เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 5 บทที่ 212.1
เล่ม 5 บทที่ 212.1
ตอนที่ 212
“หนังสือเล่มนี้พระองค์ไปได้มาจากที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ชานตั้น เซอเชาว์ เอ่ยถามเฟเรสเสียงทุ้ม
เจ้าชายน้อยผู้ซึ่งเพิ่งจะอายุได้แค่สิบเอ็ดปีเงยหน้าจ้องชานตั้นนิ่ง
นัยน์ตาคู่นั้นไม่อาจอ่านความรู้สึกใดได้เลย จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ยูเบส อาจารย์สอนวิชาฟันดาบของเจ้าชายได้รับบาดเจ็บในขณะที่กำลังฝึกซ้อม จึงไม่อาจรับหน้าที่สอนวิชาฟันดาบให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองต่อได้
แต่ยังไงก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคลาสเรียนฟันดาบของเจ้าชายผู้หนึ่ง ย่อมไม่สามารถส่งใครมามั่วๆ ได้ ชานตั้น เซอเชาว์ ซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินจึงได้แวะมาเยือนวังโฟอิรัคในฐานะอาจารย์สอนฟันดาบชั่วคราว
แต่หนังสือที่ถูกวางไว้บนชั้นหนังสือของเจ้าชายลำดับที่สองเล่มนี้ กลับทำให้ชานตั้น เซอเชาว์ ที่ได้อ่านชื่อบนหน้าปกเลือดเย็นเฉียบไปทั่วร่าง
เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาถือไว้
“หนังสือเล่มนี้ทำไมถึง…”
ทำไมเจ้าชายถึงได้มีมันได้ล่ะ
ราชวงศ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะถือครองหนังสือเล่มนี้แท้ๆ
เฟเรสที่กำลังพยายามข่มโทสะเอาไว้เอ่ยขึ้นขณะที่มองชานตั้น เซอเชาว์
“ของข้า”
ภายใต้น้ำเสียงห้วนติดจะเย็นชานั่น มันแฝงไว้ด้วยความระแวงอย่างเต็มเปี่ยม
ชานตั้น เซอเชาว์ ละสายตาจากเฟเรส เขาเอาแต่ก้มหน้ามองหนังสือที่ถือไว้ในมือนิ่ง
<คู่มือดาบตระกูลบราวน์> และพอเปิดหน้ากระดาษไปหนึ่งหน้าก็เห็นนามของบุคคลหนึ่งทันที
เจอราร์ด บราวน์
นามของอดีตเจ้าตระกูลบราวน์ผู้จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของอังเกนัส
ความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นเนิ่นนานมาแล้วในสมัยอดีต พลันย้อนกลับมามีชีวิตให้เห็นเด่นชัดอยู่ตรงหน้าในหัวสมองของชานตั้น เซอเชาว์ ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“หนีเถอะครับ ท่านอาจารย์!”
บิดาของชานตั้น เซอเชาว์ ราล์ฟ เซอเชาว์ ร้องตะโกนใส่หน้าเจ้าตระกูลเจอราร์ด บราวน์
“หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากเหล่าอัศวินในอาณาจักรที่ติดตามตระกูลบราวน์ หรือพวกเจ้าเมืองรอบๆ เถอะนะครับ! ปล่อยไว้แบบนี้ทุกคนจะตายกันหมดนะครับ!”
หลังจากได้ยินข่าวลือว่า ตระกูลอังเกนัสจะบุกเข้าโจมตีปราสาทหลังเก่าที่คนตระกูลบราวน์หลบหนีมาอยู่ในตอนนี้ ราล์ฟก็รีบร้อนเดินทางมาพบอาจารย์ในทันที
โชคดีที่เจอราร์ด บราวน์ กำลังช่วยอบรมสั่งสอนสกิลการฟันดาบของชานตั้น บุตรชายของราล์ฟ เซอเชาว์ อยู่พอดี
ทั้งๆ บุตรชายของเขายังเล็กมาก และเพิ่งจะอยู่ในวัยที่เริ่มจับดาบไม้กวัดแกว่งไปมาเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องใส่ใจขนาดนั้นเลยแท้ๆ แต่ต่อให้ราล์ฟจะพยายามห้ามปรามแค่ไหน เจอราร์ด บราวน์ ก็ยังอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ช่วยอบรมสั่งสอนกระทั่งบุตรชายของลูกศิษย์อย่างเขา
“ได้โปรดเถอะครับ ท่านอาจารย์!”
ราล์ฟอึดอัดใจจนแทบคลั่ง เขาร้องตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
“ราล์ฟ วันนี้เจ้าจงเดินทางกลับไปยังเซอเชาว์เสียเถอะ”
“ทะ…ท่านอาจารย์…ไม่ได้นะครับ ข้าเองก็จะอยู่ที่นี่ อยู่ร่วมต่อสู้ไปด้วยกันกับตระกูลบราวน์ครับ ข้าเป็นอัศวินตระกูลบราวน์!”
“ไม่ใช่ เจ้าเป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาลูกศิษย์มากมายของตระกูลบราวน์ที่มาศึกษาเล่าเรียนวิชาดาบ เพราะทางตระกูลเซอเชาว์ไหว้วานมาเท่านั้น”
“แต่ว่า…!”
“อยากจะพาบุตรชายเจ้าไปตายด้วยหรือไง”
เจอราร์ด บราวน์ ผู้เป็นเจ้าตระกูลจงใจตอบลูกศิษย์ด้วยคำพูดที่โหดร้าย เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ปรับระดับสายตาให้ตรงกับเด็กน้อยชานตั้น
“ชานตั้น เจ้าอยากจะเป็นอัศวินใช่หรือไม่”
“ครับ!”
