เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 222.1
เล่ม 6 บทที่ 222.1
ตอนที่ 222
“เครย์ลีบัน!”
เธอมองเครย์ลีบันกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเครย์ลีบันเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นทันที
หมับ!
คงเป็นเพราะขี่ม้ามาละมั้ง ถึงได้มีกลิ่นสายลมอ่อนๆ โชยมาจากตัวของเครย์ลีบัน
“…ท่านฟีเรนเทีย”
เครย์ลีบันเองก็กอดตอบเธอแน่นเช่นเดียวกัน
“ลำบากมากแล้วนะคะ เครย์ลีบัน กลัวมากเลยใช่มั้ยคะ”
“ถ้าบอกว่าไม่ก็คงจะเป็นคำโกหกครับ”
ถึงแม้จะพูดแบบนั้นยิ้มๆ ด้วยคลายความกังวลลงไปได้บ้างแล้ว แต่ร่างกายของเครย์ลีบันกลับสั่นเทาเล็กน้อย
“ท่านพี่…”
ลอรีลเดินเข้าไปหาเครย์ลีบันอย่างระมัดระวัง
หยาดน้ำตาที่กว่าจะห้ามไม่ให้หลั่งไหลออกมาได้ก็ต้องปลอบกันแทบแย่ กำลังเอ่อล้นรอบนัยน์ตาของลอรีลที่แดงก่ำอีกครั้ง
“…ท่านลอรีล”
เครย์ลีบันเหม่อมองภาพนั้นอยู่นิ่งๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อยื่นให้
“ขะ…ขอบคุณ…ฮึก!”
ลอรีลเบิกตากว้าง นางรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น แต่แล้วก็ต้องระเบิดร้องไห้ออกมาเสียงดัง
เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนที่เครย์ลีบันพกติดตัวผืนนั้น มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันกับที่นางเคยมอบให้เมื่อคราวก่อน
ถึงแม้จะไม่แสดงออกมาภายนอก แต่เครย์ลีบันก็ยอมรับว่าลอรีลเป็นน้องสาวของเขาอยู่ลึกๆ ในใจ
เครย์ลีบันลูบไหล่ของลอรีลอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบโยน แล้วหันมาพูดกับเธอ
“กองกำลังอัศวินพาตัวไวโอเล็ตไปครับ”
“ไวโอเล็ต”
เธอหันขวับไปจ้องกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์
“ไอ้เวรพวกนั้นนี่ จริงๆ เลย”
อยากจะจัดการพวกมันให้ราบคาบอย่างที่ใจอยากเหลือเกิน
แต่มันยังไม่ถึงเวลา
ต้องรอให้มันสุกงอมเต็มที่เสียก่อน
“กระทั่งคุณไวโอเล็ตก็ด้วย…ทำยังไงดีล่ะคะ คุณหนู”
ลอรีลถามเธอด้วยนัยน์ตาหวาดกลัว มือข้างหนึ่งจับชายเสื้อของเครย์ลีบันเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไร จะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่”
“แต่ข้อหานั่น…”
สมรู้ร่วมคิดก่อการลอบสังหารองค์จักรพรรดิ
ช่างเป็นข้อหาที่หนักหนาเหลือเกิน
“ให้ท่านพี่อธิบายอย่างชัดเจนว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนั้นไม่ดีกว่าหรือคะ”
ลอรีลเสนอแนะอย่างระมัดระวัง แต่เธอส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นจักรพรรดินีก็คงหาข้อหาอื่นยัดเยียดให้อยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทำเช่นไร…”
“ต้องเล็งเป้าไปที่จักรพรรดินียังไงล่ะ ไม่ให้สร้างเรื่องชั่วช้าพวกนี้ได้อีก”
เธอพูดพลางมองกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่ยังคงยืนประจันหน้ากับกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียอยู่ด้านนอก
“ขนาดสั่งให้กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เคลื่อนไหวแบบนั้น แสดงว่าจักรพรรดินีจนตรอกแล้วจริงๆ ยังไงล่ะ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น”
เพราะคนที่เป็นฝ่ายกุมดาบหันคมเข้าหาอีกฝ่ายคือทางฝั่งนี้ต่างหาก
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประชุมใหญ่แล้ว ขอแค่อดทนให้ได้จนถึงวันนั้นก็พอ”
และหันไปหาเฟเรส
“เรื่องไวโอเล็ต”
“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง”
เฟเรสตอบทันที
“ข้าจะย้ายตัวนางไปที่ตึกกองกำลังอัศวิน และจะคอยดูแลคุ้มครองให้”
โล่งอกที่ผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารเป็นเฟเรส
ต่อให้กองกำลังอัศวินจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย แต่อำนาจสิทธิ์ขาดในการสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ อย่างไรก็ขึ้นตรงต่อเฟเรสอยู่ดี
“ไปก่อนนะ”
เฟเรสเอ่ยพลางกระโดดกลับขึ้นไปบนม้า
“เดี๋ยว”
เธอดึงรั้งแขนของเฟเรสแรงเล็กน้อย
“จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับไวโอเล็ตเหมือนตอนเบเลซักไม่ได้เด็ดขาดนะ ข้ารู้ว่าตอนนั้นเจ้าจงใจปล่อยให้เวรยามหละหลวม แต่ว่า…”
