เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล - เล่ม 6 บทที่ 225.2
เล่ม 6 บทที่ 225.2
หลังจากประกาศเริ่มประชุม จักรพรรดิโยบาเนสก็มองไปรอบๆ ในขณะที่เอ่ยถามขึ้น
“เจ้าตระกูลบราวน์มาเข้าร่วมด้วยหรือไม่”
“มาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เจ้าตระกูลบราวน์ที่นั่งอยู่ข้างเธอโค้งศีรษะตามธรรมเนียมปฏิบัติ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เจ้าตระกูลอังเกนัสล่ะ”
คราวนี้ทางฝ่ายนั้นตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“มาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
โอเวอร์ชะมัด
ดิวอิจ อังเกนัส ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง ท่าทางดูมั่นหน้ามากจริง
สงสัยคงจะเตี๊ยมกันกับโยบาเนสมาก่อนแล้วนั่นแหละ แถมเครย์ลีบันก็ไม่มาร่วมประชุมแบบนี้อีก
เห็นได้ชัดเลยว่าในใจคงดีใจจนกระโดดโลดเต้นแล้วนั่น
“ตามฎีกาที่ประธานในการประชุมขุนนางยื่นถวาย การประชุมใหญ่ในวันนี้จะเป็นการตัดสินว่า ระหว่างตระกูลบราวน์กับตระกูลอังเกนัส ตระกูลใดจะได้เป็นตัวแทนเขตแดนตะวันตก”
พอจักรพรรดิกล่าวถึงระเบียบวาระประชุมในวันนี้ ทั่วทั้งห้องก็พลันเกิดความตึงเครียดขึ้นทันที
“และผลลัพธ์ที่ได้จากการที่ข้าไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน”
อึก
เสียงใครบางคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอดังขึ้น
“ความแตกต่างของขนาดที่ดินที่ทั้งสองตระกูลครอบครองอยู่ถือว่าต่างกันน้อยมาก”
แค่นั้นเอง
โยบาเนสปิดปากลงเหมือนไม่มีอะไรให้ต้องพูดต่อจากนั้น
ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วละ
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามไม่หลุดเสียงหัวเราะออกไป
แต่บรรดาขุนนางรอบๆ กลับเริ่มส่งเสียงฮือฮากันเบาๆ
เพราะพวกเขานึกว่าองค์จักรพรรดิจะเลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วชี้นิ้วตัดสินใจว่า ‘เจ้าเป็นตัวแทนเขตแดนตะวันตก’ เสียอีก
เธอเงยหน้าขึ้นลอบสังเกตสีหน้าของจักรพรรดินีกับเจ้าตระกูลอังเกนัส
“…อะแฮ่ม”
คราวนี้อันตรายของจริง
เกือบเผลอหลุดหัวเราะออกไปคนเดียวระหว่างการประชุมแล้วเนี่ย
แน่นอนว่า ใบหน้าของพวกนั้นมีแต่สีหน้าตื่นตระหนก
โดยเฉพาะใบหน้าของดิวอิจ อังเกนัส ผู้แสนขี้ขลาดนั่น ตอนนี้ซีดเผือดด้วยความกลัวไปเสียแล้ว
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอถามหนึ่งเรื่องพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าตระกูลบราวน์เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ความแตกต่างที่ว่านั่นมีขนาดเท่าไหร่ และตระกูลใดมีเขตแดนใหญ่กว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าตระกูลบราวน์ยังคงควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยม
เขากลายเป็นชนชั้นสูงอย่างสมบูรณ์แบบจนไม่อยากเชื่อเลยว่า เป็นคนคนเดียวกับคนที่เคยใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน และคอยขับรถม้าไปทั่วเมืองจนถึงเมื่อไม่นานมานี้จริงหรือเปล่า
จักรพรรดิโยบาเนสกวาดสายตามองเอกสารที่ราชเลขาฯส่งให้ พระองค์จะเอ่ยตอบอย่างไม่ปิดบัง
“เขตแดนของตระกูลบราวน์มีขนาดใหญ่กว่า ความแตกต่างที่ว่านั่น…ก็ประมาณเขตแดนใต้การปกครองของจักรพรรดิอย่างข้าได้”
“ถ้าอย่างนั้น…”
“ก็ตัดสินแล้วน่ะสิ”
ตอนที่เหล่าขุนนางเริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกรอบ โยบาเนสก็กล่าวเสริมอีกประโยค
“แต่นั่นก็น้อยเกินกว่าจะใช้ในการเปลี่ยนแปลงตระกูลตัวแทนอยู่ดีมิใช่หรือ”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”
ดิวอิจ อังเกนัส ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง คงเล็งเวลานี้อยู่แล้วสินะ
“แค่นั้นไม่อาจยอมรับได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่สิ ยอมรับไม่ได้เนี่ยนะ หมายความว่ายังไงกัน”
สุดท้ายใครบางคนก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ต่อให้แตกต่างกันแค่เล็กน้อย อย่างไรก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมิใช่หรือไง!”
ในเมื่อจักรพรรดิโยบาเนสไม่ได้ประกาศคำตัดสินออกมาอย่างแน่ชัด แน่นอนว่าก็ย่อมต้องเกิดศึกให้ปะทะฝีปากกันแน่อยู่แล้ว
“ด้วยความแตกต่างแค่นั้น จะให้มอบตำแหน่งตัวแทนเขตแดนตะวันตกที่รักษามาตลอด 40 ปีไปได้ยังไงกันล่ะ!”
ทางฝ่ายอังเกนัสเองก็ตะโกนโต้ตอบกลับไปอย่างไม่คิดยอมแพ้
“เลิกดึงดันจนทำให้ต้องเสียเกียรติสักที ยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วถอยไปเสียเถอะ! หากเป็นขุนนางก็สมควรที่จะปฏิบัติตัวให้มันถูกต้องหน่อย!”
“เกียรติบ้าบออันใดกัน! ฝ่าบาทเองก็บอกอยู่มิใช่หรือ! มันเป็นเพียงความแตกต่างที่เล็กน้อยเกินไป!”
สองฝ่ายต่างก็ตะเบ็งเสียงจนคอเกร็งทะเลาะกันเหมือนอย่างที่เคยทำตอนประชุมสภาขุนนาง แต่โยบาเนสไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ราวกับเพียงแค่เฝ้ามองกองไฟอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเท่านั้น
จักรพรรดินีเองก็จ้องโยบาเนสจนแทบทะลุ
ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่ส่งมาจากข้างๆ แท้ๆ แต่โยบาเนสก็ยังคงเชิดหน้านิ่ง นั่งฟังเสียงทะเลาะเบาะแว้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ในตอนนั้นเอง พอเห็นว่าการต่อสู้ด้วยการปะทะฝีปากเริ่มเงียบลง ดิวอิจ อังเกนัส ก็โยนไพ่ตายในมือออกไปจนได้
“ฝ่าบาท ได้โปรดมีรับสั่งให้ตรวจวัดใหม่อีกครั้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”