เจอราร์ด บราวน์ มองนัยน์ตากลมโตกระจ่างใสของเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะยิ้มจางออกมา
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะต้องจำใส่ใจเอาไว้เรื่องหนึ่ง สัญญากับอาจารย์ได้หรือไม่ว่าเจ้าจะทำมันให้ได้”
“ครับ ท่านอาจารย์!”
ชานตั้นพยักหน้าตอบอย่างแรง
“สัญญากับอาจารย์ว่า เจ้าจะถือดาบเพื่อปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า จะไม่ทำเรื่องเลวร้าย และเรื่องสุดท้าย”
เจอราร์ด บราวน์ จินตนาการครุ่นคิดไปถึงอนาคตของเด็กน้อยชานตั้นผู้มีความสามารถด้านการฟันดาบสูงส่งจนเหมือนอัจฉริยะ
“เรื่องสุดท้าย หากดาบของเจ้าแข็งแกร่งและคมยิ่งกว่าผู้ใด ก็จงเข้าไปเป็นอัศวินประจำกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เสีย และช่วยปกป้องราชวงศ์ดิวเรลลี่ ช่วยปกป้องอาณาจักรแลมบลูแห่งนี้แทนอาจารย์ได้หรือไม่”
คำกล่าวประโยคสุดท้ายของเจ้าตระกูลบราวน์ ทำให้ราล์ฟได้แต่กำหมัดแน่น
และชานตั้นก็ตอบเสียงใสอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ครับ ท่านอาจารย์! ข้าสัญญาครับ! ข้าจะต้องกลายเป็นอัศวินประจำกองกำลังส่วนพระองค์ให้ได้!”
“ดีมาก ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”
เจอราร์ด บราวน์ หัวเราะด้วยความโล่งอก ราวกับปลดเปลื้องทุกอย่างแล้วจากใจจริง
ช่วงบ่ายวันนั้น ราล์ฟ เซอเชาว์ ก็พาตัวชานตั้นบุตรชายเดินทางกลับสู่ตระกูลเซอเชาว์
และในคืนเดียวกันนั้นเอง
อังเกนัสก็บุกเข้าโจมตีตระกูลบราวน์
ชานตั้นตัดสินใจที่จะเป็นอัศวินประจำกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอดีตเจ้าตระกูลบราวน์ และได้รับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ในที่สุด
แต่ในใจของชานตั้น เซอเชาว์ นั้น ไม่เคยมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
ราชวงศ์ดิวเรลลี่ที่เขาคอยรับใช้อยู่ข้างกาย ช่างแสนสกปรกและน่ารังเกียจยิ่งกว่าตระกูลใดเสียอีก
ไม่ใช่บุคคลที่สมควรได้รับความจงรักภักดีเลยสักนิด
ชานตั้น เซอเชาว์ ไม่เคยมีความสุขที่ต้องคอยรับใช้คนเหล่านั้น
ในที่สุดวันพรุ่งนี้แล้วเขาก็จะได้ปลดปล่อยหน้าที่หัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์นี่เสียที
“หนังสือเล่มนี้ มอบให้กระหม่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ชานตั้น เซอเชาว์ กล่าวกับเจ้าชายน้อย
ให้หนังสือเล่มนี้ได้กลับสู่เซอเชาว์ไปพร้อมกับเขา อย่างไรก็ดีต่อหนังสือมากกว่าจะให้มันอยู่กับเจ้าชายที่ไม่รู้ว่าจะตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดินีเมื่อไหร่อยู่แล้ว
เขาคิดเช่นนั้น
“หนังสือเล่มนั้นเป็นของที่สำคัญมากสำหรับข้า”
เจ้าชายลำดับที่สองเอ่ยตอบ คิ้วขมวดแน่นเป็นปมไม่สมกับเป็นเด็ก
ตอนนั้นเองชานตั้นถึงได้มองสำรวจคู่มือวิชาดาบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ดูเหมือนจะเคยเปิดอ่านหลายรอบทีเดียว ทั่วหน้ากระดาษหนังสือถึงได้มีรอยนิ้วมือเปรอะอยู่เต็มไปหมด
กระทั่งเชือกหนังที่ร้อยสันหนังสือเอาไว้ให้เป็นเล่ม ก็ยังเริ่มคลายตัวหลวมไปมาก
“เฮ้อ”
แล้วเจ้าชายลำดับที่สองก็ถอนหายใจเสียงแผ่ว
“เอาไปเถอะ”
“…ไหนว่าเป็นของสำคัญไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะมอบให้ ถ้าหากวันหนึ่งมีใครมาขอมันคืนไป ข้าสัญญาไว้แล้วว่าจะมอบให้คนคนนั้น”
ชานตั้น เซอเชาว์ ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในคำพูดพึมพำของเจ้าชายลำดับที่สอง
“ถ้าไม่ให้ เทียคงจะผิดหวังในตัวข้า”
แต่เจ้าชายลำดับที่สองที่พูดออกมาแบบนั้นก็ยังคงไหล่ลู่ตกลง ท่าทางจะเสียใจอยู่มากทีเดียวเชียว
ชานตั้น เซอเชาว์ เริ่มรู้สึกผิด นี่มันเหมือนว่าเขาไปแย่งเอาของสำคัญมากจากเด็กตัวเล็กๆ เลยไม่ใช่หรือไงกัน