันเป็นการประชุมที่มีเรื่องไม่คาดคิดมากมายถาโถมเข้าใส่ราวกับพายุคลั่ง
ประธานคิลเลียนที่ได้แต่นั่งเหม่อด้วยความสับสนอยู่ครู่หนึ่งรีบตั้งสติ แล้วเอ่ยถามขึ้น
“นี่คืออะไรหรือ”
“เอกสารสิทธิในการครอบครองเขตแดนที่ทางตระกูลเซอเชาว์ถือครองอยู่ครับ”
“เอกสาร…สิทธิ?”
นัยน์ตาของประธานคิลเลียนเบิกกว้าง
“นี่มัน…โฉนดที่ดิน”
“ถูกต้องแล้วครับ ตระกูลเซอเชาว์ขอมอบสิทธิการถือครองเขตแดนเบลเลีย ริโพต้า โรโมล และริออง ให้แก่ตระกูลบราวน์ ณ ที่ประชุมแห่งนี้ครับ”
ผู้คนได้แต่อ้าปากค้าง
ทั้งๆ ที่พวกเขาก็แค่เล่นมุกขำขันกันว่า จะแบ่งเขตแดนให้กันหรือยังไงออกไปเฉยๆ แท้ๆ
แต่กลับมีตระกูลที่ตั้งใจจะแบ่งเขตแดนให้จริงๆ ก็ย่อมต้องตกตะลึงกันเป็นธรรมดา
แถมยังมากถึงห้าเขตแดนเลยด้วย
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวก่อน! เบลเลีย ริโพต้า โรโมล และริอองนั่น…”
และใครอีกคนก็พูดเสริมต่อขึ้นมา
“นั่นมันเขตแดนในครอบครองของอังเกนัสมิใช่หรือ”
ใช่แล้ว
ถึงแม้จะมีแต่เขตแดนกว้างใหญ่ที่ไม่อาจเพาะปลูกได้ ทั้งยังไม่มีการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนบนที่ดินเหล่านั้นก็เถอะ แต่อย่างไรมันก็เป็นเขตแดนของอังเกนัสอยู่ดี
และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเขตแดนของตระกูลบราวน์ที่อังเกนัสเคยแย่งชิงไปด้วยเช่นกัน
ในวินาทีนั้นเอง เสียงแหลมตวาดลั่นก็พลันดังขึ้น
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะ เจ้าตระกูลเซอเชาว์!”
จักรพรรดินีราวีนีลุกขึ้นพรวดจากที่นั่งฝั่งผู้เข้าสังเกตการณ์
“เจ้าไม่มีอำนาจในการส่งมอบเขตแดนพวกนั้น!”
ใบหน้างดงามของจักรพรรดินีกำลังบิดเบี้ยวด้วยโทสะ
“คือว่า ท่านประธานคิลเลียนคะ”
เธอพูดพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้น
“ที่นี่คือที่ประชุมสภาขุนนางนะคะ ข้าเข้าใจว่าคนอื่นที่ไม่ใช่ขุนนางไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งอะไรไม่ใช่หรือคะ”
ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตาม
คำพูดของเธอทำให้จักรพรรดินีราวีนีถลึงตาจ้องเธอเขม็งราวกับจะฆ่ากันให้ตาย
แบร่ ดิ้นพล่านไปสิยะ
“…รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกล่าวถูกต้องแล้ว องค์จักรพรรดินี โปรดงดออกความเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ประธานคิลเลียนเอ่ยพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยสีหน้าหวาดกลัวแทบตาย
“ดิวอิจ!”
จักรพรรดินีราวีนีโมโหจัดจนตัวสั่น นางตะโกนเรียกเจ้าตระกูลอังเกนัส
“เฮ้ เจ้าตระกูลเซอเชาว์!”
ดิวอิจ อังเกนัส ตะโกนเสียงดัง รับช่วงต่อจากจักรพรรดินีราวีนีทันที
“ที่ดินพวกนั้นมันเป็นของตระกูลอังเกนัสชัดๆ นะครับ!”
“โฉนดที่ดินอยู่กับข้าครับ”
“แค่มีโฉนดที่ดินก็ได้แล้วหรือไงครับ เขตแดนพวกนั้นตระกูลอังเกนัสของพวกเราดูแลมันมาตลอด 40 ปี…”
“เหมือนอย่างที่ตระกูลบราวน์เคยดูแลมาก่อนหน้านั้นหลายร้อยปีน่ะหรือครับ”
“ระ…เรื่องนั้น…!”
ดิวอิจพูดอะไรไม่ออก แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตะโกนเสียงดังออกไปอีกครั้ง
“ไหนตกลงกันแล้วว่า ถ้าพวกเราอังเกนัสนำเงินที่กู้ไปมาคืนได้เมื่อไหร่ ก็จะคืนที่ดินพวกนั้นให้ไม่ใช่หรือไง! ต่อให้เป็นคำมั่นที่ตกลงกันปากเปล่า อย่างไรก็ถือว่าเป็นสัญญา!”
ซื้อตอนเรียบร้อย
เล่ม 5 บทที่ 210.2 เรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Peony Publishing