เธอหยุดชะงัก
เพราะจู่ๆ ริมฝีปากของเฟเรสก็เคลื่อนเข้ามาใกล้
มันสัมผัสกับริมฝีปากเธอเพียงครู่ ก่อนจะถอยห่างออกไป ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วครู่
จุมพิตนี่มันหมายความว่าอะไรล่ะเนี่ย
ราวกับอ่านความคิดเธอออก เฟเรสหัวเราะเสียงทุ้ม แล้วเอ่ยพูด
“ก็คงไม่ได้พบหน้ากันสักพักนี่นา”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ เฟเรส จะปล่อยให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับไวโอเล็ตไม่ได้เด็ดขาด ไวโอเล็ตเป็นคนของข้า”
“ข้ารู้ เทีย ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับคนของตัวเองมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง”
เฟเรสจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออีกครั้ง
“เรื่องที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ ข้าไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
เฟเรสกล่าวเช่นนั้น แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
ตอนที่เด็กหนุ่มกุมบังเหียนพร้อมออกเดินทาง เธอก็เดินเข้าไปใกล้เขา
“ระวังตัวด้วย”
ข้างนอกนั่นตอนนี้เป็นสนามรบไปแล้ว
เธออาจจะปลอดภัยอยู่ในคฤหาสน์ก็จริง แต่การต้องส่งเฟเรสออกไปข้างนอกนั่นลำพัง มันทำเอาเธออดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้
เฟเรสพยักหน้าลง เขายกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร
“ไปกันเถอะ ย่าห์!”
กุบกับ กุบกับ!
หลังจากเฝ้ามองม้าของเฟเรสวิ่งผ่านเขตรั้วคฤหาสน์ออกไปไกลจนลับสายตา เธอจึงค่อยพาเครย์ลีบันเดินกลับเข้าไปด้านใน
* * *
ณ ห้องทำงานเจ้าตระกูลประจำคฤหาสน์อังเกนัส
“เครย์ลีบัน เพลเลส ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ”
อีเดน ครูส รายงานให้จักรพรรดินีทราบ
มันเป็นห้องที่มีไว้สำหรับดิวอิจซึ่งเป็นเจ้าตระกูลอังเกนัส แต่อีเดน ครูส ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินอังเกนัสไม่ได้คิดกังขาในพฤติกรรมของจักรพรรดินีเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้หนูโสโครก…!”
จักรพรรดินีกัดฟันกรอด ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ
“ก็น่าจะเฝ้าหน้าคฤหาสน์ตั้งแต่แรกสิ!”
จักรพรรดินีตวาดเสียงลั่นใส่อีเดน ครูส
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”
ราวีนีจ้องอีเดน ครูส ที่ก้มหน้าขออภัยอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยถาม
“เอกสารสัญญากับโฉนดที่ดินล่ะ”
“ตอนนี้กำลังค้นทั่วคฤหาสน์เพลเลสกับตึกร้านค้าทั้งหมดอยู่พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นานจะต้องหาเจอแน่”
“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม ก็ต้องหามันมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น…”
ราวีนีหยุดนิ่ง ในสถานการณ์ตอนนี้ที่นางสามารถเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิให้เลือกข้างฝ่ายอังเกนัสได้แล้วนั้น หนังสือสัญญานั่นจะกลายเป็นจุดอ่อนที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว
“สังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย”
ราวีนีพึมพำขณะกัดปลายเล็บด้วยความกระวนกระวายใจ นางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง
“เสด็จแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อีเดน ครูส ช่วยสวมเสื้อคลุมตัวนอกของจักรพรรดินีคลุมลงบนไหล่ของนาง
“อีเดน”
จักรพรรดินีหันกลับไปมองอีเดน ครูส
“เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการขัดขวางไม่ให้เครย์ลีบัน เพลเลส ไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งนี้”
เพราะคนที่สามารถทำให้หนังสือสัญญานั่นมีผลตามกฎหมาย มีเพียงแค่ ‘เจ้าของร้านค้าเพลเลส’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“เฝ้าจับตามองหน้าคฤหาสน์ลอมบาร์เดียให้ดี และหากเครย์ลีบัน เพลเลส ออกมาเมื่อไหร่ ก็สังหารทิ้งเสีย”
ทำลายร้านค้าเพลเลสให้สิ้นซากไปเสียก็ไม่เลวนัก
รอยยิ้มงดงามแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนี
* * *